ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2825
แนจื๋อข่ายเข้าใจความหมายในคำพูดของเย่เฉินในทันที และทันใดนั้นก็พูดขึ้นว่า“คุณชายครับ ผมเข้าใจความหมายของคุณแล้วครับ ซูเฉิงเฟิงอยู่ในตำแหน่งผู้นำตระกูล จะต้องมีคนจำนวนมากจ้องจะงาบเขาตลอด จากสถานการณ์ในตอนนี้ เขาจะต้องไม่กล้าออกจากหัวเซี่ยอย่างแน่นอน”
“ใช่”เย่เฉินพยักหน้า แล้วหัวเราะ“ซูเฉิงเฟิงเหมือนจะมีลูกชายห้าคน คนโตกับคนรองอยู่ในมือผม ที่เหลืออีกสามคน สามคนนี้ จะต้องคาดหวังที่จะสืบทอดมรดกอย่างแน่นอน”
พูดจบ เย่เฉินก็พูดอีกว่า“ตอนแรก สามคนนี้อาจจะไม่มีความคิดแบบนี้ แต่หลังจากที่พี่ใหญ่กับน้องรองหายตัวไป จะต้องทำให้ในใจของพวกเขา เกิดภาพหลอนที่ว่าตัวเองมีโอกาสได้สืบทอดมรดกทั้งหมด นี่ยังไม่นับบรรดาหลานๆของซูเฉิงเฟิง คนรุ่นใหม่พวกนั้นจะต้องตั้งตารอที่จะได้ควบคุมอำนาจของตระกูลซูแต่เพียงผู้เดียว”
“เพราะฉะนั้น ถ้าไม่สุดวิสัยหรือจำเป็นจริงๆ เขาไม่มีทางออกจากหัวเซี่ยอย่างแน่นอน เพราะขอแค่เขาออกไป อาจจะทำให้ไม่สามารถกลับมาได้อีกต่อไป”
ราชวงศ์ในอดีต มีราชนิกุลจำนวนมากถูกเนรเทศออกไปตลอดกาล สาเหตุก็คือ ผู้มีอำนาจไม่ต้องการให้คนผู้นั้นกลับมาเป็นภัยคุกคามการปกครองของตนเอง
แม้แต่ปัจจุบัน ก็ยังมีการพยายามแย่งชิงบัลลังก์ในต่างประเทศอยู่บ้าง โดยปกติเมื่อประธานาธิบดีออกจากประเทศเพื่อไปเยี่ยมเยือนประเทศอื่น ภายในประเทศก็จะเกิดการรัฐประหาร ในขณะเดียวกันก็จะมีการป้องกันอย่างเคร่งครัด ไม่ให้ประธานาธิบดีคนก่อนกลับประเทศเด็ดขาด
ดังนั้น ประธานาธิบดีคนก่อนก็ทำได้เพียงแค่พลัดถิ่น
เพราะฉะนั้น วันไหนที่ซูเฉิงเฟิงก้าวออกจากหัวเซี่ย เขาจะต้องถูกถอดถอนอย่างแน่นอน!
ซูจือหยูไม่ได้พูดอะไร คอยมองดูเย่เฉินอยู่นาน จากนั้นถึงได้พูดขึ้นมาว่า“ผู้มีพระคุณคะ คุณโทรหาคุณปู่ เพื่ออยากให้บีบให้เขามาขอความช่วยเหลือจากฉันใช่ไหมคะ?”
