ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 102 ไม่อาจย้อนคืนมาได้
บทที่ 102 ไม่อาจย้อนคืนมาได้
เผชิญหน้ากับคำพูดของบรรพจารย์สำนักวัชระ สวี่ชิงไม่ได้พูดอะไร
เขาไม่มีนิสัยพูดอะไรมากมายกับคู่ต่อสู้ยามต่อสู้ ตอนนี้เขาหรี่ตา แทบจะในพริบตาเดียวกับที่บรรพจารย์สำนักวัชระถอยหลังไป อักขระบินทะยานที่ขาของเขาก็ส่องแสงกะพริบวูบทันที
เสี้ยวพริบตาต่อมา เงาร่างของเขาก็เป็นเหมือนสายรุ้งทางหนึ่ง พุ่งแหวกอากาศไปหาบรรพจารย์สำนักวัชระรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง เข้าประชิดในพริบตา ในขณะเดียวกันนั้น ข้างหลังยิ่งมีเงาป๋าปรากฏออกมาในทันที
หน้าตาที่โหดเหี้ยม ร่างกายที่แห้งแตกเหมือนบรรจุหินหนืดเอาไว้ ในเสี้ยวพริบตาที่ปรากฏตัวขึ้นก็มีความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วทุกสารทิศ ทำให้หิมะในฟ้าดินละลายเป็นวงกว้างกลายเป็นฝน และกลายเป็นหมอก
เลือดลมของเขายิ่งกระตุ้นจนถึงขีดสูงสุด เคล็ดวิชาคีรีสมุทรโคจรโดยสมบูรณ์ ทำให้ตอนนี้รักษาวิชาฝึกกายาจนถึงขีดสูงสุด เพียงพริบตาก็มาถึงหน้าบรรพจารย์สำนักวัชระแล้วซัดหมัดออกไปเต็มแรง
จิตสังหารฉายวูบในดวงตาบรรพจารย์สำนักวัชระ ในขณะที่สะบัดมือเงานักรบวัชระใต้ร่างเขาก็เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ซัดหมัดกลับมา
เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวดังขึ้น นี่เป็นการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายที่ไม่มีฝ่ายใดออมมือเลย ระเบิดออกไปทั่วทุกทิศ ร่างของสวี่ชิงถอยไปข้างหลัง มุมปากมีเลือดสดๆ ไหลออกมาท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ลำพังเพียงเคล็ดวิชาฝึกกายาของเขา เทียบกับกายสร้างฐานของบรรพจารย์สำนักวัชระแล้วก็ยังด้อยกว่าเล็กน้อย
แต่บรรพจารย์สำนักวัชระก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน เลือดลมในกายเดือดพล่าน ถอยไปข้างหลังเหมือนกัน ในขณะที่สีหน้าเผยความเหี้ยมเกรียมก็ซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้ลึก เขาจำสวี่ชิงได้โดยสมบูรณ์แล้ว แต่ยิ่งจำได้ ความตื่นตะลึงในใจเขาก็ยิ่งรุนแรง
แม้ว่าเขาจะเดาไว้แล้วว่าเด็กน้อยจะแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็วมาก แต่เขาก็ยังคิดไม่ถึงว่า นี่ยังไม่ทันจะได้หนึ่งปี อีกฝ่ายก็เปลี่ยนจากถูกตนไล่ล่าสังหารมาเป็นฝ่ายบุกมาสังหารตนที่สำนัก
