ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 237 จงอย่าได้ลำพอง
บทที่ 237 จงอย่าได้ลำพอง
ตอนนี้เอง สวี่ชิงกำลังก้มหน้าค้นคว้าผู้บำเพ็ญนกเขาราตรีคนหนึ่งในคุกใหญ่ของกรมปราบพิฆาต ตรวจสอบยาสมุนไพรก่อนหน้าของตนเองอย่างละเอียด ว่าเหตุใดแมลงสีดำเปลี่ยนสีไป
“หากหาสาเหตุพบก็จะใช้สรรพคุณยาที่ตรงข้ามกันได้ เพิ่มระดับความคงทนของแมลงสีดำได้เท่าไรกัน” สวี่ชิงครุ่นคิดพลางตรวจสอบ
เสียงกรีดร้องแหลมดังก้องไม่หยุด แต่กลับไม่ส่งผลกระทบกับการแสวงหาความรู้ของสวี่ชิงเลย เป็นเช่นนี้ไปหนึ่งชั่วก้านธูป สวี่ชิงจึงดึงวิญญาณผู้บำเพ็ญนกเขาราตรีที่ใกล้ตายคนนี้ออกมา ดวงตาเผยแววครุ่นคิด แต่ไม่นานก็เลิกคิ้วขึ้น มองไปทางประตูคุกใหญ่
เมื่อประตูคุกเปิดออกก็มีใบหน้าเขินอายของหญิงสาวโผล่มาจากช่องประตู จากนั้นก็ก้าวเข้ามาในคุกอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปี สวมเสื้อสีเขียว ยิ้มแย้มราวบุปผา มือขาวเรียวยาวดุจหยก มือขวามีปลาหมึกตัวน้อยพันอยู่บนมืออีกตัวหนึ่ง
เหยียนเหยียนนั่นเอง
ตอนนี้เจ้าปลาหมึกน้อยกำลังจ้องสวี่ชิงอย่างไม่เป็นมิตร แต่ก็ดูเหมือนจำใจมาก จึงทำได้เพียงเก็บสายตา แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น
“พี่สวี่ชิง” เหยียนเหยียนเอ่ยอ่อนหวานอย่างร่าเริง รีบสาวเท้าเข้าไปอยู่ข้างกายสวี่ชิง จ้องมองศพที่ถูกชำแหละข้างๆ ดวงตานางก็เป็นประกาย
“ข้าไม่รบกวนพี่สวี่ชิงหรอก ข้ามองอยู่ข้างๆ ก็พอ”
สวี่ชิงขมวดคิ้ว กำลังจะปฏิเสธ
“พี่ชายสวี่ชิง ข้าเพิ่งจะจับคนร้ายประกาศจับมาได้คนหนึ่ง ข้าอยากจะเรียนรู้กับท่านอีกสักหน่อย บางทีพวกเราน่าจะเล่นด้วยกันได้นะ”
เมื่อเห็นว่าสวี่ชิงจะปฏิเสธ เหยียนเหยียนก็รีบเอ่ยปาก เมื่อโบกมือเจ้าปลาหมึกน้อยก็พ่นฟองออกมา ฟองนี้ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ท้ายสุดก็แตกออกตอนร่อนลงมาข้างๆ เผยให้เห็นร่างของหวงอี้คุน
แมลงสีดำตัวเล็กจ้อยหนาแน่นที่สวี่ชิงเลี้ยงซึ่งกำลังลอยอยู่ในอากาศก็กระจายตัวอย่างไร้ซุ่มเสียงจนแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าขณะที่หวงอี้คุนปรากฏตัว เหมือนว่าถ้าสวี่ชิงออกคำสั่ง พวกมันก็จะชอนไชเข้าไป
สายตาสวี่ชิงอยู่ที่หวงอี้คุน จดจำอีกฝ่ายได้ เห็นบาดแผลสดใหม่บนตัวของอีกฝ่าย
เห็นนิ้วมือขวาเจิดจ้าที่เดิมทีมีอยู่ห้านิ้วของคนผู้นี้ปัจจุบันเหลือแค่นิ้วโป้งกับนิ้วก้อย ตรงกลางสามนิ้วหายไปแล้ว กลายเป็นสัญญาณมือเลขหกพอดี
สวี่ชิงประหลาดใจ แต่ไม่นานก็รู้สึกว่าแมลงสีดำนอกร่างของหวงอี้คุนเคลื่อนไหวแปลกไป สายตาจึงเกิดประกายประหลาดแวบขึ้นมา จ้องไปที่เส้นผมของหวงอี้คุน
ส่วนหวงอี้คุนที่ได้สติจากการกระแทกกับพื้น ดวงตายังคงรู้สึกพร่าเลือนอยู่ แต่พริบตาต่อมาเขาก็เห็นรอบๆ ชัดเจน และเห็นสวี่ชิงด้วย
หวงอี้คุนนิ่งเงียบ
เขานึกถึงเรื่องที่ตนเองยืนอยู่เบื้องหน้าของอีกฝ่ายเมื่อไม่กี่วันก่อน พูดคำพูดเหล่านั้น จากนั้นก็นึกถึงเรื่องที่ตนเจอมาในคืนนี้ เวลานี้จึงรู้สึกแค่ซับซ้อนยากจะอธิบายได้ กลายเป็นความโกรธแค้นในใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คิดจะดิ้นรนหลบหนี แต่ร่างกายก็ถูกพันธนาการไว้ ดิ้นรนไม่หลุด
“เจ้าไปท้าดวลที่ยอดเขาลำดับเจ็ดมาแล้วหรือ” เขาไม่อยากจะพูด แต่สวี่ชิงอยากพูด
หวงอี้คุนตัวสั่น เขาไม่อยากจะเอ่ยปาก แต่พริบตาต่อมาเขาก็มองเห็นเลือดสดที่นองเต็มพื้นรวมถึงกองศพที่ตายอย่างอนาถข้างๆ มหาศาล
ภาพนี้ทำให้จิตใจอ่อนแอจากการโดนทรมานมาทั้งคืนของเขาเกิดคลื่นยักษ์ถาโถมขึ้นอีกทันใด สายตาที่มองสวี่ชิงกับเหยียนเหยียนเผยความพรั่นพรึงออกมา
โดยเฉพาะเหยียนเหยียนที่ตอนนี้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“พี่สวี่ชิง เจ้าคนนี้มันเลวมากเลย ร่วงจากฟ้าลงมาอย่างกับจะลอบโจมตีข้า จริงสิ ไม่ต้องพูดถึงเขา พี่สวี่ชิงพักหลังท่านไม่มาหาข้าที่คุกเลย ข้าอยู่คนเดียวน่าเบื่อมาก วันๆ เฝ้ารอให้ท่านมาเล่น อีกทั้งช่วงนี้ข้าเองก็ค้นคว้าวิธีการเล่นบางอย่างด้วย”
พูดพลาง เหยียนเหยียนก็โบกมือ ทันใดนั้นด้านหน้านางก็มีขวดยาลูกกลอนมากมายปรากฏขึ้น ด้านในล้วนเป็นยาพิษ ขณะเดียวกันยังมีชั้นขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมา ร่วงลงพื้นเสียงดังตึง
ชั้นวางนี้มีพวกมีดอยู่หลายประเภท บ้างโค้งบ้างตรงบ้างยาวบ้างสั้น แบบเป็นกรวยสว่านก็มีมากมายเต็มไปหมด ขณะเดียวกันก็ยังมีโซ่เคียวตะขออยู่พร้อมสรรพ
สวี่ชิงกวาดตามอง
“พี่สวี่ชิง ท่านดูสิข้าเตรียมพร้อมหมดแล้ว พวกเราจะวางพิษก่อน หรือว่าจะหั่นเขาออกมาดูว่าช่องเวทเป็นอย่างไรก่อนดี แล้วพวกเราต้องทำอย่างไรเขาจึงจะร้องโหยหวนได้น่าฟังกว่า เอาให้เหมือนกับพวกหลายร้อยคนก่อนหน้านี้”
เสียงของเหยียนเหยียนทั้งหวานหยดทั้งสดใส เพียงแต่จากเสียงที่พูด เดิมควรจะรู้สึกรื่นหู แต่เนื้อหาในนั้นกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
โดยเฉพาะดวงตาที่เปล่งประกายสดใสของนาง คิ้วงามโก่งงอน ขนตายาวพลิ้วไหวเล็กน้อยราวกับตอนที่พูดมีความสุขถึงขีดสุด
ภาพนี้ทำให้หวงอี้คุนที่กำลังผวาสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง เขามองไปที่มีดเหล่านั้น มองเหยียนเหยียน จากนั้นก็มองสวี่ชิงที่เหมือนกำลังครุ่นคิด รู้สึกเพียงว่าที่นี่คือนรกบนดิน
“พี่สวี่ชิง ท่านคิดว่าความคิดข้าเป็นอย่างไร” เหยียนเหยียนพูดพลางหยิบมีดขึ้นมาทีละเล่มราวกับกำลังหาเล่มที่เหมาะมือ ขณะเดียวกันก็คอยถามเอาอกเอาใจอย่างระมัดระวัง
“พี่สวี่ชิง พวกเราเริ่มจากที่ใดดี ตัดลิ้นเขาก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ ข้ารู้สึกว่าทำแบบนี้บางทีเสียงน่าจะดีขึ้นมาหน่อย”
เมื่อพูดออกมา หวงอี้คุนที่ถูกพันธนาการอยู่ก็ตัวสั่นอย่างรุนแรง ความหวาดกลัวในดวงตาพุ่งขึ้นถึงขีดสุด เผยความสิ้นหวังออกมา
เขารู้จักเหยียนเหยียน รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนบ้า จะเรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น และคนบ้าเช่นนี้กลับถามความเห็นจากสวี่ชิงอย่างเอาอกเอาใจ
เขารู้สึกว่าที่นี่น่ากลัวยิ่งกว่ายอดเขาลำดับเจ็ดเสียอีก
โดยเฉพาะตอนที่เขาคิดถึงตอนที่ตนเองร่วงลงมาก็ยิ่งตกตะลึงหวั่นผวา
“พี่สวี่ชิง พวกเราเริ่มจากจุดใดดี” เหยียนเหยียนกัดริมฝีปากล่าง จ้องสวี่ชิงเขม็ง ผิวขาวเนียนไร้ตำหนิเริ่มมีสีแดงจางๆ ริมฝีปากบางราวกลีบกุหลาบไม่นานก็ถูกกัดจนเลือดไหลซิบ
สวี่ชิงมองเหยียนเหยียนอย่างสงบ แม้การช่วยเหลือกรมปราบพิฆาตก่อนหน้านี้ของอีกฝ่ายจะโดดเด่น แต่เขาก็ไม่สนใจเรื่องนั้น
ส่วนวันนี้ที่เหยียนเหยียนพาคนผู้นี้เข้ามา สวี่ชิงรู้สึกว่าน่าสนใจ เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บของหวงอี้คุนเกิดจากถูกกระบี่ใหญ่ฟาด ยิ่งไปกว่านั้นแผลบนนิ้วยังมีรอยฟัน ดูท่าคืนนี้คงจะไปท้าดวลที่ยอดเขาลำดับเจ็ดมาแล้ว
และเสียงดังสนั่นด้านนอกก่อนหน้านี้ เขาก็ได้ยิน คิดแล้วน่าจะมีคนโยนหวงอี้คุนมา และคนผู้นี้ก็ไปหาผลประโยชน์บนยอดเขาลำดับเจ็ด แต่ก็ยังเหลือนิ้วมาสองนิ้ว เช่นนี้ก็มีเพียงคำอธิบายเดียวแล้ว
สวี่ชิงเดาคำตอบได้
และเมื่อเดาคำตอบได้แล้ว สวี่ชิงก็รู้สึกว่าพวกนายกองบนยอดเขาลำดับเจ็ดคงไม่ถึงกับโยนหวงอี้คุนที่ถูกวางตัวกระตุ้นพิษลงมาหาตนเองแน่
มันไม่จำเป็น
ตัวหวงอี้คุนมีพิษอยู่บนเส้นผม
สวี่ชิงเคยเจอสิ่งที่คล้ายพิษนี้มาแล้วคือตอนที่พบกับคุณชายเผ่าเงือกเมื่อครั้งนั้น เป็นตัวกระตุ้นพิษที่สามารถดึงดูดตัวตนบางอย่างได้โดยเฉพาะ
แต่พิษบนตัวหวงอี้คุนมีระดับสูงกว่าอย่างชัดเจน ลักษณะการทำเครื่องหมายก็แข็งแกร่งกว่า ขอแค่อยู่ใกล้ในระยะสามจั้งก็แปดเปื้อนมันแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นยังตรวจสอบได้ยาก เพราะการเคลื่อนไหวแปลกๆ ของแมลงสีดำก่อนหน้าสวี่ชิงจึงได้ทำการสำรวจ ในช่วงสั้นๆ เขาไม่สามารถรับรู้คุณสมบัติของตัวกระตุ้นพิษนี้ได้อย่างถูกต้อง แต่จากความรู้ด้านสมุนไพรของเขาก็เดาได้ว่าตัวกระตุ้นพิษนี้เหมือนนำมาใช้พุ่งเป้าและติดตามเสียมากกว่า
เมื่อเป็นเช่นนี้ ใครเป็นคนวางตัวกระตุ้นพิษกันแน่ เหยียนเหยียนตรงหน้าคนนี้น่าสงสัยที่สุด
ต่อให้เหยียนเหยียนจะมีท่าทีเหมือนศิโรราบให้แล้วก่อนหน้านี้ และยังมีข่าวลือด้วย แต่สวี่ชิงก็ยังรู้สึกว่า…หญิงสาวชุดดำที่คิดจะสังหารคนอย่างโหดร้ายทารุณก่อนหน้านี้ไม่ใช่คนที่จะถูกทำให้หวาดผวาถึงระดับนี้ได้ง่ายๆ
ดังนั้น สวี่ชิงจึงไม่เชื่อการกระทำทั้งหมดของเหยียนเหยียนเลยแม้แต่น้อย
“พี่สวี่ชิง เหตุใดถึงไม่พูดล่ะ” ริมฝีปากล่างของเหยียนเหยียนมีเลือดไหลออกมามากขึ้น ทำให้ใบหน้างามของนางดูงดงามราวกับปีศาจขึ้นมาพอควร
สวี่ชิงสีหน้าปกติ แต่จู่ๆ ก็ยกมือขวาขึ้นคว้าไปที่คอของเหยียนเหยียนด้วยแรงมหาศาล ทำให้คอขาวของเหยียนเหยียนเกิดรอยเขียวขึ้นมาทันที
คว้ามาอยู่เบื้องหน้าตน เอ่ยทีละคำ
“ข้าไม่สังหารเจ้า ไม่ใช่เพราะเจ้ามีคุณย่าที่เก่งกาจ แต่เป็นเพราะเจ้ายังไม่แตะขีดจำกัดของข้า ทว่าถ้าเจ้ายังเป็นเช่นนี้ มันจะมาแตะเข้าเอานะ”
เหยียนเหยียนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ปลาหมึกบนมือคิดจะแผ่ซ่านพลังออกมา แต่เหยียนเหยียนก็รีบส่งกระแสจิตออกไปอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวผี ห้ามทำตัวกำแหง”
พูดจบ นางที่ถูกสวี่ชิงบีบคออยู่ กลับออกแรงพยักหน้า ใช้ลิ้นน้อยๆ ที่ย้อมไปด้วยเลือดเลียลงไปบนมือของสวี่ชิง
สวี่ชิงขมวดคิ้ว ออกแรงสะบัด โยนเหยียนเหยียนไปที่กำแพงข้างๆ เสียงดังโครม เหยียนเหยียนกลิ้งลงมา มุมปากมีเลือดสดไหลริน แต่สายตาที่มองสวี่ชิงกลับเต็มไปด้วยความล่องลอย
“ใช่แล้ว ต้องแบบนี้สิพี่สวี่ชิง นี่ถึงจะเป็นท่าทีที่ข้าชอบ ท่านก่อนหน้านี้เปลี่ยนไปจนทำให้ข้ารู้สึกไม่ชอบท่านเล็กน้อย และเมื่อข้าไม่ชอบ ข้าก็อยากจะสังหารท่านทิ้งเสีย ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านจะสังเกตเห็น แต่ข้าก็ชอบการกระทำหลังจากที่ท่านสังเกตเห็น”
หวงอี้คุนที่อยู่ข้างๆ พอเห็นฉากนี้ อาการสั่นสะท้านก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
สมองเหยียนเหยียนมีปัญหา
เรื่องนี้ ก่อนหน้านี้สวี่ชิงก็มองออก พอเห็นแววตาล่องลอยของอีกฝ่ายอีกครั้งรวมถึงการกระทำต่างๆ เมื่อครู่ ก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น
