ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 219 อักษรบรรพจารย์สยบผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิด (1)
บทที่ 219 อักษรบรรพจารย์สยบผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิด (1)
ตอนนี้เสียงกัมปนาทสะท้านก้องบนท้องฟ้า การประมือระหว่างนายท่านหกกับไป๋ลี่สั่นสะเทือนฟ้าดิน ทำให้เมฆหมอกมลายหายไป มหาสมุทรถาโถม คลื่นซัดท่วมฟ้าลูกแล้วลูกเล่า
การลงมือของทั้งสองคนทุกครั้งล้วนถล่มภูเขาล่มมหาสมุทร การโจมตีทุกกระบวนล้วนพลานุภาพมหาศาล กระทั่งว่าลำพังเพียงแค่เศษพลังจากการปะทะกันของพลังวิเศษก็ทำให้รอบๆ มีเสียงมิติแตกร้าวดังมา
มองไกลๆ รอบๆ ทั้งสองคน ท้องฟ้าเกิดรอยแยกเป็นทางๆ อยู่ตลอด ยิ่งไปกว่านั้นคือประเดี๋ยวก็พังถล่มลงมา เกิดเป็นหลุมดำขนาดมหึมา คล้ายว่าจะกลืนกินทุกสิ่ง
ยิ่งมีสายฟ้าฟาดราวทัณฑ์สวรรค์เป็นทางๆ แลบแปลบปลาบรอบๆ ไม่ขาดสาย กระทั่งว่าเกิดเป็นภาพมายาดุจมังกรสายฟ้าคำราม พันรัดโรมรันสังหารซึ่งกันและกัน
ไม่ใช่เพียงแค่นี้เท่านั้น ร่างของพวกเขายิ่งกะพริบวูบวาบกลางอากาศไม่หยุด ลงมือไปด้วย เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาไปด้วย มักจะเมื่อชั่วครู่ยังโรมรันอยู่ด้วยกัน ทว่าเสี้ยวขณะต่อมาก็สลับเปลี่ยนตำแหน่ง และเสี้ยวพริบตาต่อมาก็ประชิดโรมรันกันอีกครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังเรียกลมพายุมาได้ง่ายๆ เอามาเป็นพลังวิเศษของตัวเอง เกิดเป็นพลังสังหารที่น่าครั่นคร้าม โดยเฉพาะทางไป๋ลี่ รอบๆ ตัวมีหนอนเส้นไหมนับไม่ล้วนลอยล่อง แต่ละตัวล้วนบิดม้วนเป็นอักขระเกิดเป็นอัสนีทมิฬพลังหยินสูงสุด พุ่งไปหานายท่านหกอย่างเร็วรี่
อัสนีทมิฬเหล่านั้นหากมองให้ละเอียดแล้วมันก่อตัวขึ้นจากหนอนเส้นไหมจำนวนมหาศาล เมื่อเข้าไปใกล้นายท่านหกก็ระเบิดทันที กระทั่งว่ารอยแยกมิติที่เพิ่งจะเกิดขึ้นบางแห่งก็ถูกผนึกแช่แข็งในเสี้ยวพริบตาต่อมาทันที
มองไกลๆ บริเวณที่ทั้งสองต่อสู้กัน รอยแยกมิติที่ถูกแช่แข็งเหล่านั้นเหมือนมีตะขาบสีขาวมากมาย
ส่วนนายท่านหกก็ไม่ธรรมดา เพียงสะบัดมือคลื่นอาวุธก็ลอยคว้างขึ้นรอบๆ เกิดเป็นรูปร่างอาวุธมากมาย พลังอำนาจมหาศาล รังสีอำมหิตพวยพุ่งขึ้นฟ้า
กลิ่นอายที่แผ่ซ่านจากในนั้นแฝงด้วยพลังทำลายฟ้าดิน แข็งแกร่งทรงพลังเกินต้าน
แต่ไป๋ลี่นั่นก็เยี่ยมยุทธ์เป็นอย่างยิ่ง แม้พลังบำเพ็ญจะสูสีกับนายท่านหก และนายท่านหกยังใช้น้ำเต้าร่วมด้วย แต่…ไป๋ลี่ก็ยังไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
