ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2967
ดังนั้น แบ่งให้นายหญิงใหญ่เดือนละแปดพัน ก็ไม่ถือว่าเป็นภาระเท่าไหร่
ที่สำคัญไปมากกว่านั้น อีกสองเดือนพ่อกับพี่ชายของเธอก็จะหายเป็นปกติแล้ว พอถึงตอนนั้นพวกเขาก็จะสามารถหางานทำเพื่อเลี้ยงครอบครัวได้ แบบนั้นคงลดความกดดันและแบ่งเบาภาระช่วยเธอได้เยอะ
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงพยักหน้า “แปดพันก็แปดพัน แต่คุณย่าต้องจำคำสัญญาของคุณย่าเอาไว้ให้ดีๆ ว่าจะไม่เข้ามาก้าวก่ายชีวิตและอิสระของฉันอีก! แล้วก็ หลังจากที่พ่อกับพี่ได้งานทำ ฉันจะส่งให้ที่บ้านแค่สามพันเท่านั้น!ถ้าคุณย่าไม่ตกลง ฉันก็จะย้ายออกไปอยู่ข้างนอก!”
นายหญิงใหญ่เซียวรีบตอบตกลง “ได้ ต่อไปนี้ย่าจะไม่ก้าวก่ายอิสระของแกอีก!”
เซียวเวยเวยดึงเข็มขัดในมือของอีกฝ่ายกลับมา แล้วมองอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน
ตอนแรกเธอว่าจะแอบวางไว้ในกล่องจดหมายเงียบๆ แล้วค่อยส่งข้อความไปบอกเย่เฉิน
แต่ตอนนี้คุณย่าอยู่ด้วย เธอไม่อยากทำเรื่องพวกนี้ต่อหน้าคุณย่า
อีกอย่าง ท่าทีของเย่เฉินเมื่อสักครู่ มันทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความห่างเหินที่เย่เฉินมีต่อเธอและครอบครัวของเธอ
พอคิดขึ้นมาแล้ว เย่เฉินคงจะแค่ช่วยเธอไปงั้นๆ ขณะที่ในใจยังคงรักษาระยะห่างขีดเส้นกั้นกับเธอตลอดเวลา
ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ถ้าจู่ๆเธอส่งของขวัญให้เขา กลัวก็แต่ว่าจะเป็นการพลิกโอกาสให้เป็นวิกฤติ สร้างความรำคาญใจให้เขาเสียมากกว่า
คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็ถอนหายใจออกมาเงียบๆ เอ่ยพูดกับนายหญิงใหญ่เซียวว่า “เอาล่ะคุณย่า เรากลับบ้านได้แล้ว”
นายหญิงใหญ่เซียวพยักหน้าอย่างฮึดฮัด แล้วเดินตามหลังเซียวเวยเวยไป เดินกลับบ้านตัวเองไปพลาง พร่ำบ่นไปพลาง “เวยเวย ย่าไม่อยากโทษแกหรอกนะ แต่เรื่องเย่เฉินน่ะ ทำไมแกไม่บอกย่าให้เร็วกว่านี้หน่อย? ถ้าแกบอกย่าตั้งแต่แรก ย่าก็คงไม่วิ่งมาหาเรื่องอย่างนี้หรอก…..”
เซียวเวยเวยที่อยู่ข้างหน้า เมียงมองเข็มขัดในมือ พร้อมเอ่ยพูดอย่างเหม่อลอย “พี่เขยไม่ให้ฉันบอกคนอื่น”
“เฮ้อ…..” นายหญิงใหญ่เซียวถอนหายใจออกมา รำพึงรำพันออกมาว่า “ในใจของเย่เฉิน ยังต่อต้านเราอยู่สินะ…..”
เมื่อเซียวเวยเวยได้ยินแบบนี้ ก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ ดังนั้นจึงเร่งฝีเท้า กลับมาถึงที่บ้านก่อน
นายหญิงใหญ่เซียววิ่งเหยาะๆตามหลังมา ทั้งสองมาถึงห้องนอนชั้นบน ก็พบว่าเซียวฉางเฉียนและเซียวไห่หลงกำลังนอนร้อนใจอยู่บนเตียง เซียวไห่หลงหันมาถามนายหญิงใหญ่เซียวอย่างคาดหวัง “คุณย่า เจอเย่เฉินไหม?”
นายหญิงใหญ่เซียวเอ่ยพูดด้วยสีหน้าหงอยๆ “เจอ……”
เซียวไห่หลงรีบถาม “แล้วเป็นยังไงบ้าง? ไอ้หมอนั่นกำลังจะถังแตกจริงๆใช่ไหม?”
นายหญิงใหญ่เซียวถอนหายใจออกมา โอดครวญว่า “ถังแตกอะไร? เพ้อเจ้อจริงๆ เย่เฉินไม่มีทางถังแตกหรอก…”
“ทำไมล่ะคุณย่า?” เซียวไห่หลงแปลกใจเป็นอย่างมาก รีบเอ่ยพูดว่า “คุณย่าวิเคราะห์เองไม่ใช่หรือไง? ไหนจะพูดว่ายอดหญ้าไหวจึงรู้ทิศทางลม แล้วยังพูดว่าเมื่อก่อนหัวกระไดไม่เคยแห้ง แล้วไหนจะพูดว่าตอนนี้เงียบอย่างกับเป่าสาก สำนวนสุภาษิตพวกนี้คุณย่าเป็นคนพูดมันออกมาเองนะ ทำไมจู่ๆมาบอกว่าผมเพ้อเจ้อแบบนี้ล่ะ?”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดอย่างหงุดหงิด “ฉันพูดแล้วมันทำไม? พูดแล้วมันผิดกฎหมายเหรอ!”
เซียวฉางเซียนพูดขึ้นเพื่อคลี่คลายบรรยากาศ “แม่ แม่ก็อย่าถือสาไห่หลงเลย เขาหัวรั้นมาตั้งแต่เด็ก แถมยังไม่เคยเรียนหนังสือ สำนวนสุภาษิตที่เขารู้จัก มีน้อยจนแทบจะนับนิ้วได้ สู้แม่ไม่ได้หรอก”
เมื่อเขาพูดจบ ท่าทางของนายหญิงใหญ่เซียวจึงอ่อนลง เขาจึงรีบเอ่ยถามว่า “แม่ ไหนแม่ลองบอกมาสิ ไอ้เลวเย่เฉินนั่นทำไมถึงไม่มีทางถังแตก?”
นายหญิงใหญ่เซียวถอนหายใจออกมา เอ่ยพูดอย่างเอื่อยๆ “เอาจริงๆแล้วเรื่องนี้ ฉันคาดการณ์ผิดไปเองแหละ เย่เฉินน่ะเก่งกาจมากๆ ก่อนหน้านี้เวยเวยไม่เคยบอกเราเลย ว่าแท้ที่จริงคนที่ช่วยเหลือและยกบบริษัทโมเดลลิ่งซ่างเหม่ยให้เวยเวยดูแล ก็คือเย่เฉินนี่แหละ!”