ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 177 ราวกับมารร้ายราวกับปีศาจ
บทที่ 177 ราวกับมารร้ายราวกับปีศาจ
สิ่งที่เรียกว่าวิชาระดับจักรพรรดิก็คือนับตั้งแต่ยุคสมัยของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เป็นต้นมา ด้วยวิชาที่ไม่มีสืบทอดของเจ้าเหนือหัวจักรพรรดิโบราณเหล่านั้นที่สร้างขึ้นมามีทั้งที่เป็นชุดและที่เป็นวิชาลับ
แต่ไม่ว่าอย่างไรพลานุภาพล้วนน่าตกตะลึงอย่างมาก
ความลึกลับและความแข็งแกร่งของมันมีหลายครั้งที่ทำให้คนรู้สึกประหลาดใจ มันจึงล้ำค่าอย่างมาก
ประกอบกับระดับจักรพรรดินั้นพบเห็นได้น้อย จึงกลายเป็นหนึ่งในทรัพยากรขุมพลังของขั้วอำนาจทั้งหมดไป
เพียงแต่ว่ากว่าครึ่งในนี้ล้วนไม่สามารถฝึกบำเพ็ญได้ มีเงื่อนไขที่ยากลำบาก เช่นมีวิชาจำนวนมากที่จำเป็นต้องร่วมมือกับพลังสายเลือดที่สืบทอดมา จุดนี้ทำให้คนเกือบทั้งหมดยากจะไขว่คว้า
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความแตกต่างระหว่างเผ่าก็ยากที่จะฝึกบำเพ็ญข้ามเผ่าพันธุ์ด้วย จุดนี้จะยิ่งทำให้ตระหนักเชี่ยวชาญได้ลำบาก
มีวิชาเพียงส่วนน้อยที่ไม่จำเป็นต้องใช้สายเลือด ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะเผ่าพันธุ์ใดก็ล้วนฝึกบำเพ็ญได้ทั้งสิ้น และวิชาระดับจักรพรรดิเหล่านี้จึงมูลค่าสูงที่สุด ไม่ว่าจะวิชาใดเมื่อถ่ายทอดไปก็ล้วนทำให้ผู้คนบ้าคลั่งและจนใจกันทั้งสิ้น
บ้าคลั่งเพราะความอิจฉา จนใจเพราะมิอาจช่วงชิงมาได้
เมื่อวิชาระดับจักรพรรดิก่อตัวเป็นเมล็ดพันธุ์ ต่อให้ถูกคนนอกสังหารทิ้งก็จะกลายเป็นความว่างเปล่า
ต่อให้พูดเนื้อหาของวิชาออกมา คนนอกเห็นก็จะลืมไปจนหมด ไม่สามารถถูกจดจำได้
ต่อให้จะมีวิธีการบันทึกความทรงจำแบบพิเศษ ถ้าในร่างกายไม่มีเมล็ดพันธุ์สืบทอดก็ไม่สามารถฝึกบำเพ็ญได้เช่นกัน
เมล็ดพันธุ์สืบทอดก็เหมือนจะเป็นสิ่งยืนยันว่าคนที่ครอบครองเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติฝึกบำเพ็ญ
วิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณก็คือวิชาประเภทนี้
หรือพูดให้ถูกต้อง วิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณไม่ใช่วิชา แต่เป็นวิชาลับประเภทหนึ่ง!
