ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3003
สิบนาทีต่อมา กู้ชิวอี๋ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใส่เป็นประจำ ขึ้นรถพร้อมกับพ่อแม่ และมุ่งหน้าไปที่สนามบิน
ในระหว่างทาง กู้ชิวอี๋ได้พูดคุยกับแม่หลินหว่านชิวมาโดยตลอด
ในฐานะผู้หญิง ในใจของหลินหว่านชิวมีคำถามมากมายอยากจะถามเธอ แต่ทว่า คำถามข้อแรกของเธอคือ: “หนานหนาน ชุดแต่งงานที่ลูกใส่ในคืนนี้แอบไปสั่งลับหลังพวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
กู้ชิวอี๋พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “แม่ค่ะ แม่รู้จักVera Wangหรือเปล่าคะ?”
“รู้สิ”หลินหว่านชิวพยักหน้า: “เป็นแบรนด์อิสระของหวางเวยเวยนักออกแบบชาวจีนไม่ใช่หรอกเหรอ? หลายปีนี้อยู่ที่สหรัฐอเมริกาดังมากจริงๆ ขนาดคลินตันอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและลูกสาวของบุช แต่งงานก็ใส่ชุดแต่งงานที่เธอออกแบบ ชุดแต่งงานของลูกก็สั่งมาจากที่เธอเหรอ?”
กู้ชิวอี๋พูดด้วยรอยยิ้มว่า: “หลายปีก่อนเธอก็ประกาศว่าจะวางมือแล้ว ไม่ทำชุดแต่งงานให้กับคนอื่นด้วยตัวเองอีกแล้ว แต่ว่าหลายเดือนก่อนหนูเชิญเธอมาจากสหรัฐอเมริกา วัดขนาดให้หนูเรียบร้อย ต่อจากนั้นเธอนำขนาดกลับไปสหรัฐอเมริกาช่วยทำให้หนูด้วยตัวเอง”
หลินหว่านชิวพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “งั้นเกียรติยศนี้ของลูกก็ใหญ่จริงๆ คนอื่นเขาก็วางมือแล้ว ยังกลับมาช่วยทำชุดแต่งงานให้ลูก”
กู้ชิวอี๋พูดอย่างจริงจังว่า: “แม่ค่ะ บอกตามตรงเดิมทีหนูก็เชิญเธอมาไม่ได้ แม้ว่าทรัพย์สินของเธอจะไม่รวยเท่าตระกูลใหญ่ชั้นนำ แต่วันธรรมดาก็คบค้าสมาคมกับผู้มีเกียรติระดับสูง มหาเศรษฐีและผู้บริหารตระกูลชั้นนำมากมายของสหรัฐอเมริกาก็ขอให้เธอออกแบบชุดแต่งงาน สตรีผู้ดีอันงามพร้อมในประเทศเหล่านี้ก็เข้าแถวหาเธอ แต่ถึงอย่างนั้น หลายปีนี้ก็ไม่มีใครสามารถที่จะเชิญเธอมาลงมือด้วยตัวเองได้ นับประสาอะไรกับหนู ต่อให้เป็นคนของตระกูลซู และตระกูลเย่มาหาเธอ เธอก็ไม่มีทางที่จะลงมือด้วยตัวเอง”
จากนั้น กู้ชิวอี๋ก็นิ่งเล็กน้อย แล้วพูดอีกว่า: “เหตุผลที่ครั้งนี้เธอยินยอมที่จะมาช่วยหนูวัดขนาดที่หัวเซี่ยด้วยตัวเอง ทำชุดแต่งงาน ประเด็นหลักเพราะเธอรู้ว่า หนูเป็นลูกสะใภ้ในอนาคตที่คุณน้าอานยอมรับมานาน”
หลินหว่านชิวถามด้วยความประหลาดใจ: “ลูกบอกว่าหวางเวยเวยคนนี้ เป็นเพราะเกียรติยศของแม่เฉินเอ๋อถึงได้มาเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”กู้ชิวอี๋พูด: “เดิมทีหนูเพียงแค่จ่ายเงินมัดจำให้แบรนด์ของเธอ ให้นักออกแบบของเธอออกแบบชุดแต่งงานระดับสูงให้หนู ผลปรากฏว่าคาดไม่ถึงว่าเธอจะมาด้วยตัวเอง……”