อีกทั้งพลังก่อนและหลังเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล
“เจ้า…” บรรพจารย์สำนักวัชระลมหายใจถี่กระชั้น คิดอยากจะเอ่ยปากพูดอะไร แต่สิ่งที่รอเขาคือความโหดเหี้ยมในดวงตาสวี่ชิงพลันฉายวูบพุ่งมา
เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นอีกครั้ง การลงมือของสวี่ชิงรวดเร็วนัก ไม่ช้าเนิบและหยุดชะงักเลยแม้แต่น้อย ประชิดเข้ามาหมัดแล้วหมัดเล่าๆ กระทั่งว่าขาทั้งสองก็เป็นเช่นนั้นเช่นกัน ประเดี๋ยวๆ ก็เตะมา ส่วนหน้าผากก็เป็นอาวุธของเขาเช่นกัน เมื่อประชิดเข้ามาก็โขกไปอย่างโหดเหี้ยม
ความรู้สึกดุดันทรงพลังทำให้บรรพจารย์สำนักวัชระสูดลมหายใจเข้าไม่หยุด เขาถูกรัศมีอำนาจของสวี่ชิงสะกดจนถอยหลังไปไม่หยุดภายใต้การโจมตีที่รวดเร็วเช่นนี้ นี่ยิ่งทำให้เขาตื่นตะลึง เงานักรบวัชระใต้ร่างเกิดสัญญาณว่าจะพังทลาย
“รนหาที่ตาย!” เห็นว่าเป็นเช่นนั้น บรรพจารย์สำนักวัชระคำรามเสียงต่ำทุ้ม สองมือประสานปางมืออย่างรวดเร็ว เคล็ดวิชาในกายโคจรทันที พลังระดับสร้างฐานผงาดขึ้นอีกครั้ง ก่อเป็นอำนาจกดดันสะกดไปยังสวี่ชิง ในขณะที่ประสานมือ ยิ่งมีแสงสีทองแสบตาปรากฏขึ้นข้างหลัง
แสงสีทองแปรเปลี่ยนเป็นแส้เส้นหนึ่งฟาดมาทางสวี่ชิงเต็มแรง ทุกที่ที่พาดผ่าน กลางอากาศมีเสียงระเบิดดังมา
เงาป๋าข้างหลังสวี่ชิงคำรามแผ่ความร้อนมหาศาลออกมาปะทะกับแส้เส้นนี้ ในเวลาเดียวกับที่เสียงดังสนั่นฟ้า เงาป๋าก็เข้าปะทะกับแส้เส้นนี้ ไม่แม้แต่จะสลายไปอีกทั้งยังคว้าแส้เอาไว้อีกด้วย แต่แรงการโจมตีที่เกิดจากพลังเวทระดับสร้างฐานนั้น ก็ยังทำให้สวี่ชิงสะท้านไปทั้งกาย กระอักเลือดออกมา
ร่างของเขางอม้วนตีลังการ่วงลงไปยังสำนักวัชระที่อยู่ข้างล่าง
ในขณะเดียวกัน เจ้าสำนักที่อยู่ในสำนักและผู้อาวุโสทั้งสาม ในดวงตาล้วนมีจิตสังหารฉายออกมา ลูกศิษย์ของพวกเขาก็เช่นกัน แววตาแฝงด้วยความแค้น ต่างพุ่งไปยังทิศที่สวี่ชิงร่วงลงมา แล้วลงมืออย่างรวดเร็ว
“ตายซะ!” บรรพจารย์สำนักวัชระที่อยู่กลางอากาศดวงตาแดงก่ำจิตสังหารท่วมฟ้า สองมือประสานปางมืออย่างรวดเร็ว
วิชาเวทระดับสร้างฐานก่อขึ้นอีกครั้ง นั่นเป็นตราประทับเวทขนาดมหึมาวงหนึ่งปรากฏบนท้องฟ้าขนาดหลายสิบจั้ง ลมหิมะหอบม้วนขึ้นเอง รอบๆ มันตอนนี้กำลังกดทับสวี่ชิงที่ร่วงลงมาด้วยพลังที่น่าหวาดหวั่นครั่นคร้าม!
ความรุนแรงของพลังทำให้ทั้งสำนักวัชระสั่นสะเทือน หิมะรอบๆ ที่อยู่ในคลื่นอากาศนี้ก็แหลกละเอียดเป็นเกล็ดหิมะ กระจายไปทั่วทุกทิศ
จากนั้นในดวงตาของบรรพจารย์สำนักวัชระก็มีประกายเย็นเยือกฉายวูบ มือทั้งสองเปลี่ยนจากประสานปางมือผลักออกไป เพียงเสี้ยวพริบตารอบตัวเขาก็มีเงาที่เหมือนกับนักรบวัชระที่อยู่ข้างล่างตัวเขาสองร่างปรากฏขึ้น แล้วชกหมัดทั้งสองออกไปพร้อมกัน
เงานักรบวัชระทั้งสาม หมัดหกหมัด ชกโจมตีมาที่สวี่ชิงจากสามทิศ
ทุกอย่างนี้หากเปลี่ยนเป็นระดับรวมปราณทั่วไป ต่อให้เป็นระดับบริบูรณ์ก็ยากจะแบกรับได้ วิชาเวทระดับสร้างฐานเดิมก็มีพลังที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว เคล็ดวิชาเวทยิ่งมีพลังสยบ
ในระดับหนึ่งเท่าก็เท่ากับเป็นของวิเศษอักขระเจ็ดแปดชิ้นใช้พร้อมๆ กัน
ใกล้จะวิกฤตเต็มที แต่ในขณะนี้ ในเสี้ยวพริบตาที่สวี่ชิงใกล้จะร่วงลงไปยังสำนักวัชระ ลูกศิษย์สำนักวัชระข้างล่างต่างลงมือพร้อมกัน หมัดเงาจากนักรบวัชระทั้งสามประชิดเข้ามาจากรอบๆ ตราประทับมหึมาข้างบนกดลงมา ประกายเย็นเยียบในดวงตาสวี่ชิงก็กะพริบวูบ มือทั้งสองของเขาพลันประสานปางมือขึ้น รอบกายพลันปะทุระลอกคลื่นวิญญาณที่น่าหวาดกลัวออกมาทันที ระลอกคลื่นนี้ขยายออกไปข้างนอกไม่หยุด แค่พริบตาก็ไกลออกไปเกือบร้อยจั้ง แปรเปลี่ยนเป็นทะเลวิญญาณ!
รัศมีพลังอำนาจน่าครั่นคร้ามระเบิดออกมาข้างนอกในครั้งเดียว ก็ทำให้เกิดแรงที่น่ากลัวกวาดออกไปรอบๆ ระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวจากการระเบิดของพลัง
เจ้าสำนักวัชระ ผู้อาวุโส ลูกศิษย์ที่อยู่ข้างล่างพวกนั้น พลังบำเพ็ญของพวกเขาเมื่ออยู่ภายใต้การปลดปล่อยพลังวิญญาณของสวี่ชิงก็ต่างร่างสั่นสะท้าน พลังแหลกสลายไปทุกคนในเสี้ยวพริบตานี้ทันทีโดยไม่มีใครเป็นข้อยกเว้น!
ทุกที่ที่พาดผ่าน ภูเขาระเบิดสนั่นหวั่นไหว สิ่งก่อสร้างพังถล่ม ทุกๆ คน…ร่างกายและจิตวิญญาณสลายสิ้น!
