ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 85 เทพชั่วร้ายเหยียบเกาะ
บทที่ 85 เทพชั่วร้ายเหยียบเกาะ
เศษซากกระดูกสีน้ำตาลอ่อนกระจัดกระจายอยู่บนหาดทรายสีดำ มีบางส่วนที่สลายกลายเป็นสายลมแล้ว และยังมีบางส่วนมีเศษเนื้อเน่าติดอยู่เหมือนจะผ่านไปไม่นานนัก เผยให้เห็นความหยาบกระด้างของความทุกข์ทรมาน
ลมทะเลพัดผ่านทรายกรวดก่อเป็นลมหมุนบนพื้นทับถมอยู่ในกะโหลกคนและสัตว์
สิ่งที่สะท้อนในตาสวี่ชิง ทั้งเกาะกิ้งก่าทะเลเต็มไปด้วยความมืดหม่นและโหดร้าย มีเพียงแสงสายัณห์ที่เหมือนกับใบไม้สีแดงใบหนึ่งร่วงลงมาบนชายหาด ราวกับเป็นผ้าคลุมหลุมศพให้พวกมัน
น่าเสียดาย ที่ผ้าคลุมหลุมศพนี้ก็เป็นสีแดงเช่นเดียวกัน
สวี่ชิงถอนสายตาที่มองไปยังซากกระดูกรอบๆ ในความมืดที่ทยอยคืบคลานเข้ามาของฟ้าดิน เขาเดินไปทางป่าอย่างเรียบนิ่ง ร่างของเขาก็หายลับไปด้านในจากการเดินเข้าไปใกล้
ราวกับสองฝ่ามือใหญ่ปกคลุมลงมาในจังหวะที่เขาเหยียบย่างเข้าป่า ฟ้าราตรีท้องฟ้ามืดมิด ช่วงกลางวันหลีกทางหลบให้
เงาสวี่ชิงเหมือนเป็นดวงวิญญาณดวงหนึ่งในป่า ผลุบๆ โผล่ๆ บนยอดไม้ใหญ่อย่างรวดเร็ว สายตาของเขาราวนกทะเลบรรพกาล ขณะที่ตรงไปด้านหน้าก็สังเกตรอบด้านอย่างใจเย็น
สำหรับป่าแล้ว สวี่ชิงคุ้นเคยเป็นอย่างดี
แม้ที่นี่จะเป็นเกาะในทะเล ไม่ใช่พื้นที่ต้องห้ามเหมือนตอนนั้น แต่ด้วยประสบการณ์การใช้ชีวิตในป่า ในที่แห่งนี้ก็เหมือนๆ กัน โดยเฉพาะพืชคลุมดินบนพื้นดิน ทั้งยังมีสมุนไพรบางส่วนที่พบเห็นได้บ่อย สิ่งนี้ขณะที่ทำให้สวี่ชิงรู้สึกคุ้นเคย ร่างกายจึงเหมือนกับปลากระดี่ได้น้ำ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วปราดเปรียวในป่าแห่งนี้
แต่เขาก็ค่อยๆ พบสถานที่พิเศษ
ในป่าผืนนี้มีต้นไม้มากมายที่ล้มระเนระนาด แต่บริเวณที่ล้มระเนระนาดส่วนใหญ่อยู่ตำแหน่งแถบชายทะเล เชื่อมต่อกันมาเป็นทาง
สวี่ชิงหรี่ตาลง ตอนนี้มาถึงจุดที่ต้นไม้ล้มระเนระนาดแห่งหนึ่ง เขาสังเกตรอบๆ รวมไปถึงจุดที่ต้นไม้ล้มหักกับทิศทางที่ล้มลง จากนั้นก็ก้มหน้ากวาดตามองต้นไม้ที่หักโค่นบนพื้นเหล่านั้น
‘บนต้นไม้มีเกล็ดอยู่…’ สวี่ชิงเก็บเกล็ดสีดำเทาขนาดฝ่ามือชิ้นหนึ่งขึ้นมาจากต้นไม้โค่น ด้านบนมีกลิ่นจางๆ อยู่วูบหนึ่ง