“อันที่จริงตอนนั้นหนูก็แปลกใจมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้มาด้วยตัวเอง ถามเธอแล้วถึงได้รู้ว่า ที่แท้เธอและคุณน้าอานรวมทั้งแม่ของคุณน้าอานเป็นเพื่อนที่ดีมานานหลายปีแล้ว……”
“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่พี่เย่เฉินยังเด็กกลับไปเยี่ยมญาติที่สหรัฐอเมริกากับคุณน้าอาน เธอยังเคยเจอพี่เย่เฉิน ก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวของเรากับครอบครัวของคุณน้าอาน”
หลินหว่านชิวทอดถอนหายใจพูดว่า: “หวางเวยเวยน่าจะอายุเจ็ดสิบปีกว่าแล้วนะ อายุมากกว่าพี่อานอย่างน้อยยี่สิบกว่าปี คาดไม่ถึงว่ายังเป็นเพื่อนกับพี่อานด้วย”
กู้ชิวอี๋พูดว่า: “ก็อาจจะรู้จักผ่านทางแม่ของคุณน้าอานก็ได้นะ”
จากนั้น กู้ชิวอี๋ก็พูดอีกว่า: “แต่ว่าตามที่เธอบอก เมื่อก่อนคุณน้าอานก็เคยช่วยเหลือเธอไม่น้อย ดูน้ำเสียงของเธอเหมือนจะซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก”
หลินหว่านชิวพยักหน้า: “คุณน้าอานของลูกเคยช่วยผู้คนมามากมาย เพียงแค่ซิลิคอนแวลลียแห่งเดียว ก็มีกิจการใหญ่มากกว่าครึ่งหนึ่งก็เคยได้รับการลงทุนคุณน้าอานของลูก”
กู้ชิวอี๋อือคำหนึ่ง และพูดต่อไปว่า: “ดังนั้นเธอไปกลับไกลขนาดนี้มาช่วยหนูวัดขนาด แล้วก็กลับไปทำช่วยหนูทำชุดแต่งงานด้วยตัวเองหลายเดือน หลังจากที่ช่วงก่อนทำเสร็จ ยังนำชุดแต่งงานมาให้หนูลองด้วยตัวเอง ปรับแต่งตอนที่ลองด้วย หลังจากทำงานหนักมาเป็นเวลานานขนาดนี้ สุดท้ายก็ไม่ยอมรับเงินแม้แต่บาทเดียว บอกว่าหนูเป็นลูกสะใภ้ของคุณน้าอาน ก็เหมือนกับลูกสะใภ้ของตัวเธอเอง”
กู้เย้นจงที่อยู่ข้างๆไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอด ในเวลานี้จู่ๆก็ถามกู้ชิวอี๋ด้วยความจริงจังเป็นอย่างมาก: “หนานหนาน ลูกไม่ได้บอกสถานการณ์ของเฉินเอ๋อให้กับเธอใช่มั้ย?”
“ไม่ได้บอกค่ะ”กู้ชิวอี๋พูดว่า: “เธอเพียงแค่พูดถึงความสัมพันธ์ของเธอและครอบครัวของคุณน้าอาน แต่ไม่ได้ถามหนูเกี่ยวกับเรื่องราวของพี่เย่เฉิน”
กู้เย้นจงนึกอะไรบางอย่างได้ในทันที ตบต้นขา และอ้าปากพูดว่า: “โธ่เอ๊ย แย่แล้ว พวกเราลืมเรื่องสำคัญไปเรื่องหนึ่ง!”
กู้ชิวอี๋ก็กังวล และรีบถามไถ่ว่า: “พ่อ เรื่องสำคัญอะไรเหรอ?”
กู้เย้นจงอ้าปากพูดว่า: “วันนี้ลูกทำการเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้บนคอนเสิร์ต ถ้าหากตระกูลอานเห็นเข้า ก็จะรู้ว่าเย่เฉินยังมีชีวิตอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นก็จะรู้ว่า พวกเราตามหาเขาเจอแล้ว!”