ส่วนวิชาเวทที่บรรพจารย์สำนักวัชระสำแดงออกมาก็ระเบิดเสียงดังท่วมฟ้าไปในการปะทุของทะเลวิญญาณนี้
เงานักรบวัชระทั้งสามลางเลือนไปทันใดเหมือนรอยเงาในสายลมที่พัดผ่าน สลายไปอย่างตาเนื้อไม่อาจเห็น ตราประทับมหึมากลางท้องฟ้าก็เช่นกัน มันร่วงลงมาตามแรงก็เหมือนเจอลมบ้าคลั่ง เลือนสลายไปอย่างรวดเร็ว
บรรพจารย์สำนักวัชระสีหน้าเปลี่ยนไปมหาศาล ร่างถอยหลังไปไกลมาก แต่ก็ยังถูกกับเศษเสี้ยวพลังอยู่ดี มุมปากมีเลือดสดๆ ไหลย้อยออกมาอีกครั้ง อาการบาดเจ็บในร่างกายสาหัสขึ้นอีก ในขณะเดียวกันแขนซ้ายก็ถูกเงาที่สวี่ชิงบังคับคลุมไปอย่างไม่ทันรู้ตัว
แม้เขาจะหลบหลีกได้เฉียดฉิว แต่ทั้งแขนซ้ายก็ดำคล้ำ ไอพลังประหลาดเข้มข้นเป็นอย่างมาก ยิ่งมีเหล็กแหลมสีดำอันหนึ่งพุ่งมาอย่างรวดเร็ว ทะลุผ่านแขนขวาของเขาไปทันที
นอกจากนี้ สิ่งที่ยิ่งทำให้ใจของเขาสั่นสะท้านคือเขาพบว่าเลือดลมของตัวเองไม่เสถียร ในกายมีสัญญาณว่าถูกพิษ นี่ทำให้บรรพจารย์สำนักวัชระสีหน้าเคร่งเครียดย่ำแย่สุดขีด เขารีบหยิบลูกกลอนออกมาอย่างรวดเร็วแล้วกลืนลงไป ร่างพลันถอยหลังทิ้งระยะห่าง
แต่สายตากลับจ้องสวี่ชิงที่ร่างร่วงไปยังซากสำนักวัชระเขม็ง ฉายจิตสังหารรุนแรงออกมา
“ทะเลวิญญาณที่ระเบิดออกมาทีเดียวจากคัมภีร์แปรสมุทรของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตสามารถสั่นคลอนระดับสร้างฐานได้จริงๆ แต่เจ้าก็ทำได้เพียงแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ต่อไปเจ้าตายแน่!”
สวี่ชิงหายใจถี่กระชั้น วิเศษอักขระป้องกันรอบกายส่องกะพริบ แต่ก็ยังกระอักเลือดคำโตออกมา ทว่าสีหน้าของเขาไม่มีความแปลกใจเลย ความแข็งแกร่งของระดับสร้างฐาน ตอนที่มาเยือนเขาก็รู้เป็นอย่างดีแล้ว
แต่เขาก็รู้สึกว่าฆ่าได้!
ดังนั้น เมื่อเขาลงมือก็จะใช้กระบวนท่าสังหารที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าจะเป็นดาบสวรรค์ เงา หรือจะเงาป๋า กระทั่งว่าทะเลวิญญาณในกายยังไม่แบ่งออกมาเป็นวิชาเวทหลายๆ วิชา แต่ปะทุมันออกมาอย่างรุนแรง
โดยเฉพาะพิษ นับตั้งแต่ที่เขาลงมือมาก็ใช้ไปเจ็ดสิบสามชนิดแล้ว!
และทุกสิ่งที่พบเจอในตอนนี้ ก็ไม่ได้ผิดแผกไปจากที่เขาวิเคราะห์เลย ดังนั้นในเสี้ยวพริบตาที่บรรพจารย์สำนักวัชระสีหน้าเหี้ยมโหด สวี่ชิงก็ยกมือขวาขึ้น แล้วคว้าไปยังบรรพจารย์สำนักวัชระที่ถอยไปข้างหลังกลางอากาศเต็มแรง
ม่านตาของบรรพจารย์สำนักวัชระหดเล็กลงทันทีภายใต้การคว้านี้ จู่ๆ หิมะมหาศาลรอบๆ ตัวเขาก็พลันเปลี่ยนทิศทางโปรยปราย ต่างกลายเป็นหยดน้ำ
ทอดตามองไป อาณาเขตหยดน้ำก็กว้างถึงร้อยจั้ง
“เจ้า! เจ้ายังมีพลังวิญญาณได้อย่างไร!!!” ในเสี้ยวพริบตาที่บรรพจารย์สำนักวัชระร้องเสียงหลง หยดฝนในอาณาเขตร้อยจั้งก็หลอมรวมอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นมือยักษ์ข้างหนึ่ง คว้าไปหาเขาเต็มแรง
บรรพจารย์สำนักวัชระกระอักเลือดออกมาท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ร่างถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ในยามที่คลื่นซัดโหมในใจ มือยักษ์ขนาดร้อยจั้งที่ก่อตัวจากหยดฝนก็เปลี่ยนรูปร่างเป็น…อสูรคอยาวบรรพกาลทันที!
นี่คือวาฬบรรพกาลทะเลต้องห้ามของสวี่ชิง ตอนนี้มันเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า กลิ่นอายของวาฬบรรพกาลทะเลต้องห้ามบ้าคลั่ง พุ่งไปฉีกทึ้งบรรพจารย์สำนักวัชระ!
บรรพจารย์สำนักวัชระหน้าเปลี่ยนสีไปโดยสิ้นเชิง แหกปากร้องเสียงหลง
“วาฬบรรพกาลทะเลต้องห้าม!”
เขาพอจะมีความเขาใจในสำนักเจ็ดเนตรโลหิตอยู่บ้าง รู้ว่าคัมภีร์แปรสมุทรของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเมื่อฝึกฝนถึงขั้นแปดแล้ว จะมีบุคคลอัจฉริยะโดดเด่นบางคนที่สามารถหลอมวาฬบรรพกาลทะเลต้องห้ามได้ และวาฬบรรพกาลทะเลต้องห้ามก็เหมือนเป็นร่างกายที่กักเก็บพลังวิญญาณที่สองของอีกฝ่าย!
แต่คนแบบนี้มีไม่มาก!
และเขาก็เคยเห็นวาฬบรรพกาลทะเลต้องห้าม แต่ที่สวี่ชิงสำแดงออกมาในตอนนี้แม้กลิ่นอายจะเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือพลังทะเลต้องห้ามที่แฝงอยู่ในนั้นล้วนทำให้เขารู้สึกวมนต่างออกไป
ในขณะที่หน้าเปลี่ยนสี ร่างของบรรพจารย์สำนักวัชระก็ถอยไปอีกครั้ง เขาไม่คิดจะสู้แล้ว ไอพลังประหลาดในกายตอนนี้เข้มข้นมาก พิษที่โดนก็เหมือนจะไม่สามารถแก้ได้ในทันที อีกทั้งยังรุนแรงขึ้นด้วย ทำให้อวัยวะภายในของเขาเจ็บปวด เลือดที่กระอักออกมาล้วนมีกลิ่นคาวมีสีดำเจือปน คล้ายว่าอวัยวะภายในเน่าสลาย
“หากข้าสามารถเปิดใช้สภาวะแสงนภาได้ล่ะก็…”
บรรพจารย์สำนักวัชระคำรามในใจพร้อมความเจ็บใจและจนปัญญา ส่วนเงาแปลกประหลาดที่ซ่อนอยู่รอบๆ ก็ยิ่งทำให้เขาตื่นตระหนกขวัญผวา เพียงประมาทเล็กน้อยแล้วสัมผัสเข้า ไอพลังประหลาดก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
กำลังรบของวาฬบรรพกาลทะเลต้องห้ามแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง หากรวมกับพลังฝึกกายาของสวี่ชิง เขาก็ประสบวิกฤตเป็นตายแสนสาหัสแล้ว
“ข้าเป็นสาวกของลัทธินอกวิถี ข้า…” ระหว่างถอยบรรพจารย์สำนักวัชระก็ตะโกนอย่างปากกล้าขาแข็งไปด้วย แต่เขาไม่ทันพูดจบ ยันต์บินทะยานของสวี่ชิงก็กระพริบวูบวาบ เขาที่บินขึ้นมาจากพื้นอีกครั้ง เอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่ง
“ประมาณนี้แล้วกัน”
นี่เป็นประโยคแรกนับตั้งแต่สู้กันมา
ไม่รอให้บรรพจารย์สำนักวัชระตั้งตัวได้จากประโยคนี้ สวี่ชิงก็สะบัดมือด้วยดวงตาที่เย็นชา ทันใดนั้น…เรือเวทของเขาก็ปรากฏออกมาพร้อมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!