‘คราบของกิ้งก่าทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังผ่านไปแล้วพักหนึ่ง’ ในสมองสวี่ชิงพิจารณาแล้วเรียบร้อย เห็นได้ชัดว่ากิ้งก่าทะเลจะคลานขึ้นมาจากท้องทะเลแล้วเดินตรงไปยังป่า จุดที่เดินผ่านต้นไม้ก็ล้วนถูกชนจนล้มระเนระนาด
‘ตำแหน่งเช่นนี้มีหลายเหตุผล อธิบายว่ากิ้งก่าทะเลทุกตัวมาลอกคราบที่นี่ ทางที่เดินล้วนไม่เหมือนกัน ก็สมเหตุสมผล
‘ไม่รู้ว่าจุดสุดท้ายที่พวกกิ้งก่าทะเลเลือกจะลอกคราบ จะเป็นการเลือกสุ่ม…หรือว่าเป็นพื้นที่เหมือนๆ กัน’
สวี่ชิงครุ่นคิด ตัดสินใจจะไปดูให้แน่ใจตามเส้นทางที่กิ้งก่าทะเลที่เดินผ่านไปไม่รู้ตั้งแต่ตอนใดแล้ว หลังจากที่ตัดสินใจ ความเร็วเขาก็เพิ่มขึ้นทันควัน และเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตามการลักษณะของเส้นทาง
แต่ความระแวดระวัง ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นในใจเขา
สวี่ชิงไม่รู้ว่าที่นี่มีผู้บำเพ็ญที่พลังบำเพ็ญสูงกว่ารวมปราณหรือไม่ แม้ว่าระหว่างทางที่มาเขาจะวิเคราะห์แล้ว หนังกิ้งก่าทะเลแม้จะมีมูลค่าไม่ธรรมดา แต่ระดับสร้างฐานส่วนใหญ่ก็มองเมินมัน
แต่จะไม่ป้องกันเลยก็ไม่ได้ ถึงอย่างไรก็มีเรื่องมากมายที่ไม่ใช่อาศัยการพิจารณาง่ายๆ แล้วจะเพิกเฉยได้
ตอนนี้สายลมจากป่าพัดมา พัดพากลิ่นเน่าของต้นไม้ใบหญ้ามาด้วย สวี่ชิงสูดเข้าไปเฮือกหนึ่งไม่ได้กลิ่นอายอื่นใดจากในนี้ ดังนั้นการเคลื่อนไหวจึงไม่หยุดลง ยังคงเดินหน้าต่อ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ตอนที่ท้องฟ้ายิ่งกลายเป็นสีดำเข้ม เมื่อเข้าใกล้พื้นที่ภูเขา สวี่ชิงก็กระโจนตัวขึ้นไปนั่งยองบนยอดไม้ ในสายตามีประกายเย็นเยียบ จ้องเขม็งไปยังจุดที่ไม่ห่างนัก
ด้านหน้าของเขา มีคราบกิ้งก่าทะเลที่ขาดวิ่นชิ้นหนึ่ง ทั้งแผ่นเป็นสีดำเทาแห้งกรัง เห็นได้ชัดว่าผ่านไปแล้วนานมาก เหมือนกับว่าขาดเสียหายจากการแย่งชิง
ตอนที่สวี่ชิงมาตรวจสอบวัตถุดิบก็รู้ว่ามีเพียงใช้วิธีการรักษาคราบกิ้งก่าทะเลแบบพิเศษขณะที่เพิ่งลอกคราบเท่านั้นจึงยังมีมูลค่าอยู่ มิเช่นนั้นหากปล่อยไว้นานเกินไปจนจิตวิญญาณสูญสลายก็จะไม่เหลือมูลค่าใดอีก
สิ่งนี้จึงเป็นสาเหตุที่ว่าเพราะเหตุใดการแย่งชิงคราบกิ้งก่าทะเลจึงต้องมีคาวเลือด เพราะคนที่มายังเกาะนี้เหมือนกับสวี่ชิง ล้วนต้องไปเฝ้ารอ จากนั้นจังหวะที่กิ้งก่าทะเลลอกคราบ จึงลงมือแย่งชิงกัน
