ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2857
แม้ว่าจะใช้เงินไปเยอะ แต่บัญชีนี้ต้องคิดกับสวีต้านต้านแน่นอน ไม่เกี่ยวกับตน
ดังนั้น เธอจึงรีบยืนยันการร่วมมือกับเซียวเวยเวย ขอบัญชีกับเซียวเวยเวย แล้วให้ฝ่ายบัญชีโอนเงินทันที
ตอนที่จงเทียนหยู่ขึ้นเครื่องบินส่วนตัว และกำลังรอบิน ฝ่ายบัญชีก็จัดการการโอนเสร็จสิ้น หลังจากที่จงเทียนหยู่ใช้โทรศัพท์อนุมัติแล้ว เซียวเวยเวยก็ได้รับการตอบรับจากฝ่ายการเงินทันที ว่าได้รับการโอนจากบริษัทนายหน้านักแสดงของจงเทียนหยู่หนึ่งล้านหยวน
เซียวเวยเวยมีความสุขมากๆ ในความเห็นของเธอ งานนี้มันเป็นการเปลี่ยนชีวิตของทุกคน ดังนั้นเธอจึงส่งข้อความเสียงไปยังกลุ่มพันคนQQ ของบริษัททันที และ@สมาชิกทุกคน:”เพื่อนๆ เมื่อกี้ฉันได้รับงานใหญ่มาแหละ!”
หลายๆคนในกลุ่มรีบถามว่างานใหญ่คืออะไร
เซียวเวยเวยพูดว่า:”เป็นงานชั่วคราว ไปเป็นแฟนคลับหญิงที่สนามบิน อีกฝ่ายต้องการ 300 คน พวกเขาจะมาถึงสนามบินจินหลิงในอีกสองชั่วโมง การไปรับที่สนามบินจะใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ครั้งนี้ผู้จ้างเป็นคนรวย ให้รางวัลคนละสองพันห้า!”
ครั้งนี้เซียวเวยเวยได้รับเงินมา 1 ล้าน ตามกระบวนการ เธอให้กำไร 250,000 กับบริษัท และส่วนที่เหลือทั้งหมด 750,000 คืนให้พนักงาน นับแล้วเท่ากับสองพันห้าต่อคนพอดี
ทันทีที่ข่าวนี้ถูกส่งไป ในกลุ่มก็ระเบิดทันที!
ใครจะกล้าคิดล่ะว่า การเดินทางไปสนามบินครั้งเดียว รวมๆแล้วไปกลับไม่เกินสามชั่วโมง ก็สามารถสร้างสองพันห้าร้อยหยวนได้? ปกติถ้าเวลาสั้นขนาดนี้ มากสุดก็ได้ไม่เกินห้าร้อยหยวน
ดังนั้นหลายร้อยคนในกลุ่มตอบทันที และคำตอบของทุกคนก็คล้ายกัน”พี่เวยเวย ฉันไปๆ! นับฉันด้วย!”
ยังไงซะรายได้ของงานนี้เพิ่มขึ้นหลายเท่า และทุกคนไม่อยากพลาดโอกาสที่ดีนี้
แต่กิจกรรมต้องใช้คนสามร้อยคน และในกลุ่มมีทั้งแบบ full-time และ part-time มากกว่า 1,000 คน คนเยอะคงไม่พอแบ่ง วิธีการแจกจ่ายจึงกลายเป็นปัญหาที่ยากขึ้น
เซียวเวยเวยคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า และพูดว่า:”เนื่องจากครั้งนี้ต้องการจำนวนคนเพียง 300 คน เราจึงมีเงื่อนไขในการเลือกดังต่อไปนี้”
“หนึ่ง ให้พนักงานที่ทำสัญญาเต็มเวลากับบริษัทซ่างเหม่ยก่อน”
“สอง ในบรรดาพนักงานที่ทำสัญญาเต็มเวลา อัตราการเข้าร่วมของเดือนก่อน จะถูกเลือกจากสูงไปต่ำ และ 300 คนที่มีอัตราการเข้าร่วมสูงสุดจะได้รับโอกาสนี้”
“สาม ถ้าผู้ถูกเลือกไม่มีเวลาไป จะถูกเปลี่ยน!”
ทันทีที่เงื่อนไขเหล่านี้ออกมา หลายคนในกลุ่มก็ทั้งสุขทั้งทุกข์
คนที่มีความสุขคือพนักงานตามสัญญาจ้างโดยธรรมชาติ และผู้ที่มีอัตราการเข้างานค่อนข้างสูง
ที่ทุกข์คือพนักงาน part-time เหล่านั้น เดินทีพวกเธอคิดว่าถ้าไม่เซ็นสัญญาเต็มเวลา ก็จะสามารถร่วมมือกับบริษัทต่างๆ ได้ เพื่อให้มีทรัพยากรมากขึ้น และมีอิสระมากขึ้น แต่นึกไม่ถึงเลยว่า พอตอนที่มีเรื่องดีๆ บริษัทกลับให้ความสำคัญกับพนักงานตามสัญญาก่อน
แม้ว่าคนที่ทำ part-time เหล่านี้จะหดหู่มาก แต่ก็ไม่มีอะไรจะพูด นี่ก็คือข้อแลกเปลี่ยนของเสรีภาพในการไม่เซ็นสัญญา เช่นเดียวกับความแตกต่างระหว่างคนทำงานประจำกับพนักงานชั่วคราว ผลประโยชน์ย่อมแตกต่างกันไปโดยธรรมชาติ
นอกจากนี้ พนักงานที่ทำสัญญาเต็มเวลาก็ยอมในกฎนี้ โดยพิจารณาจากวิธีการจัดลำดับการเข้างาน
ท้ายที่สุดแล้ว สาวโมเดลลิ่งแบบพวกเธอ เกณฑ์การประเมินที่สำคัญที่สุดในการสร้างรายได้ให้กับบริษัท คืออัตราการเข้าร่วม ราคาไม่แตกต่างกันมากนัก ใครเข้าร่วมมากรายได้ก็สร้างให้กับบริษัทสูงขึ้น เมื่อเจอเรื่องดีแบบนี้ ก็ต้องยิ่งให้ความสำคัญกับพนักงานเหล่านี้ที่มีผลงานโดดเด่นอยู่แล้ว
เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่คัดค้านการตัดสินใจของเธอ เซียว เวยเวยจึงพูดขึ้นทันทีว่า:”ให้พี่หลิวฝ่ายบัญชีส่งอัตราการเข้าร่วมของเราในเดือนที่แล้วในกลุ่ม พนักงานทุกคนที่อยู่ในสามร้อยอันดับแรก และไม่มีปัญหาเรื่องเวลา ภายในสิบนาทีไปลงทะเบียนกับพี่หลิว เพื่อนๆ100จากอีก 300 คนต่อไปก็จับตาดูแล้ว ถ้า 300 คนแรกไปไม่ได้หรือลงทะเบียนเกินสิบนาที จะถือว่าสละสิทธิ์ แล้วพวกเธอจะมีโอกาสแทนได้ทั้งนั้น!”