ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2211
บทที่ 2211
หลังจากได้รับการสนับสนุนจากพนักงานสาวให้บริการ ทำให้เซียวเวยเวยออกจากขั้นแรกในการรับช่วงต่อบริษัทโมเดลสิ่งซ่างเหม่ยได้
สำเร็จ
หลั่งจากที่เธอวุ่นกับงนในบริษัทจนกระทั่งถึงช่วงเวลาค่ำ ก็ได้เร่งไปโดยสรรถบัสประจำทางเที่ยวสุดท้าย เธอลากสังขารอันเหนื่อยล้า
กลับมายังคฤหาสน์ Tomson Riviera
ตั้งแต่เซียวเวยเวยอออกไปทำงาน สมาชิกครอบครัวตระกูลเยวถือว่าม่ต้องทนอดมื้อกินมื้อแล้ว อย่างน้อยในบ้านก็มีข้าวสารเตรียมไว้
อยู่บ้าง ไม่กล้าบอกว่าสามารถทำให้นายหญิงใหญ่เชียวรวมถึงเชียวฉางเฉียน และเชียวไห่หลงผู้ไร้น้ำยาสองคนนี้ได้กินผักสดและเนื้อ ทว่า
อย่างน้อยในยามที่หิวก็สามารถหุงข้าวเปล่าสักหม้อทนกินไปเพื่อคลายความหิวได้
เซียวเวยเวยกลับมาถึงบ้น นายหญิงใหญ่เซียวเพิ่งจะปรนนิบัติเซียวฉางเฉียนและเซียวไห่หลงให้รับประทานข้าวเปล่าเสร็จ จากนั้นตนก็
ใช้น้ำร้อนเทใส่ถ้วยข้าวครึ่งหนึ่ง ใส่เกลือลงไปอีกเล็กน้อย และรับประทานคนเดียว
เมื่อเห็นเซียวเวยเวยกลับมาแล้ว เธอจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตำหนิเล็กน้อย “เวยเวย วันนี้ทำไมหลานถึงกลับมาดึกขนาดนี้ล่ะ? ย่าอยู่ดูแล
แม่และพี่ชายของหลานคนเดียว เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ทำไมหลานไม่เลิกงานเร็วๆ กลับมาช่วยย่าหน่อย”
เซียวเวยเวยเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษค่ะคุณย่า ธุระที่บริษัทค่อนข้างเยอะ เพราะงั้นเลยทำเสียเวลานานไปหน่อย…”
นายหญิงใหญ่เซียวเอ่ยด้วยความไม่พอใจ “ไปเป็นพนักงานบริการเฉยๆ ไม่ใช่หรือไง? จบงานแล้วก็รับเงินกลับมา ทำไมถึงอยู่จนดึกตื่น
แบบนี้ได้?”
เซียวไห่หลงที่นอนอยู่บนเตียงก็เอ่ยขึ้นมาเช่นเดียวกัน “นั่นน่ะสิเวยเวย วันนี้ฉันอยากกินโจกหมูไข่เยี่ยวม้ามากเลย ยังคิดอยู่เลยว่ารอให้
เธอได้เงินกลับมา ก็จะไปซื้อเนื้อหมูสัก 250 กรัม และซื้อไข่เยี่ยวม้ามาอีกสองลูก ผลสุดท้ายก็รอจนมาถึงตอนนี้แล้ว…”
เชียวฉางเฉียนที่นอนอยู่ข้งๆ เชียวไห่หลงถอนหายใจ เอ่ยว่า “เวยเวย สองวันนี้พ่อเป็นตะคริวบ่อยๆ พอเป็นปุ๊บก็จะเจ็มจนจับใจ แถมเป็น
นานซะด้วยกว่าจะหาย ดูเหมือนว่าโภชนาการทางอาหารในช่วงนี้จะไม่ค่อยดีเท่าไร ขาโปรตีนเยอะมากเกินไป ลูกคิดหาวิธีซื้อยาเสริมโปรตีน
ให้พ่อหน่อยจะได้ไหม”