สวี่ชิงครุ่นคิด ออกจากยอดไม้ ออกสำรวจรอบๆ ในบริเวณที่กว้างขึ้น
จนกระทั่งเขาตรวจสอบรอบภูเขารอบหนึ่ง ก็เห็นคราบกิ้งก่าทะเลแบบนี้อีกหลายชิ้นจากการที่ขึ้นไปบนเขานี้ ขณะเดียวกันจุดที่เขาพบคราบกิ้งก่าทะเลก็ล้วนอยู่ใกล้ๆ ภูเขา ยิ่งไปกว่านั้นพอยิ่งอยู่บนเขาสูง เศษคราบแบบนี้ก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งหมดนี้ทำให้เขาได้คำตอบแล้ว
‘การลอกคราบของกิ้งก่าทะเล น่าจะมีพื้นที่พิเศษอยู่ ที่สูงหรือ’
สวี่ชิงเงยหน้า มองไปยังภูเขาที่สูงที่สุดในกลุ่มภูเขามากมายในเกาะกิ้งก่าทะเล สายตาเฉียบคมขึ้นมา
‘ที่นั่นน่าจะเป็นจุดขุมทรัพย์ที่แท้จริงในเกาะแห่งนี้ เพียงแต่พวกที่จะตรงไปทางนั้น จะต้องเป็นกิ้งก่าทะเลที่แข็งแกร่งมากทั้งหมดแน่นอน หนังของพวกมันถึงมีมูลค่าที่สุด!’
คิดถึงจุดนี้ สวี่ชิงก็ไม่ลังเลอีก ตรงไปยังยอดเขาสูงสุดนั้นด้วยความเร็วสูงสุด ตลอดทางไม่มีชะงักแม้แต่น้อย พุ่งทะลวงอย่างรวดเร็ว ก็สังเกตเห็นผู้บำเพ็ญนั่งยองกันอยู่บนยอดเขาหลายแห่ง
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญไร้สังกัด พลังบำเพ็ญอยู่ราวๆ รวมปราณขั้นห้า แม้จะไม่แข็งแกร่งมาก แต่ก็มองเห็นความโหดร้ายในดวงตาแต่ละคนได้อย่างชัดเจน
และพวกเขาก็รู้กำลังตนเองอย่างชัดเจน จุดที่เลือกล้วนเป็นยอดเขาที่เตี้ยลงมาหน่อย สำหรับการมาเยือนของสวี่ชิง แต่ละคนก็ล้วนจ้องเขม็งระแวดระวัง พอเห็นว่าเขาแค่ผ่านทางมาเท่านั้น จึงค่อยผ่อนคลายลง
สวี่ชิงเองก็ผ่อนลมลงเช่นเดียวกัน เขารู้สึกว่าผู้บำเพ็ญขั้นต่ำมากขนาดนี้ล้วนมารวมกันที่นี่ อธิบายได้ว่าการความคิดก่อนหน้านี้ของตนเองไม่ผิด โอกาสที่ตัวตนระดับสร้างฐานจะอยู่ที่นี่มีไม่มากนัก
แต่เขาก็ไม่ชะล่าใจ เพราะถ้าหากมีระดับสร้างฐานอยู่จริง เช่นนั้นความเป็นไปได้ที่จะแฝงตัวอยู่ก็คือจุดที่เขากำลังจะไปในตอนนี้
ผ่านไปไม่นานนัก สวี่ชิงก็ข้ามภูเขาไปหลายแห่งด้วยความรวดเร็ว ในที่สุดก็มาถึงบนยอดเขาที่สูงที่สุดบนเกาะกิ้งก่าทะเลเช่นนี้ พลังปราณหลายสายก็ปะทุลงมาจากยอดเขาจากการที่เขามาถึง จับจ้องมาที่เขาทางนี้
สวี่ชิงหยุดเท้า หลังจากสัมผัสอย่างละเอียด ก็ประหลาดใจเล็กน้อย เขายังคงไม่พบกับกลิ่นอายระดับสร้างฐาน