เรือขนาดหลายสิบจั้ง รูปลักษณ์เหี้ยมเกรียมเหมือนเต่างูดำเสวียนอู่[1] และยังมีใบเรือที่เหมือนปีกนั่นอีก ทำให้เรือเวทที่ลอยปรากฏขึ้นกลางอากาศลำนี้ฉายความโหดเหี้ยมและจิตสังหารที่ยากจะบรรยายออกมา
โดยเฉพาะจากแสงสีทองบนเรือที่กะพริบวูบวาบหลอมรวมเป็นหอกแหลมที่หัวเรือ ความศักดิ์สิทธิ์กลุ่มหนึ่งก็ปะทุออกมาจากเรือเวทลำนี้ เล็งไปที่บรรพจารย์สำนักวัชระ
ความศักดิ์สิทธิ์นี้เปรียบดั่งองค์เทพ ทำให้หิมะรอบทิศเหมือนสลายหายไปในเสี้ยวพริบตา
พลังกดดันน่าตื่นตะลึงซัดมาทันที
และสวี่ชิงที่ยืนอยู่บนเรือเวทเหมือนควบคุมผู้ปกครองแห่งเทพทั้งปวง มองบรรพจารย์สำนักวัชระอย่างเย็นชา ยกมือขวาขึ้น คุณสมบัติเทพหลอมรวมกันอย่างแข็งแกร่งยิ่งตามมือที่ยกขึ้นของเขา เห็นได้ชัดว่าหลังจากนี้เขาขอแค่กดมือลง การโจมตีคุณสมบัติเทพก็จะปะทุ
การโจมตีคุณสมบัติเทพเป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเรือเวท แต่เดิมสวี่ชิงคิดจะใช้ตั้งแต่แรก แต่กังวลว่าเมื่อเผชิญหน้ากับระดับสร้างฐานที่โจมตีสังหารเต็มกำลังที่ยังไม่มีบาดแผลจะไม่อาจสังหารได้ในกระบวนท่าเดียว
ดังนั้นเขาจึงลงมือเอง รอจนถึงตอนนี้ ในที่สุดก็รู้สึกว่าจังหวะพร้อมแล้วถึงได้เอาออกมา ก็เพื่อรับประกันว่าจะสังหารได้ในทีเดียว!
ส่วนสีหน้าของบรรพจารย์สำนักวัชระก็ขาวซีดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในเสี้ยวพริบตานี้ หนังศีรษะเหมือนจะระเบิดออก ในดวงตายิ่งฉายความไม่คาดคิดสุดขีดออกมา ร้องตกใจเสียงหลง
“คุณสมบัติเทพ!!”
ความขมขื่นในใจของบรรพจารย์สำนักวัชระก็ซัดโหมรุนแรงท่ามกลางความหวาดกลัว แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นกลัว วิกฤตความเป็นตายรุนแรงจนไร้ขีดจำกัดในพริบตานี้…เลือดเนื้อทุกส่วนในร่างเหมือนสั่นสะท้านกรีดร้องภายใต้พลังคุณสมบัติเทพ เตือนเขาถึงการมาเยือนของความตายไม่หยุด
“หนีไม่รอดแล้ว หากเป็นก่อนหน้านี้บางทีอาจจะมีโอกาส ทว่าตอนนี้…” บรรพจารย์สำนักวัชระสิ้นหวัง เขามองสวี่ชิงที่อยู่บนเรือเวทแล้วนึกถึงตำราโบราณเหล่านั้นที่ตนเองเคยอ่าน กระนั้นแล้วก็รีบร้องเสียงดัง
“สหายผู้นี้โปรดช้าก่อน ฟังข้าพูดก่อน ข้ายินดีเป็นทาส ยินดีเป็นทาสตลอดชีวิต นับจากนี้เจ้าเป็นนายของข้า ข้า…”
สวี่ชิงสีหน้าเย็นชา ไม่สนใจ เขาไม่มีงานอดิเรกรับทาส ตัดสินใจแน่วแน่ มือขวาก็กดลงมาทันที!
[1] เสวียนอู่ (玄武) หรือเต่างูดำ มีรูปลักษณ์เป็นเต่า แต่มีเกล็ด คล้ายงู มีลักษณะร่วมกันของเต่าและงู