ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 249 มารบกวนแล้ว
บทที่ 249 มารบกวนแล้ว
“อู๋เจี้ยนอู?” สวี่ชิงนั่งย่อตัวอยู่บนยอดไม้ยอดหนึ่ง ดวงตาเผยประกายเฉียบคมออกมา
อู๋เจี้ยนอูคนนี้ตอนนั้นเคยมายั่วโมโหเขาในทะเลต้องห้าม แต่ต่อมาอีกฝ่ายเหมือนจะมีท่าทีหวาดกลัวมาก และไม่มีความสามารถจะคุกคามอีกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้ายังช่วยค่าใช้จ่ายที่สังหารคนติดตามให้ด้วย
ดังนั้นหลังจากสวี่ชิงใคร่ครวญ ก็ไม่คิดจะไปหา เขาเตรียมตัวจะตรงไปยังซากศาลเจ้าไพศาลอนันต์ แต่ก็ยังถามอีกประโยคหนึ่ง
“เขากำลังทำอะไรอยู่”
เจ้าเงาก็แผ่ไปบนพื้นทันที เปลี่ยนรูปร่างไปมา เหมือนว่าภาพที่มันเห็นนั้นดูซับซ้อนเกินไป จนเมื่อเปลี่ยนไปมาอยู่หลายรอบ สุดท้ายก็แบ่งตัวออกมาอย่างไม่เสียดายถึงแสดงภาพดังกล่าวออกมาได้
ในภาพ เจ้าเงาแบ่งตัวออกมานับสิบกลุ่ม แปลงเป็นรูปร่างอสูรร้ายที่แตกต่างกัน และในอสูรร้ายทุกตัวมีจุดที่เหมือนกันจุดหนึ่ง นั่นคือที่ท้องนูนป่องขึ้นมา
ขณะเดียวกันเจ้าเงาก็วาดโครงร่างอู๋เจี้ยนอู อีกฝ่ายกำลังนั่งอยู่ข้างๆ อสูรร้ายตัวหนึ่ง ลูบไปบนท้องที่นูนป่องของอีกฝ่าย
ฉากนี้ทำให้สวี่ชิงที่ไม่ค่อยจะอยากรู้อยากเห็นนักมึนงงไปทันที เผยความสงสัยออกมา บรรพจารย์สำนักวัชระข้างๆ เองก็สูดปาก
“นี่มันอะไรกัน เจ้าโง่นั่นกำลังทำอะไร แล้วท้องของอสูรพวกนี้เป็นอะไรไป ตั้งครรภ์หรือ” พูดถึงจุดนี้ บรรพจารย์สำนักวัชระก็จิตวิญญาณสั่นสท้าน สีหน้าเผยความไม่อยากเชื่อออกมา
“นายท่าน พวกเราไปดูหน่อยดีหรือไม่ เจ้าโง่คนนี้…ข้าคิดว่ากำลังทำเรื่องใหญ่อยู่!”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง เดิมทีเขาไม่ใช่คนที่อยากรู้อยากเห็น แต่ภาพนี้มันประหลาดเสียเหลือเกิน จึงตัดสินใจจะไปดูด้วยตาตนเอง จึงเอ่ยว่า
“นำทาง”
เจ้าเงาตื่นเต้น นำทางอย่างรวดเร็ว
ร่างสวี่ชิงไหววูบ หายตัวไปในป่าตามทิศทางที่เจ้าเงานำทาง
ไม่นาน สวี่ชิงก็เห็นภูเขาลูกหนึ่ง
เขาลูกนี้คือส่วนหนึ่งของเทือกเขาสัจธรรมที่ยื่นเข้ามาในแดนต้องห้ามปักษาราชัน
สวี่ชิงกวาดตามอง กระโจนขึ้นเหยียบเขาลูกนี้ ไม่นานเขาก็เห็นร่องแตกที่อีกด้านของภูเขาใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในป่าไม้หนาทึบร่องหนึ่ง
ยาวประมาณจั้ง เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ตำแหน่งลับพรางอย่างยิ่ง