ดังนั้นเขาก็เลยเดินต่อไปด้านหน้าอย่างเฉยเมย ขณะเดียวกันก็ยังสังเกตเห็นเศษคราบกิ้งก่าทะเลที่ขาดวิ่นมหาศาลบนยอดเขานี้
กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากคราบกิ้งก่าทะเลเหล่านี้อย่างน้อยก็เป็นระดับรวมปราณขั้นห้าหก สิ่งนี้ทำให้สวี่ชิงแน่ใจกับความคิดของตนเอง เวลาที่กิ้งก่าทะเลลอกคราบนั้นจะตรงขึ้นที่สูงจริงๆ
ส่วนเรื่องคลื่นปราณที่ตรวจสอบมายังเขาเหล่านั้น สวี่ชิงไม่สนใจ พุ่งทะยานขึ้นไปยังยอดเขา เพียงไม่นานก็มาถึงจุดหมาย
พื้นที่ยอดเขาเป็นพื้นที่แอ่งกระทะขนาดใหญ่ มีต้นไม้ห้อมล้อมทั้งสี่ด้าน มีผู้บำเพ็ญกระจายตัวอยู่ไม่น้อย พลังบำเพ็ญของเขาแข็งแกร่งกว่าผู้บำเพ็ญบนยอดเขาลูกอื่นมาก ส่วนใหญ่อยู่ในระดับรวมปราณขั้นแปดขั้นเก้า กระทั่งรวมปราณขั้นบริบูรณ์ก็มีอยู่ไม่น้อย
ไม่มีระดับสร้างฐานอยู่เลยจริงๆ!
และสายตาของกลุ่มผู้บำเพ็ญในกลุ่มเหล่านี้แต่ละคนมีทั้งโหดร้าย บ้างก็เย็นเยียบเผยความกระหายเลือด เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นพวกเดนตาย
ยิ่งไปกว่านั้นในนี้ยังมีเผ่ามนุษย์อยู่ไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกต่างเผ่า ในนี้มีทั้งที่เดินทางมาคนเดียวและเดินทางเป็นกลุ่ม
และมีบางส่วนที่กลิ่นคาวทะเลบนตัวรุนแรงอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกโจรสลัดที่ร่อนเร่อยู่ในทะเลมาตลอดทั้งปี
พวกเขากำลังจ้องเขม็งมาที่สวี่ชิง
ตอนที่สวี่ชิงเดินเข้ามา กวาดสายตามองพวกเขา และมองออกทันทีว่ามีสี่ห้าคนเป็นคนในประกาศจับ ดังนั้นในดวงตาจึงมีประกายประหลาด
แต่เขาไม่ได้เลือกลงมือ แต่กลับหาต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วนั่งลงขัดสมาธิที่ด้านบน
แม้ในใจจะพิจารณาเรื่องที่อาจไม่มีผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานไว้บ้าง แต่สวี่ชิงยังคงรู้สึกว่าที่ยังคงไม่มีผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานแม้แต่คนเดียว เกรงว่าน่าจะไม่ได้เป็นแบบที่ตนเองคิดเอาไว้
เมื่อนั่งขัดสมาธิ ขณะที่สวี่ชิงกำลังครุ่นคิด ก็ถอนสายตากลับมาจากรอบด้านเช่นกัน ใช่ว่าเขาจะไม่รู้สึกไม่คุ้นเคยกับจิตอริฆาตของผู้บำเพ็ญในที่นี้ ไม่ว่าจะที่ถ้ำยาจกหรือฐานที่มั่นคนเก็บกวาด ก็ล้วนไม่แตกต่างกัน