เซียวเวยเวยมองดูพ่อและพี่ชายที่มีท่าทางน่สงสาร ก็รู้สึกสงสรขึ้นมาจับใจ เธออยากที่จะเล่าเรื่องราวที่ประสบในวันนี้ให้พวกเขาฟัง
มาก ให้พวกเขาได้ทราบว่า เย่เฉินให้โอกาสที่ดีมากกับตน ให้ตนบริหารบริษัททั้งบริษัท แถมยังให้เงินเดือนหนึ่งหมื่นหยวนอีกด้วย
ทว่า เมื่อนึกถึงที่เยเฉินเคยบอกไว้ว่า ไม่อยากให้มีปัญหาหม่สอดแทรกเข้ามา บอกให้ตนเก๊บเรื่องนี้เอาไว้ไม่ให้พูดแพร่ออกไป เธอจึงอด
กลั้นความบุ่มบ่าม เก็บเรื่องนี้เอาไว้ เธอเอ่ยขึ้นว่า “พ่อคะ พี่คะ ทั้งสองคนอดทนหน่อยนะ ที่บริษัทเลื่อนตำาแหน่งให้ฉันแล้ว ให้ฉันไปทำเป็น
พนักงานจัดการ เงินเดือนได้ตั้งหมี่นหยวนเลยนะ พรุ่งนี้ฉันจะไปหาการเงินบอกให้จ่ายเงินเดีอนล่วงหน้าครึ่งเดือน ถึงตอนนั้นจะต้องเปลี่ยนชีวิต
ความเป็นอยู่ของครอบครัวได้แน่”
เซียวฉางเฉียนซักถามด้วยความตื่นเต้นดีใจ เอ่ยว่า “เวยเวย ที่ลูกพูดเป็นเรื่องจริงหมดเลยเหรอ?! ลูกได้เป็นพนักงานจัดการในบริษัท
แล้วอย่างนั้นเหรอ?!”
เซียวไห่หลงก็รีบเอ่ยถามเช่นกัน “เวยเวย ได้เงินเตือนหนึ่งหมื่นจริงเหรอ?!”
เซียวเวยเวยพยักหน้าหงึกๆ เอ่ยขึ้นอย่างจริงจ้ง “ได้เงินเดือนหนึ่งหมื่นจริงๆ”
ขณะที่พูตอยู่ เธอก็ควักโทรศัพท์ยี่ห้ไอโฟนรุ่นใหม่ที่เย่เฉินซื้อให้เธอออกมา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ “เจ้านายเห็นว่าฉัน
ไม่มีโทรศัพท์ ทำงานไม่สะดวกเท่าไร เลยให้…
“แม้เจ้าโว้ย!” เซียวให่หลงตื่นเต้นขึ้นมาทันควัน เอ่ยขึ้นว่า “น้องรัก! เธอจะได้ต่เต้าสู่ความสำเร็จแล้ว! โทรศัพท์เครื่องละหมื่นกว่า เจ้า
นายของเธอก็ซื้อให้เลย ใจป้ำจริงๆ เลย!”
นายหญิงใหญ่เชียวที่อยู่ข้างๆ ก็ตื่นต้นจนน้ำตาไหลอามหน้า เธอเอ่ยขึ้นน้ำเสียงสะอีกสะอื้นว่า “ถ้าเวยเวยได้เงินเดือนหนึ่งหมื่นจริงๆ งั้น
หนึ่งวันก็เท่ากับสามร้อยกว่า มีเงินเยอะขนาดนั้น ชีวิตของครอบครัวเราก็จะดีขึ้นมากเลย!”
ขณะที่เอ่ย นายหญิงใหญ่เซียวก็คิดคำนวณ เอ่ยว่า “ตอนนี้เนื้อหมูก็ครึ่งกิโลยี่สิบกว่าหยวน ข้าวสารครึ่งกิโลก็ประมาณสามหยวน
ครอบครัวเรามีกันสิ่คน หนึ่งวันซื้อเนื้อหมูครึ่งกิโล ข้าวสารหนึ่งโล แล้วซื้อผักสดกเกน้อย ราคาอาหารอย่างมากสุดก็แค่เจ็ดสิบแปดสิบ
หยวนเท่านั้น และซื้อนมสองสามขวดทุกวันเพื่อเสริมโปรตีน หนึ่งร้อยหยวนก็พอแล้ว ฉางเฉียนและให่หลงก็จะได้กินยาที่ทำให้ฟื้นฟูเร็วขึ้นสัก
นิดสักหน่อยด้วย ต่อให้หนึ่งวันจะต้องใช่จ่ายเพิ่มอีกหนึ่งร้อยหยวน, ก็ยังเหลือเงินอีกหนึ่งร้อยเชียวนะ!”