“ใช่แล้ว”เย่เฉินพยักหน้า แล้วหัวเราะ“ปู่ของคุณตอนนี้ต้องไม่รู้สึกปลอดภัยแน่ ข้างกายเขาไม่มีผู้คุ้มกันเก่งๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ซูหางหรือเย่นจิง หรืออาจจะอยู่ในเมืองอื่นๆภายในประเทศ ก็ยากที่จะรักษาความปลอดภัยของตัวเอง แต่เขาก็เอาแต่ควบคุมอำนาจของตระกูลซูไม่ยอมปล่อยมือ ดังนั้นยิ่งไม่กล้าออกนอกประเทศ ทางเลือกเดียวของเขาก็คือการเจรจาสงบศึก”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เย่เฉินก็สะบัดมือถือที่ปิดเครื่องแล้วในมือไปมา พลางหัวเราะแล้วพูดว่า“แต่ว่าผมพึ่งปล่อยคำพูดออกไป อีกทั้งมือถือเครื่องนี้ก็ถูกปิดเครื่องไปแล้ว เขาอยากเจรจาสงบศึก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาวิธีติดต่อได้ วิธีเดียวของเขาก็คือการตามหาคุณ”
พูดจบ เย่เฉินก็พูดอีกว่า“ถ้าเขาอยากเจรจาสงบศึกกับคุณ ก็ให้คุณตอบตกลงเขาทันที แต่คุณอย่าพูดเด็ดขาดเกินไป คุณบอกแค่ว่าจะพยายามก็พอ แต่คุณไม่มั่นใจว่าจะเกลี้ยกล่อมผมได้หรือไม่”
ซูจือหยูชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วถามเขาว่า“ผู้มีประคุณคะ คุณเป็นกังวลว่าหลังจากที่เขารู้เรื่องที่เราจะร่วมงานขนส่งทางทะเล แล้วเขาจะก้าวออกมาห้ามใช่ไหมคะ?”
“ใช่แล้ว”เย่เฉินพูดอย่างจริงจัง“มูลค่าทางการตลาดของธุรกิจขนส่งทางทะเลของตระกูลซู ภายใต้สถานการณ์ปกติมีมูลค่าอย่างน้อยสามถึงสี่แสนล้านหยวน ถึงตอนนี้จะพบเจอกับปัญหา แต่มูลค่าสินทรัพย์ถาวรที่แท้จริงมีมูลค่าโดยรวมอย่างน้อยสองแสนล้าน ปู่ของคุณเอาเค้กก้อนใหญ่ยกให้คุณ เขาแค่อยากฝากคุณดูแล แต่ไม่ได้ให้คุณผ่ากินแต่อย่างใด”
“ขอแค่คุณเอาบริษัทขนส่งทางทะเลมาร่วมงานกับผม ในสายตาของเขา ก็จะเทียบเท่ากับการที่คุณเอาทรัพย์สมบัติของเขามาโดยไม่เห็นแก่ความยากลำบากของเขากว่าจะหามาได้ จะต้องแตะเขากับต่อมความโกรธของเขาแน่ ถึงเวลานั้นเขาจะต้องพยายามหยุดยั้ง โดยหาทุกวิถีทางต่อต้านคุณอีกครั้ง”
พอพูดถึงตรงนี้ เย่เฉินก็เปลี่ยนบทสนทนา แล้วหัวเราะ“แต่คุณวางใจเถอะ หลังจากที่คุณรับปากว่าจะช่วยเขาพูดให้ไว้ชีวิตเขา ก็ไม่ต้องเป็นกังวลว่าเขาจะแตกหักกับคุณ”
“เพราะผมไม่มีเวลาไปสนใจเขา ที่โทรหาเขาเพื่อข่มขู่ว่าจะไปตามหาเขา มันก็เป็นแค่การแสร้งโจมตีเท่านั้น”
“ดังนั้น ระยะเวลานี้เขายังคงปลอดภัย อย่างน้อยผมก็จะไม่แตะต้องเขา”
“และเขาจะต้องคิดว่าความปลอดภัยแบบนี้ คุณเป็นคนให้ คิดว่าทุกอย่างมาจากการช่วยเหลือของคุณ”
“ถึงเวลานั้น เขาเห็นว่าคุณเป็นเครื่องรางของเขา แล้วจะกล้าหยุดยั้งคุณเอาบริษัทจนส่งทางทะเลออกมาได้อย่างไร แล้วรวมกลุ่มกับผมใหม่?