จะอย่างไร พรสวรรค์ของนายท่านหกอยู่ที่หลอมอาวุธ ไม่ใช่การสังหารเข่นฆ่า
ตอนนี้ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ไป๋ลี่เคลื่อนย้ายชั่วพริบตามาอยู่ข้างหน้านายท่านหก ประสานปางมือชี้มา ทันใดนั้นแสงดาบทางหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ผ่ามิติมาอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นรอยแยกขนาดมหึมาทางหนึ่ง พุ่งไปหานายท่านหกประดุจอสรพิษร่ายมังกรรำ ทำให้นายท่านหกหน้าเปลี่ยนสีถอยหลังไป
เห็นเช่นนี้ไป๋ลี่ก็พลันหัวเราะออกมา
“ระดับปราณก่อกำเนิดในที่เล็กๆ นี่มีอาวุธเวทขนาดนี้กลับยังฆ่าข้าไม่ได้จริงๆ ด้วย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่แน่ว่าวันนี้ข้าไม่จำเป็นต้องหลบหนี ฆ่าเจ้า ชิงเอาอาวุธเวทเยี่ยมยอดของเจ้าไป ก็นับว่าได้ผลเก็บเกี่ยวที่ยอดเยี่ยม”
ระหว่างพูด ไป๋ลี่ก็ซัดเข้าที่หน้าผาก ร่างนี้สั่นสะท้านไปทันใด ที่หลังปูดนูนสูง เกิดเป็นก้อนขนาดใหญ่ บนนั้นเต็มไปด้วยเส้นเลือดมากมายนับไม่ถ้วน ยิ่งมีหนอนเส้นไหมแต่ละตัวๆ ชอนไชอย่างบ้าคลั่งอยู่ในนั้น ในขณะที่ดูน่าขนพองสยองเกล้า ก้อนเลือดนี้ก็พลันระเบิด
ต้นไม้ต้นหนึ่งก็งอกออกมาจากในนั้น
ต้นไม้ต้นนี้มีขนาดถึงสามจั้งแผ่ลามมาที่หัวของไป๋ลี่ ทั้งต้นเป็นสีแดงเลือด มีใบไม้ทรงฟันเลื่อยหกใบ ขณะเดียวกันก็มีฐานรองดอกสามเหลี่ยม ในนั้นมีเกสรมหาศาล!
เห็นอักขระถี่ยิบมหาศาลเหมือนเลือดไหลเวียนอยู่ในต้นพืชแปลกประหลาดต้นนี้ กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ที่สะเทือนฟ้าดินกลุ่มหนึ่งก็แผ่ซ่านมาจากข้างในนั้นในเสี้ยวพริบตาที่มันปรากฏขึ้น
กลิ่นอายนี้แข็งแกร่งมาก ทำให้สวี่ชิงปวดตาในทันที นายกองทางนั้นก็เช่นกัน แต่ในแววตาของเขากลับมีแววบ้าคลั่งที่มากกว่า
“คุณสมบัติเทพ!!”
กลิ่นอายที่ต้นไม้แผ่ออกมาคือคุณสมบัติเทพนั่นเอง
อีกทั้งระดับความเข้มข้นยังมหาศาลมากอีกด้วย ยิ่งในเสี้ยวพริบตาที่ปรากฏขึ้น ต้นไม้ต้นนี้เงยหน้าขึ้นมามองไปทางน้ำเต้าบนท้องฟ้า เขย่าร่างสะท้านเฮือก
มีลมบ้าคลั่งพัดกวาดมา พัดเกสรที่โบกไหวในฐานรองดอกสามเหลี่ยมปลิว เผยให้เห็นในนั้น…มีใบหน้าผีเหี้ยมเกรียมดวงหนึ่ง!
ดวงตาทั้งสองของใบหน้าผีแดงก่ำ แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้มันกำลังแสยะยิ้ม
“ดูซิว่าอาวุธสุดยอดของเจ้าที่เยี่ยมยุทธ์ หรือจะเป็นเมล็ดพันธุ์เทพเทียนประทีปของข้าที่แข็งแกร่งกว่า!”