ดังนั้นเขานั่งอย่างสงบอยู่ตรงนั้น เมื่อกำลังจะฝึกบำเพ็ญ คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย เงยหน้ามองเย็นชาไปยังโจรสลัดไม่กี่คนใกล้ๆ ที่ยังคงมองมาทางนี้
โจรสลัดเหล่านี้เป็นกลุ่มเล็กๆ มีผู้บำเพ็ญแปดคน ในนี้สองคนเป็นเผ่ามนุษย์ หกคนเป็นต่างเผ่า ฝ่ายหลังมีรูปร่างประหลาด บ้างก็หนวดเต็มตัว บ้างก็มีสามตา และมีอีกคนหนึ่งที่ปีกยื่นออกมากลางหลัง
พวกเขามองสวี่ชิงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แฝงไว้ด้วยประกายดุร้าย ต่างเผ่าที่มีปีกงอกในกลุ่มนี้เอ่ยเสียงต่ำกับเพื่อนที่อยู่ข้างๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นสวี่ชิงก็เห็นต่างเผ่าที่มีสามตาลุกขึ้นยืน เดินมาทางตน
“ที่นี่ไม่ต้อนรับศิษย์จากสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ดังนั้นเจ้าต้องไสหัวไปเสียเดี๋ยวนี้ หรือไม่ก็อยู่เป็นของบำรุงที่นี่เสีย” ต่างเผ่าสามตาเข้าประชิด ขณะที่ฉีกยิ้มดุร้าย ก็ปลดปล่อยคลื่นพลังบำเพ็ญรวมปราณขั้นแปดออกมาทั้งร่างอย่างกำเริบเสิบสาน จนกลายเป็นพลานุภาพ
สวี่ชิงตั้งใจพิจารณาต่างเผ่าตรงหน้าคนนี้ อยากจะยืนยันว่าคอของอีกฝ่ายเป็นจุดตายใช่หรือไม่ จากนั้นจึงมองไปทางพวกของอีกฝ่ายที่ไม่ห่างไปนัก ในใจก็รู้ว่านี่เป็นการทดสอบของผู้บำเพ็ญกลุ่มนี้เท่านั้น ถ้าหากว่าตนเองรังแกง่าย เช่นนั้นก็จะกลายเป็นเป้าหมายการแย่งชิงไป
มองไปมองมา จู่ๆ สวี่ชิง ก็ยกมือขวาขึ้น ตะปบคว้าไปด้านหลัง
พริบตาต่อมา เงากึ่งโปร่งใสร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นด้านหลังเขา ถูกมือของสวี่ชิงคว้าคอเอาไว้แน่น
ร่างกึ่งโปร่งใสนี้ในขณะที่ดิ้นรนอย่างสุดกำลังก็แจ่มชัดขึ้นอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นเป็นชาวต่างเผ่าผมสีน้ำเงินใบหน้ามีเกล็ดตามตัว ดูจากชุดแล้ว เห็นได้ชัดว่ามากับโจรสลัดกลุ่มนั้น
ตอนนี้ในดวงตานอกเผ่าคนนี้เผยความหวาดกลัว พอคิดจะโต้กลับ แต่เสียงกร๊อบก็ดังขึ้นจากมือขวาของสวี่ชิงที่บีบมาอย่างรุนแรง คอของต่างเผ่าคนนี้ก็หักละเอียดทันที
ไม่จบเพียงเท่านี้ พลังคัมภีร์แปรสมุทรหลั่งทะลักเข้าไป เพียงพริบตาเลือดในร่างกายของชาวต่างเผ่าคนนี้ก็ถูกสวี่ชิงควบคุมให้พุ่งทะลวงร่างออกมา จนร่างกายของชาวต่างเผ่านี้ระเบิดตูมเสียงดังสนั่น
เลือดเนื้อเต็มพื้น แต่กลับไม่มีสักนิดเลยที่เปื้อนมาบนตัวสวี่ชิง