วิชาลับนี้แข็งแกร่งจนน่าตกตะลึง จากข้อมูลที่สวี่ชิงได้รับบันทึกไว้ว่าหลังจากที่ฝึกบำเพ็ญวิชาลับนี้จนบริบูรณ์ จะทำให้คนที่ฝึกบำเพ็ญสำเร็จกายาจักรพรรดิวิหคทอง
เมื่อกายาจักรพรรดิวิหคทองก่อตัวขึ้น พลังต่อสู้ของกายเนื้อจะเหยียบย่างไปถึงระดับจักรพรรดิ และสามารถจำแลงกายเป็นวิหคทองคำรามไปบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้
การบรรยายและความรู้เหล่านี้ทำให้สวี่ชิงตระหนักได้ว่าวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณเป็นวิชาลับฝึกกายาอย่างหนึ่ง
ขั้นตอนการฝึกบำเพ็ญของมันเน้นที่การคัดสรรตามธรรมชาติ หล่อหลอมเลือดต้นกำเนิดของวิญญาณเผ่าอื่นๆ เข้าไปในร่างกายตนเอง ปรับปรุงกายเนื้ออย่างต่อเนื่อง ชุบเลี้ยงกายเนื้อเหมือนของวิเศษเวทเพื่อให้แกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งท้ายสุดก็แปรสภาพกลายเป็นกายาจักรพรรดิวิหคทอง
ถึงอย่างไรสิ่งนี้ก็เป็นวิชาที่วิหคทองสร้างขึ้น เห็นได้ชัดว่าในจิตสำนึกของวิหคทองมีแนวคิดเรื่องดีชั่วไม่มากนัก สำหรับองค์ท่านแล้วผู้อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง การพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนแข็งแกร่งที่สุดจึงจะเป็นทางเลือกที่แท้จริง
และขณะสูดรับเอาเลือดต้นกำเนิดของวิญญาณเผ่าอื่นๆ จนร่างกายตนเองแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในการสูดรับนี้ยังสามารถชิงเอาพรสวรรค์ชนเผ่าของอีกฝ่ายมาได้ด้วย!
จุดนี้ อหังการอย่างมาก
แต่ก็ยังมีข้อจำกัด หากคิดจะแย่งชิงพรสวรรค์ของชนเผ่า การจะหลอมชนเผ่าเพียงคนเดียวนั้นไม่เพียงพอ จำเป็นต้องหลอมรวมชนเผ่านั้นๆ จำนวนมาก พลังบำเพ็ญยิ่งสูงก็ยิ่งเป็นตัวเลือกแรกๆ สะสมไปเช่นนี้ท้ายสุดถึงจะช่วงชิงมาได้
ตอนนี้สวี่ชิงพิงผนังเรืออยู่ ดวงตาปิดสนิท ในสมองปรากฏข้อมูลที่ตนเองได้รับมาเหล่านี้อย่างรวดเร็ว พอยิ่งสัมผัส ใจเขาก็ยิ่งเต้นระรัวขึ้น
ครู่ต่อมา สวี่ชิงเบิกตาโพลง ในดวงตาเผยความสั่นสะเทือนขึ้น
“วิชาลับหลอมกายาระดับจักรพรรดิ!”
สวี่ชิงคุ้นเคยวิชาหลอมกายาเป็นอย่างดี
เคล็ดคีรีสมุทรวิชาแรกที่เขาได้ฝึกบำเพ็ญก็เป็นวิชาหลอมกายา สิ่งนี้ทำให้เขามีพลังสังหารมหาศาลตอนอยู่ในฐานที่มั่นคนเก็บกวาด ต่อให้ตอนมาถึงเจ็ดเนตรโลหิต เขาก็ได้รู้จักกับความน่ากลัวของวิชาเวท แต่เขาก็ยังไม่ปล่อยวางกับวิชาหลอมกายาดังเดิม
จนกระทั่งเคล็ดคีรีสมุทรของเขาไปถึงขีดจำกัดที่ระดับเก้า
เงาป๋าด้านหลังต่อให้ทั้งตัวเต็มไปด้วยหินหนืด มีพลังน่าตกตะลึง ยิ่งไปกว่านั้นบนศีรษะก็มีรอยปูดที่เหมือนจะกลายเป็นเขาอีกสองจุดอีกด้วย แต่…ท้ายสุดก็เปลี่ยนสภาพไม่สำเร็จ ไปไม่ถึงระดับสิบ
สิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับสวี่ชิง ความจริงแล้วเนื่องจากในร่างกายไม่มีไอพลังประหลาดและผลึกวารีสีม่วงที่ส่งผมร่วมด้วย เขาจึงฝึกบำเพ็ญเคล็ดคีรีสมุทรไปจนถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
สิ่งที่ทำให้เขาไม่สามารถทะลวงขั้นได้ในสุดท้าย คือระดับชั้นของเคล็ดคีรีสมุทร
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงวิชาระดับต่ำที่สืบทอดกันในมวลชนวิชาหนึ่งเท่านั้น
ขีดจำกัดของตัววิชานี้ ทำให้สวี่ชิงจำใจต้องหยุด และใช้คัมภีร์แปรสมุทรทะลวงขั้นเข้าสู่ระดับสร้างฐาน
แต่เขาก็ไม่ได้ลดละการเสาะหาฝึกกายาลงเลย หลังจากย่างสู่สร้างฐานก็เคยไปแลกเปลี่ยนวิชาหลอมกายาบางอย่างมา แต่หลังจากทดลองผลลัพธ์ก็ยังไม่ดีนัก ยากที่จะมาสนับสนุนการยกระดับชั้นของเคล็ดคีรีสมุทร
ตอนนี้ดวงตาสวี่ชิงเผยประกายออกมา
เขาสัมผัสวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณที่ปรากฏอยู่ในหัวสมองรวมไปถึงเมล็ดพันธุ์สืบทอดวิหคทองข้างๆ ตะเกียงแห่งชีวิต ในใจเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากลอง
‘ไม่รู้ว่าเคล็ดคีรีสมุทรของข้า จะมีประโยชน์กับการฝึกบำเพ็ญวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณหรือไม่’
สวี่ชิงพึมพำในใจ เขารู้สึกว่าในเมื่อเป็นวิชาหลอมกายาทั้งหมด เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงที่เคล็ดคีรีสมุทรที่ช่วยส่งเสริมให้ตนเอง มีส่วนช่วยในการฝึกบำเพ็ญวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ
แต่ตอนนี้เขาบาดเจ็บหนักเกินไปยังไม่เหมาะที่จะฝึกบำเพ็ญทันที ดังนั้นสวี่ชิงจึงสูดลมหายใจลึกฝืนทนความเจ็บปวด เริ่มปรับลมหายใจของร่างกาย พลังเวทโคจรเข้าสู่ผลึกวารีสีม่วง ทำการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างสุดกำลัง
เวลาจึงค่อยๆ ไหลผ่านไปเช่นนี้
เพียงพริบตาก็ผ่านไปสิบวัน
ในสิบวันนี้ ไม่ว่าจะตอนกลางวันหรือตอนกลางคืน เจ้าเงาก็แผ่ความจงรักภักดีอย่างมากออกมา ตอนกลางวันบังแดดให้ กลางคืนคอยคุ้มกันใต้ทะเลให้สวี่ชิง
เมื่อบรรพจารย์สำนักวัชระเห็นทั้งหมดนี้ ก็แค่นหัวเราะในใจ แอบคิดว่าตอนนี้เจ้ายิ่งทำตัวเช่นนี้ จอมมารสวี่ก็ยิ่งจะสะกดเจ้าหนักข้อขึ้น ถึงอย่างไรความรู้สึกที่เจ้ามอบให้คนอื่นตอนนี้ก็คือไม่จัดการสักทีก็คงไม่ซื่อสัตย์
ดังนั้นวิธีการที่ถูกต้อง ไม่ใช่การแสดงความซื่อสัตย์อย่างสุดกำลังเช่นนี้ แต่ต้องซึมซับอิทธิพลแล้วเปลี่ยนแปลงต่างหาก