ไป๋ลี่เงยหัวเราะเย้ยฟ้า มือขวายกขึ้นสะบัด ทันใดนั้นลูกกลอนแต่ละเม็ดก็ลอยออกมาจากแขนเสื้อของมัน แล้วพุ่งตรงไปที่ใบหน้าฐานรองดอก
ลูกกลอนพวกนี้ล้วนไม่ใช่ลูกกลอนบริบูรณ์ แต่เป็นลูกกลอนกึ่งบริบูรณ์ อีกทั้งวัตถุดิบก็ไม่ใช่สมุนไพรใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นเลือดเนื้อ
จะเห็นได้ว่าบนลูกกลอนเลือดเนื้อทุกเม็ดมีเงาวิญญาณลอยอยู่ อีกทั้งวิญญาณทุกดวงดูแล้วยังอายุน้อยทั้งนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคืออัจฉริยะที่หายตัวไปหลายปีมานี้ของแต่ละเผ่า
ถูกไป๋ลี่หลอมทารุณสังหารตาย ใช้เลือดเนื้อหลอมลูกกลอน ใช้วิญญาณผสานเป็นลูกกลอนโอสถ
ลูกกลอนโอสถพวกนี้ไม่ใช่เขาเป็นคนกิน แต่เอามาหล่อเลี้ยงต้นไม้ปีศาจต้นนั้น ซึ่งก็คือเมล็ดพันธุ์เทพที่เขาว่า อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าจำนวนที่ต้องใช้มหาศาลนัก นี่ก็คือเหตุผลที่เขามายังทะเลต้องห้าม
หากเขาทำเช่นนี้บนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ก็รู้สึกว่าอันตรายเกินไป แต่ที่นี่ เขาคิดว่าอาศัยพลังของตัวเอง เมื่อเผชิญกับอันตรายใดๆ ก็น่าจะหนีได้อย่างสบายๆ
ตอนนี้ท่ามกลางเสียงหัวเราะยาว จากการที่ต้นไม้กลืนกินลูกกลอนโอสถ ท่ามกลางเสียงคำรามและจิตสังหารที่ปะทุบ้าคลั่งของนายท่านหก ต้นไม้ต้นนี้ก็พลันพุ่งไปที่น้ำเต้าบนท้องฟ้า ส่งเสียงหนึ่งออกมา!
“ฮง[1]!”
เสียงนี้ไม่เหมือนกับการออกเสียงทั่วๆ ไป เป็นเหมือนบทสวดบางอย่าง อีกทั้งทำให้คนรู้สึกว่าทั้งๆ ที่เป็นเพียงแค่เสียงหนึ่ง แต่เหมือนว่าในนั้นเหมือนเป็นเสียงพิเศษที่เกิดขึ้นหลังจากที่มีเสียงนับไม่ถ้วนผสานรวมกัน
ตอนนี้เมื่อดังออกมา ท้องฟ้าก็ส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ ทันที สายฟ้าที่ประกายแสงสีแดงวาวแววแต่ละทางๆ ปรากฏขึ้นบนน้ำเต้า สายฟ้าพวกนี้เพียงพริบตาก็ปรากฏขึ้นนับไม่ถ้วน สายแล้วสายเล่า
เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วอึดใจเท่านั้น สายฟ้าสีแดงอย่างน้อยๆ หลายแสนทางปรากฏขึ้นบนฟ้า ปกคลุมไปบนน้ำเต้าเกิดเป็นตราประทับอักขระขนาดมหึมาตราหนึ่ง
ตราประทับอักขระนี้ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง แปรเปลี่ยนเป็นผนึก ทำให้พลานุภาพของน้ำเต้าหมองหหม่นไปในทันที
จากนั้นไป๋ลี่ก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง กำแหงอวดดี ขณะสะบัดมือก็มีร่างมหึมาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ร่างนี้มีขนาดถึงร้อยจั้ง มองไปแล้วเหมือนตั๊กแตนยักษ์ตัวหนึ่ง ทั้งตัวดำสนิท และสิ่งที่ทำให้คนสยดสยองพรั่นพรึงคือขาคมกริบเป็นอย่างยิ่งราวดาบทั้งสองข้างของมัน
ร่างนี้ประดุจหุ่นรบ ในเสี้ยวพริบตาที่ปรากฏขึ้นร่างไป๋ลี่ก็ผสานไปในตัวมัน เพียงพริบตาหุ่นรบร้อยจั้งก็ลืมตาขึ้น เผยประกายโหดเหี้ยม เพียงไหววูบก็พุ่งไปหานายท่านหก
ความเร็วของมันแหวกมิติ กรีดผืนนภา มาอยู่หน้านายท่านหก ดาบหนึ่งฟาดลงมา
ดาบนี้ประดุจฟันขุนพลหักธง ทำเอาสวี่ชิงเห็นแล้วจิตในสั่นสะท้านบ้าคลั่ง เขานึกถึงดาบนั้นที่ศาลเจ้า
แม้จะไม่เหมือนแต่ก็คล้ายกันมาก ส่วนนายท่านหกก็ต้านทานสุดกำลัง ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็ถอยหลังไป กระอักเลือดสดๆ ออกมา
แต่เขากลับหัวเราะเหี้ยมเกรียมเช่นกัน จิตสังหารในดวงตาไม่ลดน้อยลงแม้แต่น้อย
“ข้าไม่เชี่ยวชาญวิชาต่อสู้ แต่…ข้าคือเจ้ายอดเขาลำดับหกแห่งสำนักเจ็ดเนตรโลหิต สิ่งที่ยอดเขาลำดับหกเชี่ยวชาญ…คือการหลอมอาวุธ โดยเฉพาะอาวุธเวท!!”