อวัยวะภายในร่างกายของชาวต่างเผ่าแตกต่างจากเผ่ามนุษย์ สวี่ชิงไม่อยากจะไปวิเคราะห์จุดตาย จัดการทำลายมันให้แหลกเละเสียก็สังหารจนตายได้เหมือนกัน
ขณะที่สังหารชาวต่างเผ่า สายตาของสวี่ชิงก็ยังไม่มีคลื่นอารมณ์ใดแม้แต่น้อย ราวกับเพียงแค่บีบมดปลวกตัวหนึ่งตาย และยังคงมองต่างเผ่าสามตาที่อยู่ข้างหน้าอย่างเย็นชา
ร่างกายชาวต่างเผ่าสามตาสั่นเครือ หายใจหอบถี่ พวกพ้องเหล่านั้นด้านหลังเขาก็ล้วนเปลี่ยนไป แต่ละคนระแวดระวังกันมากขึ้น
“เข้าใจผิด” ต่างเผ่าสามตาสูดลมหายใจลึก เมื่อสัมผัสได้ว่าสวี่ชิงไม่ควรยั่วยุ ดังนั้นตอนที่เอ่ยขึ้นเสียงต่ำ จึงถอยออกมาช้าๆ
แต่เขาไม่รู้จักสวี่ชิง และไม่รู้ว่าหลักการของสวี่ชิงคือตัวตนใดก็ตามที่คุกคามต่อชีวิตของตนเอง จะต้องสังหารทิ้งให้เรียบอย่างสุดกำลัง ดังนั้นแทบจะในพริบตาที่ต่างเผ่าสามตาเริ่มถอยหลัง สวี่ชิงก็เคลื่อนไหวแล้ว
ความเร็วของเขาระเบิดขึ้นฉับพลัน ทั่วร่างกลายเป็นภาพเงาคงค้าง พริบตาที่ชาวต่างเผ่าสามตาหน้าถอดสี โบกมือสร้างเกราะคุ้มกันพลังวิญญาณขึ้นมา สวี่ชิงก็เข้าประชิดแล้ว ซัดหมัดออกไป
เกราะคุ้มกันพลังวิญญาณของต่างเผ่าสามตาก็พังทลายลงย่อยยับท่ามกลางเสียงครืนครัน ชาวต่างเผ่าสามตาม่านตาก็หดเล็กลงจนสุด พอคิดจะเอ่ยปาก แต่หมัดของสวี่ชิงก็ไม่อาจต้านทาน ซัดมาที่หน้าอกเขาอย่างทรงพลัง
หนึ่งหมัด ร่างกายชาวต่างเผ่าสามตาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หน้าอกเว้าเป็นรู อวัยวะทั้งหมดในร่างกายแตกสลายทันที
โจรสลัดเหล่านั้นที่อยู่ไม่ไกล สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่ละคนครางต่ำลุกขึ้นยืน กำลังจะลงมือ แต่สวี่ชิงก็ยังเร็วกว่าพวกเขา อันที่จริงจังหวะแรกที่ลงมือสังหาร เขาก็ตัดสินใจไปแล้วว่าจะขุดรากถอนโคนโจรสลัดกลุ่มนี้ให้สิ้น
และในช่วงไหววูบนี้ ความเร็วสวี่ชิงก็น่าตกตะลึง ขณะที่ผู้บำเพ็ญไร้สังกัดกับต่างเผ่ารอบๆ กำลังจับตามอง ร่างของเขาก็เข้าไปสังหารถึงในกลุ่มโจรสลัดแล้ว เสียงร้องโหยหวนกรีดแหลม เสียงกระทบของวิชาเวทครืนครันดังออกมาทันที