ถ้าไม่ใช่เจ้าเงานำทางมา สวี่ชิงเองก็สังเกตเห็นร่องแตกนี้ได้ยากมาก
ตอนนี้เมื่อยืนอยู่หน้าร่องแตก สวี่ชิงประหลาดใจเล็กน้อย ที่นี่ลับพรางมากพอจะอธิบายความระมัดระวังของอู๋เจี้ยนอูได้ หลังจากครุ่นคิด เขาก็มุดตัวเข้าไปในร่องแตกอย่างระมัดระวัง ตรงเข้าไปตามการชี้นำของเจ้าเงาอย่างเร็วรี่
ร่องแตกนี้ลึกกว่าที่สวี่ชิงคิดไว้มาก ยิ่งไปกว่านั้นจากการทอดยาวลงด้านล่าง ก็ค่อยๆ รู้สึกถึงความชื้น ราวกับทะลุตัวภูเขากับพื้นดินลงไปยังแม่น้ำใต้ดิน
ขณะเดียวกันยังมีทางแยกอีกหลายทางราวกับเขาวงกต หากไม่มีเจ้าเงาคอยชี้ทางอย่างแม่นยำ ต่อให้สวี่ชิงเข้ามาก็คงหาทางที่ถูกต้องได้ยากเช่นกัน
ผ่านไปเช่นนี้ครู่หนึ่ง สวี่ชิงก็มาถึงปลายทาง
ด้านล่างของปลายทางเป็นถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ ค้างคาวตัวหนึ่งหมอบอยู่ข้างถ้ำหิน คอยสังเกตสิ่งต่างๆ
มันก็คือร่างที่เจ้าเงาสิงอยู่
สวี่ชิงประชิดผนัง ก้มหน้ากวาดตามองถ้ำหินเบื้องล่าง ในพริบตานั้นสีหน้าแปลกประหลาดไป
ในถ้ำหิน มีอสูรร้ายอยู่ยี่สิบกว่าตัว
อสูรร้ายเหล่านี้มีทั้งหมาป่ามีทั้งพยัคฆ์ และมีที่รูปร่างแปลกประหลาดอีกมากมาย เวลานี้ถูกผนึกเอาไว้ นอนราบท้องป่องนูนขึ้นมาอยู่ที่นั่นราวกับกำลังตั้งครรภ์
นอกเหนือจากนี้ ที่กลางถ้ำยังมีบ่อน้ำที่ถูกขุดไว้บ่อหนึ่ง
ด้านในใส่ตัวยาเหลวไว้จำนวนมาก ส่งกลิ่นยาออกมาเป็นระยะ
และอู๋เจี้ยนอูที่ใบหน้าบวมปูดก็อยู่ที่ข้างสระยานั่น หยิบชามหินตักตัวยาเหลวขึ้นมา เดินไปข้างๆ หมียักษ์ท้องโตตัวหนึ่ง ป้อนยามันอย่างระมัดระวัง
หมียักษ์ตัวนี้รู้สึกหวาดกลัว คิดจะดิ้นรนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ร่างทั้งร่างของมันถูกผนึกไว้ ไม่เหลือแรงที่จะต้านทาน ขนาดลุกขึ้นก็ยังทำไม่ได้
สีหน้าอู๋เจี้ยนอูอบอุ่นอย่างมาก ป้อนยาพลางลูบท้องของหมียักษ์ เอ่ยพึมพำ
“มีการตอบสนองบ้างเป็นเรื่องปกติ เจ้าทนอีกหน่อย ครึ่งชีวิตที่เหลือของข้าต้องพึ่งพาเจ้าแล้ว เด็กน้อยรีบๆ คลอดออกมาเสีย
“ถ้าเด็กน้อยคลอดออกมา ข้าก็จะทรงพลังร้ายกาจ ถึงตอนนั้นจะต้องให้เจ้าเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องได้รู้ ว่าใครกันแน่ที่เป็นอัจฉริยะฟ้าประทานอย่างแท้จริง!
“อัจฉริยะฟ้าประทานแห่งบรรพกาลคือผู้ใด มีเพียงตัวข้าไซร้อู๋เจี้ยนอู!”
อู๋เจี้ยนอูขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เหมือนสีหน้าจะทำให้หมียักษ์ข้างๆ ตกใจ การดิ้นรนของมันก็รุนแรงขึ้น อู๋เจี้ยนอูรีบเข้าปลอบ ทำตนเองให้อ่อนโยนลง เอ่ยขึ้นด้วยเสียงอบอุ่น
“เด็กดี อย่าขยับตัวมาก ตอนนี้จำเป็นต้องดูแลครรภ์อย่างสงบจิตสงบใจ ขอแค่เด็กน้อยคลอดออกมาอย่างราบรื่น เจ้าก็จะได้คุณงามความดีครั้งใหญ่ แล้วข้าจะดีกับเจ้าให้มากๆ”
สวี่ชิงที่เห็นภาพนี้ถลึงตาโต
บรรพจารย์สำนักวัชระที่อยู่ข้างๆ สะดุ้งโหยง รีบร้อนล้วงเอาแผ่นหยกออกมาบันทึกภาพ แต่อาจจะเพราะตกใจเกินไป การเคลื่อนไหวเพื่อบันทึกภาพของบรรพจารย์สำนักวัชระจึงเกิดเสียงดัง
ดังนั้นในพริบตา อู๋เจี้ยนอูในถ้ำหินก็จับสังเกตได้ รีบร้อนเงยหน้า สีหน้าเผยความโหดเหี้ยมออกมา
“ฟ้าดินใต้พิภพที่แห่งข้า เพียงกู่ก้องก็ไร้ซึ่งที่หลบซ่อน!”
ระหว่างที่พูด เขาก็กระโจนขึ้น แต่พริบตาต่อมา เขาก็มองเห็นสวี่ชิงที่ใบหน้ายังมีความตกตะลึงอยู่
“สวี่ชิง?”
อู๋เจี้ยนอูใจสั่น งงว่าตนเองซ่อนตัวลึกถึงเพียงนี้ เหตุใดอีกฝ่ายจึงหาพบ แต่ไม่นานเขาก็ได้สติกลับมา กวาดตามองอสูรร้ายท้องโตพวกนั้น จากนั้นก็สังเกตเห็นสีหน้าของสวี่ชิง สูดปากขึ้นทันที
“สวี่ชิง เจ้าเข้าใจผิดแล้ว”
“รบกวนแล้ว” สวี่ชิงมองอู๋เจี้ยนอูอย่างพินิจผาดหนึ่ง หันหลังตั้งท่าจะจากไป
เขารู้สึกว่าอู๋เจี้ยนอูคนนี้มีปัญหาใหญ่ที่สมอง
เห็นเช่นนี้ อู๋เจี้ยนอูก็ร้อนรน ตอนนี้ก็ไม่หวาดกลัวอีกแล้ว ซ้ำยังลืมเจ้าบทเจ้ากลอนด้วย รีบไล่ตามแล้วตะโกนเสียงดังว่า
“สวี่ชิง ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ”
อู๋เจี้ยนอูร้อนใจมาก และรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หลังจากที่เขาเปิดกล่องปรารถนาแล้วได้ขวดใบนั้นมา จิตใจก็หดหู่อยู่นาน จะโยนทิ้งก็รู้สึกเสียดาย
จึงค้นหาข้อมูลอยู่ตลอด สืบสาวร่องรอยจนหาผู้ยิ่งใหญ่ที่ทิ้งขวดนี้ไว้จนพบ เป็นผู้บำเพ็ญต่างเผ่าที่ติดตามจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวคนหนึ่ง
ดังนั้นหลังจากที่เขาพ่ายแพ้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องที่ยอดเขาลำดับหนึ่ง ก็ลั่นคำสาบานในใจว่าจะต้องให้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเจอดี จึงมาที่แดนต้องห้ามปักษาราชันเพื่อเตรียมการ คิดจะใช้ที่นี่สร้างสายเลือดแห่งยุคสมัยออกมา
