ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2459
บทที่ 2459
ซูเฉิงเฟิงเชิญไหม้เฉิงซินมานั่งที่โซฟาอย่างนอบน้อม หลังจาก นั่งลง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนั้นจึงพูดอย่างเจ็บปวด “เฮ้อ! ลุง ครั้งนี้คุณต้องช่วยผมนะ!”
ไหม้เฉิงซินพยักหน้า และพูดอย่างจริงจัง “ในเมื่อมาถึงที่นี่ แล้ว ฉันต้องทำสุดความสามารถ เพราะฉะนั้นนายต้องเล่าทุก อย่างให้ฉันฟัง”
ซูเฉิงเฟิงรับปาก จากนั้นจึงพูดอย่างทอดถอนใจ “ยังไงแล้ว ก็ เป็นความผิดของคนแก่หน้ามืดตามัวอย่างผม ตัดสินใจทำเรื่อง ที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผล
พูดพลาง ซูเฉิงเฟิงก็เล่าเรื่องที่สองพี่น้องซูจือเฟยกับซูจือหยู ถูกลักพาตัวที่ญี่ปุ่น จนกระทั่งเรื่องที่ซูรั่วหลีทำลายตระกูลมัตสึ โมโตะทั้งตระกูล จนถึงเรื่องที่เขาหักหลังรั่วหลี เรื่องลอบฆ่า ไห่ชิง ให้ไหม้เฉิงซินฟัง
เมื่อฟังจบ เขาถามอย่างกังวล “ลุง คุณว่าครั้งนี้ ผมจะโดน กรรมตามสนองหรือเปล่า”
ไหม้เฉิงซิน โบกมือไปมา จากนั้นจึงพูดอย่างจริงจัง “เฉิงเฟิง นายเป็นลูกของเพื่อนฉัน ก็เท่ากับเป็นหลานของฉัน งั้นฉันไม่พูด อะไรลึกลับพวกนั้นแล้ว นายจำเอาไว้ บนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะด้าน วงจุ้ย หรือด้านวิทยาศาสตร์ ไม่มีอะไรที่เรียกว่ากรรมตามสนอง
ซูเฉิงเฟิงถามอย่างตกใจ “ทำไมล่ะครับ คุณนับถือลัทธิเต๋า อะไรพวกนี้ ต้องมีพวกกรรมตามสนอง การแก้แค้นอะไรพวกนี้ ไม่ใช่เหรอ”
ไหม้เฉิงซินส่ายหน้า “ที่นายพูดคือพุทธศาสนา อีกอย่างพวกที่ ร่าเรียนด้านชวนชวน ฮวงจุ้ย ไม่จำเป็นต้องนับถือลัทธิเต๋า พวก เราคืออี้จิงปากัว ฉีเหมินตันเจี้ย
ซูเฉิงเพิ่งรีบถามต่อ “แล้วที่คุณพูดว่าไม่มีกรรมตามสนอง คือ เรื่องจริงไหม”
ไหม้เฉิงซินหัวเราะและพูดว่า “จากความคิดของฉัน มันคือ ความจริง แต่ถ้านายยังไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ฉันจะให้นายได้รู้จัก ชวนชวนและฮวงจุ้ย ถือว่าเป็นการศึกษาแล้วกัน”
ซูเฉิงเฟิงรีบพูดว่า “เชิญคุณพูดมาเลยครับ”
ไหม้เฉิงซินเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดว่า “ฉันถามนาย หน่อย ถ้าพูดถึงเรื่องกรรมตามสนอง คนชั่วต้องได้รับการลงโทษ ส่วนคนดี ต้องได้รับสิ่งตอบแทน ถูกต้องไหม”
ซูเฉิงเฟิงพยักหน้า “อย่างที่เขาพูดกัน ก็เป็นเช่นนี้ครับ
ไหม้เฉิงซินย้อนถาม “งั้นพวกเด็กที่เพิ่งเกิด แล้วเสียชีวิตก่อน วัยอันควร ชีวิตของเขาเพิ่งได้เริ่มต้น ไม่ได้ทำผิด ไม่ได้ทำดี แล้ว ทำไมเขาถึงไม่มีโอกาสได้เติบโตอย่างแข็งแรงล่ะ”
ซูเฉิงเฟิงสีหน้ากระอักกระอ่วน “เรื่องนี้…ผม…ผมก็ไม่รู้จะพูด อย่างไร…
ไหม้เฉิงซินพยักหน้า และถามต่อ “งั้นฉันถามนายอีก ทำไม พวกคนที่ทําดี สะสมบุญมาทั้งชีวิต มักจะดวงชะตาไม่ดี
พูดพลาง ไหม้เฉิงซินถอนหายใจอย่างหดหู และพูดอย่าง เนิบๆ “ตอนฉันยังเด็ก บังเอิญประสบกับสงครามจงหยวน พ่อ ย้ายครอบครัวจากจงหยวนมาที่เย็นจิง เพื่อหนีสงคราม”
“ตอนนั้น ฉันอยู่ที่ซอยเม่าเอ๋อร์ มีสตรีคนหนึ่งเป็นเพื่อนบ้าน
เธอกินเจ สวดมนต์ทุกวัน ยึดมั่นในหนทางการทำความดี”
“สามีของเธอด่วนจากไปเสียก่อน เธอต้องเลี้ยงลูกชายสาม คนให้เติบโต และก่อร่างสร้างตัวมาอย่างยากลำบาก แต่เมื่อเธอ แก่ตัวลง ลูกชายทั้งสามคน กลับไม่มีใครเลี้ยงดูเธอสักคน”
“ลูกสะใภ้ทั้งสามคน ต่างผลัดเปลี่ยนกันมาด่าทอถึงบ้าน เพื่อ ต้องการแย่งชิงทรัพย์สินของครอบครัว ทุกครั้งที่มา จะต้อง ฉกฉวยของบริโภคไปเล็กๆ น้อยๆ ขนาดกะละมังเก็บน้ำ ก็ยังทุบ ให้แตก ถึงจะพอใจ คงรอให้เธอตายเร็วๆ จะได้ครอบครองบ้าน แบบโบราณ”
“ถึงลูกชายทั้งสามจะไม่ทำร้ายเธอ แต่จะพูดเสียดสีเธอทุก ครั้งที่มา ถึงขนาดที่ข้างบ้านมีขบวนแห่ศพลูกชายเธอหน้าและ ก่นด่าเธอ ว่าทำไมไม่เป็นเหมือนคนแก่ข้างบ้าน ไม่ตายๆ ไปซะ
“หญิงชราไม่เพียงแต่จะกินไม่อิ่ม ยังต้องเหน็บหนาว น้ำตา นองหน้าทุกวัน ถึงจะไม่ได้ร้องไห้จนตาบอด แต่การมองเห็นของ เธอเสื่อมลงทุกวัน บวกกับตะเกียงที่จุดไม่ติด เมื่อตะวันลับขอบ ฟ้า จะตกอยู่ในความมืดมิด และใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก