ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2959
ไม่นานนายหญิงใหญ่เซียวก็มาถึงหน้าบ้านของเย่เฉินอย่างท่าทางดุดัน แล้วกดกริ่งหน้าบ้าน
ด้านในคฤหาสน์ หลังจากที่เย่เฉินวางเค้กไว้ในตู้เย็นแล้ว ก็กลับสู่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง เซียวชูหรันและพ่อแม่ของเธอก็ยังคงวุ่นวายอยู่ในห้องครัว
เวลานี้เอง เย่เฉินได้ยินเสียงกริ่ง ก็ลุกขึ้นมาที่ประตูบ้าน
เขาดูกล้องวงจรก่อน พบว่าคนที่ยืนอยู่หน้าลานบ้าน เป็นนายหญิงใหญ่เซียว ดังนั้นจึงถามด้วยเสียงเย็นชาว่า “คุณมีอะไรรึเปล่าครับ?”
นายหญิงใหญ่เซียวได้ยินเสียงของเย่เฉิน ก็พูดเสียงเย็นชาว่า “ให้ฉันเข้าไป ฉันจะพบเซียวฉางควน!”
เย่เฉินพูดว่า “ขอโทษด้วย ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ รีบไปซะ ไม่งั้นผมจะเรียกรปภ.หมู่บ้านแล้วนะ!”
“แก!” นายหญิงใหญ่เซียวต่อว่าอย่างโมโห “นี่คือบ้านของลูกชายฉัน นายบอกว่าไม่ต้อนรับก็ไม่ต้อนรับรึไง? วันนี้ฉันจะเข้าให้ได้!”
เย่เฉินพูดยิ้มๆว่า “พ่อตาของผมเป็นลูกชายคุณนั้นเป็นความจริง แต่คุณช่วยเข้าใจด้วย นี่คือบ้านของผม ชื่อลงในนามของผม ผู้มีอำนาจทรัพย์สินคือผม เพราะงั้นผมไม่ให้คุณเข้ามา คุณก็เข้าไม่ได้ เข้าใจมั้ย?”
นายหญิงใหญ่เซียวถูกคำพูดของเย่เฉินทำให้โมโหอย่างมาก พูดว่า “เย่เฉิน!แกคิดว่าแกยังเป็นอาจารย์เย่ที่อวดเก่งคนนั้นรึไง? อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ แกที่เป็นไอ้คนหลอกลวงที่พึ่งอาศัยการหลอกลวงชาวบ้าน กำลังจะล้มเหลวจบเห่แล้ว!”
เย่เฉินอดหัวเราะไม่ได้ ถามไปว่า “โอ๊ะ ใครบอกคุณว่าผมจะล้มเหลวแล้ว? ตัวผมเองยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย?”
นายหญิงใหญ่เซียวเบะปากพูดเยาะเย้ยว่า “เย่เฉิน แกคิดว่าเรื่องแค่นั้นของแกจะหลุดรอดพ้นสายตาอันแหลมคมของยัยแก่ย่างนั้นงั้นหรอ?”
พูดถึงนี่ นายหญิงก็พูดด้วยสีหน้าดูถูกว่า “ใช่!ฉันยอมรับ!ก่อนหน้านั้นแกหลอกลวงพวกคนมีเงินมีอำนาจมาได้ไม่น้อย แต่แกต้องรู้ไว้ คนพวกนี้ใครที่ไม่ใช่ผู้โดดเด่นบ้าง? พวกเขาถูกแกหลอกได้ เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบถูกแกปิดตาไว้ก็เท่านั้น พวกเขาไม่มีทางมองไม่เห็นความเป็นจริงไปทั้งชีวิตหรอก!”
พูดแล้ว นายหญิงใหญ่เซียวก็มองเขาขึ้นลง ยิ้มเยาะถามว่า “ตอนวันตรุษจีน ฉันเห็นยังมีคนไม่น้อยวิ่งมาบ้านแกเพื่อมอบของขวัญให้แก ทำไมวันนี้วันเกิดแก ถึงไม่มีคนมามอบของขวัญให้สักคนเลยละ? ในนี้เป็นเพราะอะไร ใจแกไม่รู้หน่อยหรือไง? ยังมาทำเป็นแกล้งโง่ใส่ฉันที่นี่อีก!”
