ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2492
เย่เฉินรีบขับรถไปตามถนนริมแม่น้ำ ในตอนที่เขาเห็นเซียวฉางควน หานเหม่ยฉิงก็ยืนอยู่ข้างๆเซียวฉางควนแล้ว กวักมือเรียกเขาอย่างแรง ส่งสัญญาณให้เขาวิ่งต่อไป ในขณะที่เซียวฉางควนนั่งอยู่ตรงริมฟุตบาท ได้แต่โบกมือไปมาด้วยใบหน้าทุกข์ทรมาน
เย่เฉินจอดรถข้างๆ เซียวฉางควนที่เห็นเขา ก็ราวกับได้เห็นผู้ช่วยชีวิต ดวงตาเต็มไปด้วยประกาย
แต่ทว่า เขายังจงใจไม่รีบพูดกับเย่เฉิน
กลับกันหานเหม่ยฉิงที่เห็นเย่เฉิน ก็เอ่ยปากพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มก่อนว่า“เย่เฉินมาแล้วสินะ!”
เย่เฉินเห็นหานเหม่ยฉิงสวมชุดออกกำลังกายรัดรูป แล้วแอบอุทานในใจว่า“คุณน้าหานเป็นไอดอลของชายวัยกลางคนกับชายแก่จริงๆ ทั้งรูปร่าง หน้าตา อารมณ์ท่าทาง ดูเหมือนคนอายุห้าสิบที่ไหนล่ะ ?”
บอกว่าเธออายุสามสิบ คงจะมีคนส่วนใหญ่เชื่อ
จากนั้น เย่เฉินก็พยักหน้าแล้วส่งยิ้มทักทายให้กับหานเหม่ยฉิง แล้วพูดว่า“สวัสดีครับคุณน้าหาน”
พูดจบ เย่เฉินก็กลั้นใจ แล้วแสร้งถามว่า“คุณน้าหานครับ ผมได้ยินคุณพ่อบอกว่าคุณน้าไม่สบาย ทำไมถึงออกมาวิ่งล่ะครับ?อีกทั้งสีหน้าของคุณน้ายังมีชีวิตชีวาอีกด้วย ไม่เหมือนคนป่วยเลยแม้แต่นิดเดียว”
หานเหม่ยฉิงพูดอย่างยิ้มๆ“ตอนแรกมีไข้จริงๆนั่นแหละจ๊ะ แต่พ่อของนายน่ะเอาโจ๊กข้าวฟ่างมาให้ฉันกิน พอฉันกินเสร็จก็ดีขึ้นมาในทันที!”
เย่เฉินแสร้งถามอย่างตกใจว่า“โจ๊กข้าวฟ่างดีขนาดนั้นเชียวหรอครับ?ผมพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย”
หานเหม่ยฉิงพูดอย่างยิ้มๆ“เอาจริงๆนะ ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ฉันหายดีแล้วล่ะ อีกทั้งตอนนี้ยังรู้ว่าร่างกายมีพลังกำลังที่ใช้ไม่หมด”
เย่เฉินพยักหน้า แล้วมองไปที่เซียวฉางควนที่ใบหน้าแดงก่ำที่พื้น ทั้งหัวเต็มไปด้วยเหงื่อ จึงพูดแซวขึ้นมาว่า“คุณพ่อครับ ทำไมไม่กินโจ๊กข้าวฟ่างสักชามล่ะครับ?”