ระหว่างพูด มือขวาของนายท่านหกก็คว้าไปที่ขุนเขายอดเขาลำดับหกที่อยู่เบื้องล่าง
“มา!”
เพียงพริบตาขุนเขายอดเขาลำดับหกที่กำลังหลอมเกาะเผ่าดาราสมุทรข้างล่างก็เลือนรางไปในทันที เมื่อชัดเจนอีกครั้งก็มาอยู่ข้างหน้านายท่านหกแล้ว
พลังเทพบนนั้นปะทุ อาวุธเวททุกชิ้นบนเขาส่งเสียงครืนครัน ขุนเขาทั้งลูกพลังมหาศาล สะกดไปยังไป๋ลี่ที่ผสานเข้าไปในหุ่นรบทันที!
“สะกด!”
พลังหนึ่งยอดเขาสะกดหนึ่งคน
พุ่งไปด้วยเสียงดังกึกก้อง เกิดเป็นพลังทำลายฟ้าขยี้ปฐพี อีกทั้งยังปิดล้อมทั้งแปดทิศทำให้มันไม่มีที่หลบซ่อน ไป๋ลี่หน้าเปลี่ยนสีทันที ในขณะที่ขุนเขาสะกดมาอย่างรวดเร็วจากข้างบน ร่างของเขาก็สั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
รอยแยกแต่ละทางๆ ปรากฏขึ้นบนร่างทันที ดวงตาไป๋ลี่แดงก่ำ ดาบคู่กวัดแกว่ง ทะยานตัวขึ้นฟ้าพุ่งตรงไปยังขุนเขา เพียงแต่ตัวตนของมันเทียบกับขุนเขาแล้วเล็กจ้อยไร้ค่า
ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จากการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย จากการพุ่งลงมาอย่างโหดเหี้ยมของการประสานปางมือนายท่านหก ขุนเขาลูกมหึมาก็บดขยี้ทุกสิ่งแหลกละเอียด สะกดไป๋ลี่ที่อยู่ข้างล่าง ทุ่มไปยังแผ่นดินเผ่าดาราสมุทรเต็มแรง!
เสียงครืนครันดังสะเทือนเลื่อนลั่นในเสี้ยวขณะนี้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แผ่นดินคำรามก้อง ในขณะที่สวี่ชิงและนายกองร่างไหววูบลอยขึ้นฟ้าหลบหลีก แผ่นดินเผ่าดาราสมุทรก็แตกเป็นเสี่ยง รอยแยกใหญ่มหึมาเป็นทางๆ แผ่ลาม เริ่มพังถล่ม
มหาสมุทรเกิดคลื่นยักษ์ทั่วทุกทิศ แผ่ซ่านเสียงดังครืนครานกึกก้องไปรอบๆ บริเวณที่ได้รับผลกระทบกว้างขวาง
“ข้าจะหลอมเจ้า!” ผมนายท่านหกสยาย ดวงตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง มือทั้งสองประสานปางมืออย่างรวดเร็ว ประทับตราไปที่ขุนเขาบนพื้นไม่หยุด ทำให้ขุนเขาปะทุทะเลเพลิงแรงกล้าออกมา เร่งความเร็วในการหลอม
“เจ้าหลอมลูกชายข้า ข้าหลอมเจ้า!”