สาเหตุที่เขาไม่อยู่ในสำนักก็เพราะเขารักหน้าตามาก กังวลว่าถ้ามีคนในสำนักเห็นเข้าจะเกิดความเข้าใจผิด และกังวลว่าจะมีคนมาสอดแนมมากเกินไป จึงหาสถานที่ลับ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าสวี่ชิงจะมาพบเข้า
คิดถึงหากสวี่ชิงกลับไปสำนักแล้วป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไป ชื่อเสียงของตนเองคงได้ป่นปี้ไปหมดแน่
กระทั่งในหัวสมองเขาเวลานี้ก็มีภาพคนทั้งหมดในสำนักฉายขึ้น จ้องมองตนเองด้วยสายตาแปลกประหลาด ทั้งหมดนี้ ทำให้หนังหัวของเขาแทบจะระเบิด จนรู้สึกว่าหน้ามืดตาลายไปหมด ลุกลี้ลุกลน
เห็นว่าตนเองไล่ตามสวี่ชิงไม่ทัน เขาก็รีบตะโกนเสียงดังว่า
“สวี่ชิง ข้าจะให้เงินเจ้า เจ้าอย่านำเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นนะ
“ทุกคนมีวิธีใช้ชีวิตของตนเองทั้งนั้น ไม่เป็นไร” สวี่ชิงส่งเสียงมาไกลๆ
“ไม่ใช่เช่นนั้นจริงๆ!!” อู๋เจี้ยนอูใบหน้าแดงก่ำ ยิ่งร้อนรนขึ้นไปอีก
“สวี่ชิงข้าจะให้เจ้าสามแสนก้อนหินวิญญาณ!”
สวี่ชิงที่ตอนนี้ออกจากมาร่องแตก เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็หยุดเท้า หันกลับไปมองด้านหลัง
ไม่นานอู๋เจี้ยนอูก็พุ่งออกมาจากในร่องแตกด้วยตาแดงเถือก รีบร้อนล้วงตั๋ววิญญาณออกมา ยัดให้สวี่ชิง
“รับไป สวี่ชิงเจ้าต้องรับไป เจ้าไม่รับข้าไม่วางใจ เรื่องนี้ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดจริงๆ ข้าๆๆ…” อู๋เจี้ยนอูหายใจหอบถี่ขึ้นมา
เมื่อสวี่ชิงเห็นเช่นนี้ ก็เก็บตั๋ววิญญาณลงไปเงียบๆ พยักหน้าอย่างตั้งใจ
“ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
แต่เห็นได้ชัดว่าอู๋เจี้ยนอูยังไม่วางใจ
“เจ้ามาแดนต้องห้ามปักษาราชันครั้งนี้มีธุระอะไรหรือ มีเรื่องให้ข้าช่วยหรือไม่ ข้าจะช่วยเต็มที่”
“ข้ามาหาพิษ” สวี่ชิงมองอู๋เจี้ยนอูผาดหนึ่ง
“พิษหรือ ข้ารู้ ที่นี่ข้าคุ้นเคยดี ข้าจะพาเจ้าไป!” พออู๋เจี้ยนอูได้ยินก็รีบร้อนเอ่ย
“ไม่จำเป็น” สวี่ชิงส่ายหัว หมุนตัวจะเดินไป
“สวี่ชิงเจ้าอย่าเพิ่งไป รอข้าก่อน ข้าไปนำมาให้เจ้าดูดีหรือไม่ ใต้ภูเขาลูกนี้มีสถานที่แห่งหนึ่ง จะต้องเป็นพิษที่เจ้าต้องการแน่นอน!!” อู๋เจี้ยนอูพูดพลางรีบร้อนทะยานไปทางร่องแตก
เขาจะไปนำพิษมาให้สวี่ชิงจริงๆ ไม่ทำเช่นนี้เขาก็ไม่วางใจ ไม่รอให้สวี่ชิงเห็นด้วย เขาก็หายลับไปในร่องหิน พุ่งหวีดหวิวเข้าไปในส่วนลึกแล้ว
เขาที่รีบร้อนเร่งรีบ ไม่สังเกตเลยว่าในเงาของตนเอง มีดวงตาข้างหนึ่งปรากฏขึ้น กำลังลอบสังเกตบริเวณโดยรอบ
สวี่ชิงเหมือนครุ่นคิด ก้มหน้าลงมองเจ้าเงาที่อยู่ใต้เท้า เจ้าเงารีบแสดงรูปร่างขึ้นมาบนพื้น จัดการแสดงการตามติดอู๋เจี้ยนอูกับสภาพแวดล้อมโดยรอบออกมาอย่างเต็มที่
ไม่นานรูปร่างของเจ้าเงาก็เปลี่ยนไป และเห็นอู๋เจี้ยนอูที่มันบรรยายออกมา หลังจากที่เข้าไปในร่องแตก ก็กระโจนลงไปในบ่อน้ำถ้ำหิน ว่ายลึกลงไป จนทะลวงเข้าไปในอุโมงค์มืดแห่งหนึ่ง เข้ามาถึงช่องว่างที่ใหญ่กว่าเดิม
ในช่องว่างนี้ เหมือนมีทะเลสาบผืนหนึ่ง เพียงแต่ทะเลสาบที่เจ้าเงาบรรยายออกมา รูปร่างเหมือนกับใบหน้าคนขนาดยักษ์ คลื่นกระเพื่อมเชื่องช้า ราวกับน้ำในทะเลสาบข้นเหนียวมาก
และหลังจากที่อู๋เจี้ยนอูเข้าไป ก็วักเอาวัตถุบางส่วนจากผิวทะเลสาบนี้ขึ้นมา ใส่ในชามหินแล้วหันหลังกลับมา
ภาพของเจ้าเงาบรรยายได้ไม่ครอบคลุม ระหว่างที่สวี่ชิงครุ่นคิด อู๋เจี้ยนอูก็กลับมาแล้ว
“สวี่ชิง เจ้าลองดูว่านี่สอดคล้องกับความต้องการของเจ้าฟรือไม่” อู๋เจี้ยนอูพูดพลางยื่นส่งชามหินให้สวี่ชิง
สวี่ชิงกวาดตามอง และเพ่งสมาธิทันที
ในชามหินใส่วัตถุในสภาพแช่แข็งบางส่วนไว้ เหมือนจะเป็นของเหลวแต่ก็ไม่ใช่ของเหลว สีออกฟ้าๆ ขณะที่เปล่งประกายแวววาวก็ยังมีกลิ่นหอมโชยอีกด้วย
“วุ้นเซียน?” สวี่ชิงหวั่นไหว เขารู้จักของสิ่งนี้
ในตำรายาของปรมาจารย์ไป่เคยเอ่ยถึงสิ่งของประเภทนี้ นี่ไม่ใช่ยาพิษ แต่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่พบเห็นได้น้อยมากๆ จากการค้นคว้าของปรมาจารย์ไป่ เขารู้สึกเป็นไปได้มากว่าจะเกี่ยวข้องกับปราณเซียนในบันทึกโบราณ
“ใต้ภูเขาลูกนี้ มีทะเลสาบประหลาดอยู่แห่งหนึ่ง ด้านในมีแต่เจ้าของสิ่งนี้ ตอนที่ข้าพบก็เคยนำออกมาบางส่วน แต่มากสุดก็จะสลายไปในหนึ่งชั่วยาม จะจัดเก็บอย่างไรก็ล้วนเป็นเช่นนี้ ข้าจึงนำกลับสำนักไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นของสิ่งนี้ยังไม่มีผลร้ายต่อเผ่ามนุษย์ แต่มีครั้งหนึ่งข้านำไปกรอกใส่ปากอสูรร้าย อสูรร้ายตัวนั้นก็เน่าสลายตายลงทันที ข้าคิดว่านี่น่าจะเป็นพิษประเภทหนึ่งกระมัง”
อู๋เจี้ยนอูรีบร้อนอธิบาย
“พาข้าไปดูหน่อย” สวี่ชิงครุ่นคิดเพียงครู่หนึ่ง เอ่ยแช่มช้า
อู๋เจี้ยนอูก็นำทางทันทีโดยไม่พูดจา
เวลานี้ไม่ว่าสวี่ชิงจะต้องการอะไรเขาก็ยินดีทั้งสิ้น ดังนั้นนำทางสวี่ชิงไปตำแหน่งทะเลสาบใต้ดินในสถานที่ลับที่ปกติจะไม่แพร่งพรายแก่ผู้ใดโดยไม่ลังเล ตรงไปยังนั้นอย่างรวดเร็ว