เซียวฉางควนพูดอย่างโกรธเคือง“ถ้าฉันรู้ว่าโจ๊กข้าวฟ่างได้ผลขนาดนี้ ฉันต้องซื้อกินสักชามอยู่แล้ว”
พูดจบ เขาก็แสร้งทำเป็นเปลี่ยนบทสนทนาแล้ว แล้วถามเขา ด้วยสีหน้าช่วยไม่ได้“โธ่เย่เฉิน ทำไมนายถึงมาเร็วขนาดนี้ล่ะ?ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรอว่าเดี๋ยวรอครึ่งชั่วโมงค่อยมารับฉันน่ะ?ฉันยังต้องวิ่งกับคุณน้าหานของนายอยู่เลย”
เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อตา เย่เฉินก็รู้สึกแปลกใจ แต่ก็ได้สติขึ้นมาทันที
ประมาณการว่า พ่อตาจะต้องกลัวเสียหน้าต่อหน้าหานเหม่ยฉิง ดังนั้นจึงจงใจพูดขึ้นมาแบบนั้น แสดงให้เห็นเหมือนกับว่าเขาไม่ได้จะหนีออกไปเร็วขนาดนี้
ดังนั้นเฉินจึงหัวเราะแล้วพูดขึ้นมาว่า“ฝั่งผมเสร็จเร็วน่ะครับ เลยเข้ามาก่อน ถ้าคุณพ่อยังวิ่งไม่พออีกล่ะก็ วิ่งต่ออีกสักหน่อยก็ได้นะครับ ผมรอคุณพ่อเอง”
เซียวฉางควนที่ได้ยินคำพูดแบบนี้ ถึงกับรีบโบกมือ“ไม่วิ่งแล้วๆ ดึกป่านนี้แล้ว ให้นายรอแบบนี้ฉันเกรงใจน่ะ”
เย่เฉินหัวเราะแล้วพูดว่า“เห้อ!พ่อรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรอครับผมไม่มีงานอะไรให้ทำจริงจังสักหน่อย อีกอย่างวันนี้ชูหรันประชุมอยู่ที่ตี้เหากรุ๊ป ผมไม่รีบกลับหรอกครับ”
เซียวฉางควนค่อยๆกลอกตาใส่เย่เฉินหนึ่งครั้ง แล้วพูดในใจว่า“ฉันอุตส่าห์เรียกแกว่าลูกเขยที่รัก เวลาแบบนี้แกไม่รู้จักหาทางแก้ตัวให้ฉันหน่อย ยังแกล้งถอนคำแก้ตัวของฉันอีก เด็กอย่างแกมันร้ายจริงๆ”
คิดไปด้วย เขาก็อดถอนหายใจไม่ได้ แล้วพูดว่า“โธ่ พึ่งนึกขึ้นได้ ฉันมีนัดกับเพื่อนตอนกลางคืนเพื่อไปเอาของ นี่ก็ดึกมากแล้ว เรากลับกันก่อนเถอะ”
พูดจบ เขาก็มองไปที่หานเหม่ยฉิง แล้วกล่าวขอโทษว่า“เหม่ยฉิง วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะ เดี๋ยวรอวันว่างๆผมค่อยมาวิ่งเป็นเพื่อนคุณ?”
หานเหม่ยฉิงพยักหน้าอย่างยิ้มๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า“ได้ค่ะ นี่ก็ดึกแล้ว คุณกลับไปกับเย่เฉินเถอะค่ะ ทำให้คุณมาจากที่ไกลขนาดนี้เพื่อดูแลฉัน ยังวิ่งเป็นเพื่อนฉันนานขนาดนี้อีก”
ในใจของเซียวฉางควนอยากร้องไห้ แต่ปากกลับหัวเราะเหอะๆแล้วพูดว่า“นี่เป็นเรื่องเล็กนะ ไม่งั้นคุณไปกับผมไหมล่ะ ให้เย่เฉินไปส่งคุณกลับบ้าน”
หานเหม่ยฉิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าพลางพูดขึ้นมาว่า“ได้ค่ะ วิ่งคนเดียวไม่สนุกอะไร รบกวนเย่เฉินไปส่งฉันด้วยแล้วกัน”
เย่เฉินหัวเราะแล้วพูดว่า“คุณน้าหานเกรงใจเกินไปแล้ว รีบขึ้นรถเถอะครับ”
เซียวฉางควนรีบเปิดประตูด้านหลังให้หานเหม่ยฉิง ในตอนที่หานเหม่ยฉิงจะเตรียมขึ้นรถนั้น จู่ๆก็มีคนคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาอย่างแปลกใจว่า“เหม่ยฉิง!คุณทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?!