คิดถึงตรงนี้ บรรพจารย์สำนักวัชระก็ควบคุมเหล็กแหลมสีดำพุ่งขึ้นท้องฟ้า หมุนวนรอบหนึ่งแล้วจึงกลับมา ลอยอยู่เงียบๆ ในตำแหน่งที่สามารถตรวจสอบอาณาเขตทั้งหมดรอบตัวสวี่ชิงได้
นอกเหนือจากในสิบวันนี้ แม้สวี่ชิงจะพบกับอันตรายจากอสูรทะเลอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าจะบรรพจารย์สำนักวัชระหรือเจ้าเงาก็แตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ด้วยการลงมือของพวกมัน สวี่ชิงถึงสามารถพักฟื้นได้อย่างสบายใจ
ส่วนอสูรทะเลเหล่านั้น สวี่ชิงไม่ได้สังหารทิ้ง แต่ใช้เจ้าเงาแปลงเป็นเชือก มัดเอาไว้ใต้ทะเล เหมือนเลี้ยงเชลยให้ติดตาม
ขณะเดียวกันผลึกวารีสีม่วงก็ทำการรักษาต่อ จนทำให้สวี่ชิงเวลานี้นอกจากสีหน้าที่ขาวซีด ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว
เลือดเนื้อที่งอกออกมาใหม่หลังจากที่พลังเวทไหลเวียน ก็ไม่แตกต่างอะไรกับก่อนหน้าที่จะบาดเจ็บ ถึงตอนนี้ สวี่ชิงก็รู้สึกว่าโอกาสในการฝึกวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณมาถึงแล้ว
ดังนั้นเขาจึงขัดสมาธิสูดลมหายใจลึก ในช่วงที่ดวงตะวันลอยขึ้นฟ้าของเช้าตรู่วันนี้ สวี่ชิงเงยหน้าขึ้น จัดการกางวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณที่ขบคิดมานานถึงสิบวัน และประทับลงไปที่จิตวิญญาณในร่างกายอย่างสมบูรณ์แล้ว!
“เก้าสวรรค์หล่อหลอมร่างจักรพรรดิ วิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ พรสวรรค์แห่งชนเผ่าหวนคืน ดวงชีวิตแห่งข้าส่องสว่างสู่ท้องนภา!”
สวี่ชิงพึมพำ สองมือทำปางวางไว้ที่หน้าจุดตันเถียน นิ้วโป้งทั้งสองไขว้กัน นิ้วที่เหลือทั้งสี่ของแต่ละข้างกางออกเป็นรูปพัด ดูแล้วเหมือนปีกอย่างไรอย่างนั้น
จากนั้นจึงสูดลมหายใจลึกไปตามแสงตะวันแรกบนฟากฟ้า
ชั่วพริบตา ท้องฟ้าในสายตาสวี่ชิงก็เหมือนเริ่มเลือนรางและบิดเบี้ยว ความร้อนที่มองไม่เห็นซึ่งมีเพียงสวี่ชิงที่สัมผัสได้ราวกับแผ่ออกมาจากดวงตะวันบนฟากฟ้า ตรงมาทางปากเข้าสู่ร่างกายเขา
จู่ๆ วิหคทองข้างๆ ตะเกียงแห่งชีวิตของสวี่ชิงก็ลืมตา ตัวปีกสั่นเครือราวกับจะกางออก ขณะเดียวกันมันก็แหงนศีรษะขึ้น กลืนกินพลังความร้อนแห่งตะวันที่พุ่งเข้ามาลงไป
ฉับพลันพลังความร้อนนี้ก็หลอมรวมในปากของวิหคทอง ดวงตาของมันปรือเล็กน้อย แต่เหมือนว่ายังไม่เพียงพอที่จะเปิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ เพียงแต่เปิดเป็นช่องเล็กๆ เท่านั้นซึ่งมีแสงเจิดจ้าเปล่งออกมาเช่นกัน
นี่คือก้าวแรกของการฝึกบำเพ็ญวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ!