โจรสลัดบาดเจ็บล้มตายไปหกคนในชั่วพริบตา ชาวต่างเผ่ามีปีกที่เหลืออยู่คนนั้น สีหน้ามีความตกตะลึงพรั่นพรึงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน บินขึ้นฟ้าตั้งท่าหนี แต่พริบตาต่อมา กริชคมกริบเล่มหนึ่งก็พุ่งหวีดหวิวออกไปแทงที่หน้าผากเขา จนร่างของเขาร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นเสียงดังสนั่น
ทั้งหมดสิ้นสุดลง
เสียงสูดลมหายใจของผู้บำเพ็ญรอบๆ ดังออกมาต่อเนื่อง สายตาพวกเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นในวินาทีนี้ แต่ละคนมองไปทางสวี่ชิงที่เดินออกมาจากกองศพโจรสลัดเหล่านี้ด้วยอาการพรั่นพรึง
สวี่ชิงไม่สนใจสายตารอบๆ ใช้กริชตัดหัวจากศพโจรสลัดทีละคนๆ เดินมาถึงจุดที่ตนเองพักอยู่ จากนั้นก็แขวนหัวโจรสลัดเอาไว้บนต้นไม้ ทำเป็นสัญลักษณ์
พอทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ สวี่ชิงก็นั่งลงขัดสมาธิ มองไปยังอีกจุดหนึ่งของพื้นที่แอ่งกระทะ ที่นั่นมีหินภูเขาอีกแห่งหนึ่ง ด้านหลังหินภูเขาตอนนี้ มีหัวงูขนาดยักษ์หัวหนึ่งโผล่ออกมา และด่านล่างหัวงูนั้น ก็มีเงาที่แสนคุ้นเคยอีกเงาหนึ่ง
“เขาก็อยู่ที่นี่!” สวี่ชิงระแวดระวังขึ้นในใจ เขารู้ถึงความแปลกประหลาดของอีกฝ่าย จึงหรี่ตาลง ชำเลืองมองไปทางงูใหญ่ตัวนั้น
ร่างเงานี้ก็คือชายชราของโรงเตี๊ยมที่ถนนทองผุดนั่นเอง เขาตอนนี้มองเห็นสวี่ชิง ในใจเองก็กลัดกลุ้มขึ้นมาเช่นกัน
“เจ้าเด็กนั่นทำไมจึงอยู่ที่นี่กัน!”
สายตาทั้งสองคนประสานกันคั่นกลางไว้ด้วยพื้นที่แอ่งกระทะ แต่ไม่นานต่างฝ่ายต่างก็ถอนสายตากลับ
“นรกจริงๆ” ชายชราก้มหน้าเอ่ยเสียงต่ำ แต่งูใหญ่ที่ขดอยู่กลับดวงตาเป็นประกายอย่างชัดเจน
“ฟ่อฟ่อ”
“สวัสดีศิษย์พี่อะไรของเจ้ากัน เขาฟังเสียงฟ่อฟ่อของเจ้าออกที่ไหน” ชายชราถลึงตาใส่งูใหญ่เคืองๆ
“ฟ่อฟ่อ ฟ่อ”
“อะไรนะ เจ้าจะถามเขาว่าเขาชอบงูหรือว่าชอบกินดีงูหรือ เจ้าบ้าไปแล้วเรอะ เรื่องนี้ยังต้องถามอีกทำไม เพื่อครู่เจ้าสังเกตหรือไม่ เขามองมาที่ดีของเจ้าอีกแล้ว”
“ฟ่อ!”
“เจ้าไม่เชื่อ?” ชายชราหมดคำจะพูด
“ฟ่อ”
“ข้าไม่ช่วยเจ้าถามหรอก ไม่ใช่ว่าเจ้าแอบไปสมัครเข้าร่วมกรมข่าวกรองของยอดเขาลำดับเจ็ดลับหลังข้าหรือ กลับไปก็ไปตรวจสอบเอาเองว่าเจ้าเด็กนี่สังหารงูไปแล้วกี่ตัว”
ชายชราขี้เกียจจะสนใจงูใหญ่ข้างกายตัวนี้ เขารู้สึกว่าหลังจากที่เจ้างูเห็นสวี่ชิงก็เหมือนพฤติกรรมผิดปกติ หัวสมองป่วยไปหมดแล้ว
“อย่าบอกนะว่าเขากำลังมองร่างกายของเจ้าอยู่ เหอๆ”