ส่วนขุนเขาลูกนั้นตอนนี้ส่งแรงสั่นสะเทือนออกมา เหมือนว่าไป๋ลี่ที่ถูกสะกดอยู่ข้างใต้กำลังค้ำยันมันเอาไว้สุดกำลัง คิดจะระเบิดยอดเขาลำดับสะกดบนร่างลูกนี้
ในขณะเดียวกันก็ยิ่งมีพลังคุณสมบัติเทพน่าครั่นคร้ามแผ่ซ่านออกมาจากใต้ขุนเขาลูกนี้ มาพร้อมด้วยเสียงคำรามดุจสัตว์ร้ายเสียงหนึ่ง
เสี้ยวขณะต่อมา ท่ามกลางความครั่นคร้ามตื่นตะลึงของสวี่ชิงและนายกอง ขุนเขาในเปลวเพลิงลูกนี้ก็ถูกยกขึ้นทีละนิดๆ
ด้วยพลังระดับปราณก่อกำเนิดช่วงต้นทำได้ถึงขนาดนี้ ก็มากพอจะมองออกว่าไป๋ลี่…เป็นอัจฉริยะฟ้าประทานของเผ่าจริงๆ ตอนนี้หลังจากยกภูเขาขึ้น ข้างล่างก็มีเสียงคำรามกึกก้องดังออกมา
จะเห็นไป๋ลี่ที่อยู่ใต้ขุนเขาตอนนี้รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ไม่ใช่หุ่นรบอีกต่อไปแล้ว แต่ทั้งคนผสานไปกับต้นไม้ปีศาจข้างหลังต้นนั้น
กิ่งก้านใหญ่หนา มือใบเลื่อยทั้งหก แขนงที่เหมือนรยางค์นับไม่ถ้วนแผ่ลามไปบนพื้นอย่างต่อเนื่อง ทุบ สะบัดไปบนพื้นไม่หยุด หลังจากที่เขายกขุนเขาขึ้นสูง ฐานรองดอกสามเหลี่ยมและใบหน้าที่อยู่ในนั้นก็โผล่ออกมา
ใบหน้าดวงนี้ไม่ใช่รูปลักษณ์อย่างก่อนหน้านี้ แต่เป็นหน้าตาของไป๋ลี่
ในดวงตาประกายแสงสีแดงกะพริบวาบ คุณสมบัติเทพทั้งร่างปะทุอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วที่ทำให้คนได้ยินแล้วต้องตื่นตะลึง
“นี่ก็คือวิชาหลอมอาวุธที่เจ้าเชี่ยวชาญหรือ ผู้บำเพ็ญหลอมอาวุธข้าเห็นมาเยอะแล้ว พวกเขาไม่ใช่แค่หลอมได้เท่านั้น แต่ยิ่งเชี่ยวชาญในการใช้อีกด้วย ส่วนของเจ้า ข้า…”
เสียงกำแหงอวดดีดังออกมาจากใต้ขุนเขา แต่ไม่รอให้มันพูดจบ ในดวงตานายท่านหกก็เผยความบ้าคลั่งออกมา เขาพลันสะบัดมือ ทันใดนั้นธงมหึมาผืนหนึ่ง ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือศีรษะเขา แล้วคลี่กางออก
ธงผืนนี้มีขนาดถึงร้อยจั้ง ปลิวโบกสะบัดมา รัศมีอำนาจท่วมท้น สยบทุุกสารทิศ
มองไปไกลๆ ผืนธงแหว่งวิ่น สีบนนั้นเปรอะเปื้อนเหมือนอาบย้อมไปด้วยเลือดมากมายมหาศาล ฉายคุณสมบัติเทพอันแข็งแกร่งออกมา
เหมือนว่ามันผ่านศักราชที่หมุนเปลี่ยน ผ่านการชำระล้างจากสงครามมานับไม่ถ้วน มาพร้อมด้วยวันเวลาที่ผันเปลี่ยนอย่างยาวนาน ตอนนี้เมื่อกางออก ก็เปลี่ยนสีของท้องฟ้า บดบังประกายแสงของดวงอาทิตย์
ในช่วงระยะกว้างใหญ่ไพศาลทั่วทุกทิศโดยมีเกาะดาราสมุทรเป็นศูนย์กลาง ทุกเผ่าล้วนจิตใจสั่นสะท้านบ้าคลั่ง ต่อให้สิ่งลึกลับใต้ทะเลก็ต่างลืมตาเผยความหวาดกลัวออกมา
โดยเฉพาะเลือดสีทองหยดหนึ่งบนผืนธงให้ความรู้สึกที่เหนือกว่าคุณสมบัติเทพ ให้ความรู้สึกที่คล้ายคลึงกับเสี้ยวหน้าเทพเจ้าบนท้องฟ้าอย่างเหลือล้น!
เหยียดหยันทุกสิ่ง
เหมือนว่าในอดีต มีสิ่งมีชีวิตประเภทเทพถูกสังหารนับไม่ถ้วนใต้ธงศึกผืนนี้ มีผู้แข็งแกร่งต่างเผ่ามากมายถูกสังหาร ตอนนี้นายท่านหกเอาออกมา จิตสังหารเหลือล้นสะเทือนฟ้าดินกลุ่มหนึ่งก็ปะทุออกมาจากทั่วทุกทิศทันที
[1] เป็นคำหนึ่งจากบทสวดพระคาถาหัวใจของพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ “องมานีปามีฮง” (嗡嘛呢叭咪吽)