ปลุกเมล็ดพันธุ์สืบทอดวิหคทองในร่างกายให้ตื่นขึ้น
และวิธีการปลุกคือกลิ่นอายตะวันแรกรวมถึง…การชุบเลี้ยงด้วยเลือดลมในร่างกายตนเอง
ดังนั้นพริบตาต่อมา วิหคทองที่ลืมตาขึ้นจนสุดไม่ได้ ก็ทำการสูดรับในร่างกายสวี่ชิงอย่างรุนแรง เพียงพริบตามันก็เหมือนกลายเป็นหลุมดำหลุมหนึ่ง สูบไปทั่วทั้งร่างของสวี่ชิง
ร่างกายสวี่ชิงสั่นสะเครือขึ้นในพริบตานี้ เลือดลมของเขาบิดม้วนอย่างรุนแรง แผ่ตรงไปยังวิหคทองเป็นระลอก ขณะที่ถูกดูดผสานเข้าไปในตัววิหคทอง ร่างกายสวี่ชิงก็แห้งเหือดลงอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า
มือของเขาหย่อนคล้อย ใบหน้าก็มีริ้วรอย ร่างกายเขาผอมแห้งลงในจังหวะนี้ เสื้อผ้าเองก็หลวมโคร่ง
แต่สีหน้าของเขายังปกติไม่สับสน
จากการที่สวี่ชิงค้นคว้าวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณในสิบวัน ก็รับรู้สถานการณ์นี้แล้ว
ดังนั้นเวลานี้จึงสงบนิ่ง ยอมให้ร่างกายวิหคทองที่เหมือนนกแรกเกิดสูบเลือดลมของตนเองอย่างต่อเนื่อง
ร่างกายเขาค่อยๆ แห้งเหี่ยว ทั้งตัวคนดูแล้วน่ากลัวมาก แต่การสูดรับของวิหคทองเองก็มาถึงจุดสำคัญ กำลังพยายามเปิดดวงตา
อันที่จริงเมล็ดพันธุ์สืบทอดของวิชาระดับจักรพรรดิใดก็ตาม ใช่ว่าพอก่อตัวขึ้นจะระเบิดทันที แต่จำเป็นต้องให้ผู้บำเพ็ญเปิดมันด้วยตนเอง นี่จึงเป็นเหตุผลที่จะเปิดเมล็ดพันธุ์สืบทอดจำเป็นต้องใช้พลังมหาศาล
ปกติแล้วมีคนน้อยมากที่สามารถพึ่งพาเพียงตนเองเพื่อเติมเต็ม มักจะต้องการการช่วยเหลือของขั้วอำนาจเบื้องหลังเสมอ และจัดการเปิดมันให้สมบูรณ์โดยไม่สนสิ่งที่ต้องจ่ายไป
อย่างเช่นวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณนี้ อันที่จริงพลังเลือดลมที่ต้องใช้ในการเปิดออกนั้นมากมายมหาศาล ผู้บำเพ็ญปกติไม่สามารถแบกรับไหว และถ้าล้มเหลวก็จะเผชิญหน้ากับวิกฤตการถูกสูบจนแห้งเหือด
ทางสวี่ชิงก็เพราะเขาฝึกกายามาอย่างน่าตกตะลึง หล่อหลอมร่างกายมายอดเยี่ยม เลือดลมที่หล่อเลี้ยงจึงมีมหาศาล ดังนั้นถึงสามารถแบกรับได้จนถึงปัจจุบัน ถ้าหากเป็นคนอื่นล่ะก็ คงจะถูกสูบจนแห้งเหือดในพริบตาไปแล้ว
และต่อให้เป็นเช่นนี้ สวี่ชิงเองก็เริ่มรับไม่ไหวแล้วเช่นกัน เขาสังเกตว่าเลือดเนื้อของร่างกายตนเองแทบจะแห้งไปหมดราวกับเป็นศพแห้งอย่างไรอย่างนั้น ดวงตาจึงเปล่งประกาย กระตุ้นเคล็ดคีรีสมุทรขึ้นฉับพลัน เงาป๋าปรากฏภาพมายาขึ้นมาด้านหลังเขา