เย่เฉินหัวเราะออกเสียงมาในทันที
ที่แท้ เหตุผลที่นายหญิงใหญ่เซียวมั่นใจว่าตัวเขาล้มเหลวแล้ว ก็เป็นเพราะว่าวันนี้ไม่มีคนมามอบของขวัญให้ตัวเขา
นี่มันเส้นผมบังภูเขาจริงๆ น่าขำสิ้นดี
แต่ว่า คิดอย่างละเอียดแล้ว ที่จริงในชีวิตผู้คนพึ่งพา “ประสบการณ์” แบบนี้ เพียงเส้นผมบังภูเขาก็ตัดสินความเป็นจริงของคนๆหนึ่ง นั้นมันมีมากอยู่จริงๆ
ในชีวิต เพียงแค่เห็นว่าคนอื่นขับรถหรู ก็คิดว่าอีกฝ่ายคือเศรษฐี ลูกคนรวย จากนั้นก็คิดเอาแต่จะล้อมเข้าไปเกาะ สุดท้ายผู้โดนกระทำที่ถูกหลอกเงินหลอกร่างกาย มีอยู่ไม่น้อย
เย่เฉินยังจำได้ว่าก่อนหน้านี้เคยดูข่าวหนึ่ง คนจนคนหนึ่งซื้อรถออฟโรดของประเทศ จากนั้นก็ดัดแปลงอย่างหนักจนเป็นรถเบนซ์รุ่นG สวมรอยเป็นลูกคนรวยแล้วคบกับแฟนสาวพร้อมกันสิบกว่าคน แฟนทุกคนเพียงแค่เห็นเขาขับรถรุ่นGปลอม ก็รีบมั่นใจว่าเขาคือลูกคนรวย จากนั้นก็ถูกเขาหลอกเงินหลอกร่างกาย ถึงขั้นผู้หญิงบางคนที่โดนหลอกไปจนหมดไม่พอ ยังท้องมาอีกด้วย
เดิมทีคิดว่า มีเพียงผู้หญิงคลั่งรักที่จะทำความผิดอย่างเส้นผมบังภูเขาแบบนี้ ไม่คิดเลยว่านายหญิงใหญ่เซียวที่อายุมากขนาดนี้แล้ว กลับโง่เง่าแบบนี้เหมือนกัน
วันนี้ที่ไม่มีคนมามอบของขวัญให้ที่บ้าน นั่นเป็นเพราะว่าตัวเขาเองบอกไว้ก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นตามเวลาที่จัดเตรียมไว้ในวันนี้ ทานอาหารค่ำเสร็จแล้วยังต้องไปงานคอนเสิร์ตของกู้ชิวอี๋ เวลาเร่งรีบขนาดนี้ แล้วยังจะมีกลุ่มคนมามอบของขวัญให้ที่บ้านอีก อย่างนั้นก็คงจะยุ่งจนหัวหมุนแล้วละ
เพียงแค่ นายหญิงใหญ่เซียวจะรู้พวกนี้ได้ยังไงกัน
เธอก็แค่ใช้ประสบการณ์นิดหน่อยของตัวเอง ตัดสินว่าเย่เฉินใกล้จะจบสิ้นแล้ว ดังนั้นจึงได้คิดอยากจะเยาะเย้ย แก้แค้นเอาคืนสักหน่อย
เห็นว่าเย่เฉินไม่พูดจา เธอก็คิดว่าตัวเองเดาแม่นอยู่มาก
ดังนั้น เธอจึงมองเย่เฉินด้วยสีหน้าดูถูก พูดว่า “ฉันดูแล้วคฤหาสน์นี้ของนาย ใช้เวลาไม่นานก็คงจะถูกคนอื่นเขามายึดไปแล้วละ ถึงตอนนั้นพวกแกทั้งบ้านก็จะเร่ร่อนตามท้องถนน อย่ามาหาว่าฉันที่เป็นคุณย่าไม่ดูแลพวกแก แกให้เซียวชูหรันกลับมากราบขอโทษ ฉันก็จะให้เวยเวยจัดงานเป็นสาวโมเดลลิ่งให้กับเธอ!”
พูดแล้ว นายหญิงใหญ่เซียวก็พูดด้วยสีหน้าได้ใจว่า “ใช่สิ ลืมบอกนาย ตอนนี้เวยเวยของพวกเราเป็นผู้จัดการอยู่ที่บริษัทโมเดลลิ่งที่ใหญ่ที่สุดของจินหลิง อนาคตก้าวไกลมาก!”