ดังนั้นหลังจากมองเหยียนเหยียนอย่างเย็นชา สายตาสวี่ชิงจึงไปหยุดอยู่ที่นิ้วทั้งสองของหวงอี้คุนที่กำลังตัวสั่นเทา
หวงอี้คุนร่างกายสั่นเครือ ความเศร้าสลดพุ่งขึ้นจากในใจ เขารู้แล้วว่าถัดจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น
ทว่าคนที่ลงมือไม่ใช่สวี่ชิง เหยียนเหยียนรีบคลานมาอย่างรวดเร็ว ใช้มีดฟันลงไปสองที ยื่นนิ้วทั้งสองของหวงอี้คุนส่งให้สวี่ชิงอย่างเอาอกเอาใจ
หวงอี้คุนโศกเศร้า เขาพบว่าเหมือนตนจะปรับตัวได้ ไม่เจ็บปวดเหมือนตอนแรกอีกแล้ว
สวี่ชิงรับไป มองเหยียนเหยียนอย่างเย็นชาผาดหนึ่ง
หลังถูกสวี่ชิงมอง เหยียนเหยียนก็เข้าใจความหมายของสวี่ชิง รีบร้อนถอยไป เว้นระยะมองสวี่ชิงห่างๆ หนึ่งจั้ง ยกนิ้วของตนเองขึ้นมาแล้วกัด ขณะที่เลือดสดหลั่งริน นางก็ยื่นให้สวี่ชิงอย่างสั่นเทา ในดวงตาเผยความคาดหวังออกมา
“พี่สวี่ชิง ท่านลองชิมดูหรือไม่”
“ไม่สนใจ” สวี่ชิงตอบกลับเย็นชา โบกมือขวา ร่างของหวงอี้คุนก็ถูกปลิวเข้าไปในกรงขังข้างๆ แหวนเก็บของก็ถูกสวี่ชิงริบไปแล้ว
ซือหม่าหลิงไม่ได้ถูกขังอยู่ในนี้ ดังนั้นอัจฉริยะฟ้าประทานในที่นี้จึงมีเพียงหวงอี้คุนคนเดียว
ในเมื่ออีกฝ่ายทำตัวลับๆ ล่อๆ ซ้ำยังละเมิดกฎเกณฑ์ห้ามออกมายามวิกาลอีก แน่นอนว่าต้องถูกคุมขังเสียหน่อย
เมื่อทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ สวี่ชิงก็ก้มหน้าก้มตา จมอยู่กับการค้นคว้าแมลงสีดำต่อไป เขาอยากทำให้แมลงสีดำที่รอดชีวิตชุดนี้ยกระดับขึ้นให้มีคุณภาพได้เช่นเดียวกัน
เหยียนเหยียนนั่งนิ่งเป็นเป็ดอยู่ตรงนั้น ลดมือกลับมาดูดพลางมองสวี่ชิง ใบหน้าค่อยๆ มีรอยยิ้มเบิกบาน
แต่พวกเขาไม่รู้เลย ว่าเวลานี้ในหอสูงบนยอดเขาลำดับเจ็ด สายตาของผู้อาวุโสเจ็ดมองทะลุได้ทุกสิ่ง ก็มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดในที่นี้ด้วย
เขาเห็นการกระทำของเหยียนเหยียน และเห็นการแสดงออกของสวี่ชิงด้วยตาตัวเอง ใบหน้าค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา ดวงตามีความชื่นชม
“น้องสี่นี่ไม่เลวเลย มีบุคลิกของข้าในอดีตอยู่”
เมื่อผู้ติดตามข้างๆ ได้ยินก็ก้มหน้า ไม่พูดอะไร ในใจแอบกังขา แอบคิดว่าบุคลิกของนายท่านท่านนี้เหมือนจะสู้เด็กน้อยไม่ได้เลย
ถึงอย่างไรสำนักตอนนี้ ศิษย์หญิงที่มีความรู้สึกดีๆ ให้เด็กน้อยก็มีอยู่มากมาย แต่นายท่านเจ็ด…ลูกสาวของท่านบรรพจารย์หรือก็คือรองเจ้ายอดเขาเจ็ดเนตรโลหิตกลับมาตั้งหลายวันแล้ว แต่ตั้งแต่กลับมาก็ยังไม่เคยมาพบนายท่านเจ็ดเลยสักครั้ง
แค่คิดก็รู้แล้วว่าความบาดหมางของคู่รักคู่นี้หยั่งลึกเหลือเกิน ไม่ใช่สิ่งที่คำว่าบุคลิกจะบรรเทาลงได้