เมื่อเงาป๋านี้ปรากฏออกมาก็แหงนหน้าขึ้นคำราม หินหนืดใต้ร่องแตกในร่างกายก็ปะทุขึ้นทันควัน ขณะที่พลังสำแดงอย่างน่าตกตะลึง พลังเลือดลมก็เข้มข้นขึ้นอย่างมหาศาลด้วยเช่นกัน
พริบตาต่อมา ร่างเงาป๋าก็ไหววูบ ทั่วทั้งตัวแผ่หมอกเลือดลมนับไม่ถ้วนออกมา มุดเข้าไปในร่างกายสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว หลั่งทะลักเข้าไปในตัววิหคทอง
ร่างกายวิหคทองสั่นสะท้าน ภายใต้การสูบพลังมหาศาลพลังที่ใช้ในการลืมตาก็แกร่งขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเงาป๋าก็แห้งเหือดลงอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งผ่านไปสิบกว่าอึดใจ เงาป๋าก็แตกสลายลงฉับพลัน กลายเป็นเลือดลมกลุ่มใหญ่หลั่งทะลักเข้าไปในร่างกายสวี่ชิง เข้าไปในร่างของวิหคทอง
วิหคทองสั่นเครือ พยายามลืมตาขึ้นสุดกำลัง แต่เหมือนว่าต่อให้เป็นระดับเลือดลมมหาศาลสวี่ชิงในปัจจุบัน ก็ยังขาดอยู่อีกเล็กน้อย
ทำให้การลืมตาของวิหคทองขาดไปเพียงก้าวเดียว
สวี่ชิงดวงตาเผยประกาย ชูมือขวาขึ้นกดลงไปบนกระดานเรืออย่างไม่ลังเล ทันใดนั้นแรงดูดก็กระจายไปบนเรือเวทตามมือของเขา ทอดแผ่ไปถึงบริเวณศูนย์กลางของเรือเวท หรือก็คือ…ตำแหน่งที่มีเลือดเนื้อของจวีอิงอยู่!
พริบตาที่สัมผัสกับเลือดเนื้อของจวีอิง ร่างกายสวี่ชิงก็ครืนครัน เลือดลมเข้มข้นที่น่าตกตะลึงแผ่ออกมาจากในเลือดเนื้อของจวีอิง หลั่งทะลักเข้าร่างกายอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากถูกวิหคทองสูดรับ ในที่สุดมันก็เสร็จสิ้นสิ่งที่ต้องการ เบิกตาขึ้นฉับพลัน ส่งเสียงร้อง
เสียงนี้มีท่วงทำนองเต๋าแฝงอยู่ด้วย สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
หลังจากเสียงดังออกมาจากในร่างกายสวี่ชิง ผืนทะเลทั่วสารทิศก็ส่งเสียงครืนครันขึ้นฉับพลัน คลื่นหลายวงกระเพื่อมออกไปรอบทิศโดยมีเรือเวทของสวี่ชิงเป็นศูนย์กลาง ราวกับเกิดคลื่นใต้น้ำขนาดเล็กขึ้นมา!
มองลงมาจากฟากฟ้า เห็นได้อย่างชัดเจนว่าผืนทะเลที่สวี่ชิงอยู่ราวกับเกิดเป็นภาพประหลาดขึ้นภาพหนึ่งจากคลื่นที่ซัดออกไปรอบๆ
ภาพนี้ เหมือนกับดวงตาขนาดใหญ่ดวงหนึ่ง
คล้ายกับดวงตาของวิหคทอง!
และเรือเวทของสวี่ชิงก็อยู่กลางม่านตาของดวงตาแห่งวิหคทอง
เขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในเรือเวท แม้ทั้งร่างจะแห้งเหือด แต่ดวงตากลับสุกสกาวราวดวงดาว เปล่งประกายเจิดจรัส เวลานี้ผมปลิวสยายตามสายลม ร่างทั้งร่างเมื่อมองแล้ว…
ราวกับมารร้ายราวกับปีศาจ!