ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 2988 เซอร์ไพรส์ที่เตรียมให้เขาโดยเฉพาะ
สถานที่งานคอนเสิร์ตในตอนนี้ เพลงหนึ่งของกู้ชิวอี๋《ความรักมันก็เป็นแค่คำๆหนึ่งเท่านั้นเอง》ร้องจบ แฟนคลับนับหมื่นต่างก็ลุกขึ้น ลุกขึ้นยืนมาปรบมืออย่างสุดกำลัง
แม้แต่เซียวชูหรันเองก็ยืนขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ไม่ทันเช็ดน้ำตาที่หางตาออก ก็ปรบมืออย่างสุดกำลังจนมือแดงไปหมด
กู้ชิวอี๋ที่อยู่บนเวที หลังจากที่จบไปหนึ่งบทเพลง ก็พูดใส่ไมค์โครโฟนว่า “ขออภัยด้วยจริงๆ ฉันเห็นแก่ตัวแล้วนำเอาเรื่องราวของตัวเอง มาใส่ในการเปิดงานคอนเสิร์ต หวังว่าวิดีโอนี้จะไม่ไปรบกวนอารมณ์การดูคอนเสิร์ตของทุกท่านนะคะ!”
แฟนคลับนับไม่ถ้วนด้านล่างเวทีตะโกนคำพูด “ไม่ค่ะ” “ชิวอี๋สู้ๆ” “ชิวอี๋จะต้องมีความสุขนะ” ประมาณนี้ออกมา
กู้ชิวอี๋พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอบคุณค่ะทุกท่าน งั้นต่อมาเพลงนี้ ก็มอบให้กับที่รักอย่างพวกคุณ!”
พูดจบ เสียงดนตรีดังขึ้น กู้ชิวอี๋เริ่มร้องเพลงที่สองของงานคอนเสิร์ต ซึ่งก็เป็นหนึ่งในบทเพลงหลักของเธอ
เพลงนี้ทำให้บรรยากาศรื่นเริงมากขึ้นเยอะในทันที ดังนั้นบรรยากาศในสถานที่ก็ร้อนแรง มีแฟนคลับไม่น้อยที่ลุกขึ้นชมเพราะจังหวะเพลงที่เร็วของเพลงนี้
เซียวชูหรันเองก็เข้าสู่บรรยากาศความเร่าร้อนของงานคอนเสิร์ตอย่างรวดเร็ว เหมือนกับแฟนคลับคนอื่นๆ ทั้งร้องทั้งเต้นตามกู้ชิวอี๋ มีความสุขเป็นอย่างมาก
แต่เย่เฉิน กลับใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่ตลอด
ส่วนกู้ชิวอี๋บนเวที ในตอนที่แสดงอยู่ก็มักจะมองไปยังทางที่เย่เฉินอยู่ จับตาเฝ้าสังเกตเขาอยู่ตลอด
เนื่องจากบทเพลงที่กู้ชิวอี๋ร้องยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ บรรยากาศของงานก็ยิ่งเร่าร้อนมากยิ่งขึ้น
ระหว่างนั้นเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าไปสามครั้ง ทุกรูปทรงล้วนสง่าสวยงามมาก ทำเอาผู้คนตื่นตะลึงอย่างที่สุด
ร้องเพลงสองชั่วโมงรวดเดียว กู้ชิวอี๋ที่อยู่บนเวทีก็ยังชีวิตชีวาอย่างมาก และก็ยังมีพลังเต็มเปี่ยม
ต้องรู้ไว้ว่าทั้งร้องทั้งเต้นสองชั่วโมง แม้ว่าจะเป็นนักร้องชายก็แบกรับไม่ไหว เพราะงั้นนักร้องส่วนมากจึงชอบเชิญแขกรับเชิญมาในงานคอนเสิร์ตของตัวเอง
ช่วงเวลาที่แขกรับเชิญขึ้นเวทีทำการแสดง สำหรับนักร้องแล้ว ก็คือช่วงเวลาที่ล้ำค่ามาก เวลาว่างนี้ เพียงพอที่จะให้นักร้องไปพักผ่อนหลังเวทีสักครึ่งชั่วโมง
เดิมที งานคอนเสิร์ตนี้ของกู้ชิวอี๋เองก็ได้เชิญแขกรับเชิญมา นั่นก็คือนักร้องชายผู้มีชื่อเสียงจงเทียนหยู่
เดิมทีจงเทียนหยู่มีห้าบทเพลงที่จะแสดง นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่ให้กู้ชิวอี๋พักผ่อน แต่ว่าจงเทียนหยู่ตอนนี้ถูกเย่เฉินส่งไปตกปลาที่ทะเลใต้แล้ว เพราะงั้นกู้ชิวอี๋จึงต้องทำการแสดงเองตั้งแต่ต้นจนจบ
แต่ว่าดีที่เมื่อกี้กู้ชิวอี๋กินยาอายุวัฒนะที่เย่เฉินให้เธอ เพราะงั้นพลังและแรงมีอยู่เต็มเปี่ยมไปหมด การแสดงสองสามชั่วโมงก็สามารถทำได้สบายๆ
หลังจากที่การแสดงได้ดำเนินการไปถึงสองชั่วโมงครึ่งแล้ว ตามปกติแล้วก็ได้เข้าสู่ช่วงท้ายงานแล้ว
สไตล์เพลงของกู้ชิวอี๋ ก็ค่อยๆเปลี่ยนจากรื่นเริงสนุกสนานเป็นบทเพลงที่ลึกซึ้ง
ตามมาจากที่บทเพลงสุดท้ายจบลง ผู้ชมมากมายก็ไม่เห็นถึงอีกบทเพลงที่กู้ชิวอี๋บอกว่านำมาร้อง
ในเวลานี้ กู้ชิวอี๋ยืนอยู่บนเวที พูดว่า “บทเพลงสุดท้ายของวันนี้สำหรับฉันแล้วมีความหมายที่ต่างจากปกติ เพราะว่าเพลงนี้ ก็จะมอบให้กับเจ้าชายขี่ม้าขาวคนนั้นของฉันเช่นกัน….”
คำพูดนี้พูดออกไป เสียงโห่ร้องในงานก็ดังก้องขึ้นมาทันที ทั้งส่งเสียงตะโกนและส่งเสียงผิวปาก รวมทั้งเสียงด่าทอเจ้าชายขี่ม้าขาวดังไปทั่วงาน
ในเวลานี้กู้ชิวอี๋พูดต่อไปว่า “แต่ว่าการแต่งตัวนี้ เทียบกับสองชุดก่อนหน้าแล้ว จะยุ่งยากกว่านิดหน่อย เพราะงั้นเดี๋ยวฉันลงไปเตรียมตัวก็คงต้องใช้เวลานานสักหน่อย ดังนั้นขอรบกวนให้ทุกท่านตั้งตารออย่างใจเย็นสักครู่นะคะ”
พูดจบ เธอก็เดินไปที่ลิฟต์เลื่อนตรงกลางเวที ภายใต้แสงไฟสาดส่องตามตัว ในเสียงโห่ร้องส่งเสียงอย่างเร่าร้อนของผู้ชม ค่อยๆเลื่อนตัวลงไป แล้วก็หายไป