ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2962 บุญคุณอันใหญ่หลวง
เมื่อเห็นคุณย่าอาละวาดอย่างเหิมเกริม ในใจของเซียวเวยเวยก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว รีบเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “คุณย่า! ทำไมเสียมารยาทกับพี่เขยอย่างนี้ล่ะ! รีบขอโทษพี่เขยเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
นายหญิงใหญ่เซียวได้ยินแบบนั้นก็นิ่งอึ้งไป หลุดปากพูดออกไปว่า “เวยเวย สมองแกมีปัญหาเหรอ? ที่ครอบครัวเราถูกเขารังแกมันน้อยไปหรือไง?”
ขณะที่พูด นายหญิงใหญ่ก็ต่อว่าออกมาด้วยความรู้สึกกรุ่นโกรธเต็มอก “แกอย่าลืมสิ! ตอนนั้นแม่แกถูกเขาส่งตัวไปที่เหมืองถ่านหินดำนะ!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเขาส่งแม่แกไปที่เหมืองถ่านหินดำ พ่อกับแม่แกก็คงไม่มาถึงขั้นนี้หรอก! นังผู้หญิงปากร้ายอย่างหม่าหลันก็คงไม่มีโอกาสแขวนป้ายดูถูกพ่อแกว่าโดนสวมเขาให้ชาวบ้านรู้!”
“อีกอย่าง แกลืมเรื่องที่เราสองคนต้องเจอตอนถูกจับเข้าเรือนจำไปแล้วเหรอ? นั่นเป็นเพราะฝีมือของเขาหมดไม่ใช่หรือไง?!”
“กว่าจะมีโอกาสได้เอาคืน ตอนนี้แกไม่ใช่แค่ไม่ช่วยฉัน ซ้ำยังเข้าข้างคนอื่น เข้าข้างไอ้สารเลวนี่ แกอยากให้ฉันโมโหตายหรือไง!”
สีหน้าของเซียวเวยเวยเปลี่ยนเป็นย่ำแย่ในทันที เธอเอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “คุณย่า! แก่ปูนนี้แล้ว ทำไมไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลยล่ะ? ใช่คุณย่าพูดถูก แม่ถูกพี่เขยส่งไปที่เหมืองถ่านหินดำจริงๆ แต่คุณย่าเคยคิดไหม ว่าทำไมแม่ถึงถูกพี่เขยส่งไปที่นั่น? ถ้าไม่ใช่เพราะเธอร่วมมือกับเหอเหลียนสร้างสถานการณ์ขึ้นมา เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินทุกอย่างของหม่าหลัน แถมยังคิดที่จะหลอกเอาคฤหาสน์ของพี่เขย พี่เขยก็คงไม่ลงโทษเธออย่างนั้นหรอก!”
“แล้วก็เรื่องที่เราถูกส่งเข้าเรือนจำในตอนนั้น เอาจริงๆแล้วเราแส่หาเรื่องเองต่างหาก หวังเจิ้งกางมอบคฤหาสน์หลังนี้ให้พี่เขย แต่คุณย่าโลภมาก จึงมาก่อเรื่องที่นี่ครั้งแล้วครั้งเล่า แถมคุณย่ายังยุให้พี่มาทำร้ายพ่อบ้านคนเก่าคนแก่ของหวังเจิ้งกาง เราไม่ถูกตัดสินโทษให้จำคุกในครั้งนั้น ก็ถือว่าพี่เขยลดโทษให้เราสุดๆแล้ว!”
นายญิงใหญ่เซียวรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าไปทั้งร่างกาย ยืนเบิกตาอ้าปากค้างอยู่กับที่
เธอหันมามองเซียเวยเวย พูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน แต่เพราะว่าโกรธจัด ร่างกายจึงสั่นเทาอย่างรุนแรงไม่หยุด
ผ่านไปนานพอสมควร เธอก็ชี้หน้าเซียวเวยเวย พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างเจ็บปวด “เวยเวยนี่แก! แกขายวิญญาณให้เย่เฉินไปแล้วหรือไง? แกโกรธเกลียดเขามาตลอดไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้แกถึงพูดเข้าข้างเขาแบบนี้?”
เซียเวยเวยมองมาที่เธอ เอ่ยพูดอย่างไม่ยอมถอย “ฉันไม่ได้ขายวิญญาณให้พี่เขย และฉันก็ไม่ได้เข้าข้างเขา ฉันก็แค่มองเห็นเหตุผลและความถูกต้องของเรื่องนี้! เรื่องผิดพลาดในอดีต ต่างก็เป็นเราที่ทำผิดทั้งนั้น เราดูถูกพี่ชูหรัน ดูถูกพี่เขย เป็นความผิดของเราที่ทำร้ายและรังแกพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า!”
“แก….แกหุบปากเลยนะ!” นายหญิงใหญ่เซียวเดือดจนโรคหัวใจแทบจะกำเริบ ชี้นิ้วสั่นๆมาที่เซียวเวยเวย ดุด่าออกมาว่า “แกลืมไปแล้วเหรอว่าเย่เฉินวางแผนทำร้ายครอบครัวเรายังไง? เราต้องกินเกี๊ยวห่อดอกแดฟโฟดิล จนเกือบเอาชีวิตไม่รอดนะ! แบบนี้ไม่ควรกรีดเลือดแค้นมันหรือไง?!”
เซียวเวยเวยส่ายหน้า พูดออกไปว่า “พี่เขยปลูกดอกแดฟโฟดิลไว้ในบ้าน แต่คุณย่ากลับแอบเอามาทำกุ่ยช่ายกิน อย่างนี้เขาเรียกว่าขโมยชัดๆ!แอบขโมยของคนอื่นมากินจนอาหารเป็นพิษ มันคือหาเรื่องใส่ตัวเองเห็นๆ มันเกี่ยวอะไรกับพี่เขย?”
นายหญิงใหญ่เซียวโกรธจนคอเป็นเอ็น กัดฟันพร้อมกับดุด่าออกมาว่า “แก….แกกำลังทำให้ฉันโมโหนะ! ถ้าแกยังเข้าข้างเย่เฉินอยู่อีก แกก็ไม่ต้องมาเป็นหลานของฉันอีกต่อไป!”
เซียวเวยเวยไม่ยอมอ่อนโอนให้ ตอบกลับไปว่า “ถ้าคุณย่าไม่ขอโทษพี่เขย คุณย่าก็ไม่ต้องมาเป็นย่าฉันอีกต่อไปเหมือนกัน!”
นายหญิงใหญ่เซียวนิ่งอึ้ง ทั้งร้องทั้งตะโกนออกมาว่า “เวยเวย แกเสียสติไปแล้วเหรอ?!ไอ้หมอนี้มันมีอะไรดี ทำไมแกถึงยอมหักหลังย่าเพื่อมันด้วย?!”
ดวงตาของเซียวเวยเวยแดงกล่ำ ตะคอกออกมาด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน “เอาตามตรงฉันทนให้คุณย่าบงการชีวิตมามากพอแล้ว!