CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ผู้พิทักษ์รัติกาลแห่งต้าฟง - บทที่ 328 สวี่ชีอัน ‘ไม่มีใครดึงขนแกะของข้าได้’ (1)

  1. Home
  2. ผู้พิทักษ์รัติกาลแห่งต้าฟง
  3. บทที่ 328 สวี่ชีอัน ‘ไม่มีใครดึงขนแกะของข้าได้’ (1)
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

บทที่ 328 สวี่ชีอัน ‘ไม่มีใครดึงขนแกะของข้าได้’ (1)

“ในฐานะผู้กุมโชคชะตา สัญชาตญาณของเจ้ายังเฉียบแหลมนัก” แมวส้มหัวเราะ

“อะไรนะ”

สวี่ชีอันมองมันอย่างตกใจ คนคนนี้…เจ้าแมวตัวนี้พูดจาไร้ยางอายได้โจ่งแจ้งนัก

เขาตอบอย่างระมัดระวัง “ท่านนักบวช ท่านมีสิทธิ์พูด แต่อย่าลืมว่าการปฏิเสธเป็นสิทธิ์ของข้า”

“อาตมาอยากให้เจ้าช่วยหยุดสงครามระหว่างนิกายสวรรค์กับมนุษย์” แมวสีส้มเข้าประเด็นและเอ่ยกับสวี่ชีอันอย่างไม่อ้อมค้อม “เตือนให้รู้”

เขาเงียบไปไม่กี่วินาทีแล้วพยักหน้าอย่างสงบ “ลองพูดสิ่งที่ท่านคิดและเหตุผลมาสิ”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดจึงเกิดสงครามระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์” แมวสีส้มกระโดดขึ้นบนโต๊ะหินแล้วนั่งลงบนนั้น ดวงตาสีเหลืองอำพันจับจ้องสวี่ชีอัน

“สงครามระหว่างลัทธิเต๋ากับสำนักพุทธ” สวี่ชีอันตอบ

แมวสีส้มพยักหน้าน้อยๆ แล้วก็ส่ายหน้าอีกครั้ง “ว่ากันว่าปรมาจารย์ทั้งสองของนิกายสวรรค์และนิกายมนุษย์ต่อสู้กันครั้งใหญ่กลางวงอภิปรายลัทธิเต๋า ทั้งสองบาดเจ็บหนัก หลังจากกลับนิกายไม่นานก็เสียชีวิตลง

“ทั้งสองต่างทิ้งคำสั่งเสียไว้ว่า ทุกหกสิบปี จะต้องมีสงครามระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์

“หลังจากนั้นตลอดหลายพันปีสืบมา ผู้นำเต๋าแห่งนิกายมนุษย์และนิกายสวรรค์จะมีการทำศึกกันทุกๆ หกสิบปี ตายบ้าง บาดเจ็บบ้าง เสมอกันก็มี

“ต่อมาก็ค่อยๆ กลายเป็นประเพณี ก่อนการต่อสู้ระหว่างผู้นำเต๋าจะมีการนำศิษย์ที่โดดเด่นจากทั้งสองนิกายมาสู้กัน ฝ่ายชนะจะได้โอกาสที่จะกำหนดสถานการณ์ในอนาคต”

สวี่ชีอันขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยถาม “ข้าได้ยินเมี่ยวเจินพูดว่าศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ยังมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่านี้ ท่านนักบวชทราบหรือไม่”

แมวสีส้มหรี่ตามองเขา ทำเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “หากอาตมาบอกว่าไม่ทราบ เจ้าก็จะไม่ตกลงใช่หรือไม่”

สวี่ชีอันก็ตอบด้วยท่าทีเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มเช่นกัน “หากข้าไม่ตกลง ท่านก็จะไม่บอกใช่หรือไม่”

“เหตุผลที่แท้จริงมีเพียงผู้นำเต๋าทั้งสองนิกายเท่านั้นที่รู้ แต่จากร่องรอยเบาะแสตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็พอคาดเดาได้อยู่บ้าง” แมวส้มพูดถึงตรงนี้ก็เงียบไปหลายวินาทีแล้วเปิดปากตอบ

“ประมาณสองพันปีก่อน ผู้นำเต๋านิกายสวรรค์ท่านหนึ่งกักตนฝึกพลังจึงพลาดศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ หลังจากนั้น…เขาก็หายตัวไป

“หกร้อยปีก่อน ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่มีใครรู้ ผู้นำเต๋านิกายสวรรค์ท่านหนึ่งบุกเข้าไปยังแท่นบูชาของสำนักพ่อมดเพียงลำพังและกลับมาพร้อมอาการบาดเจ็บสาหัส ระหว่างพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ เขาพลาดศึกระหว่างนิกายสวรรค์กับมนุษย์ และเขาก็หายตัวไป

“ส่วนนิกายมนุษย์นั้นไม่เคยปรากฏเทพเซียนระดับสุดยอดแห่งปฐพีมาก่อน ทว่าผู้นำเต๋าทุกคนที่ชนะศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ล้วนพุ่งสู่ระดับสุดยอดได้ในเวลาสั้นๆ”

พลาดศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ ผู้นำเต๋านิกายสวรรค์จะหายตัวไป…ชนะศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ ผู้นำเต๋านิกายมนุษย์จะได้เป็นเทพเซียนระดับสุดยอดทันทีงั้นหรือ นี่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ สวี่ชีอันรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ ว่ากระแสธารแห่งลัทธิเต๋านั้นลึกกว่าที่ตนจินตนาการไว้

“ท่านยังไม่บอกเหตุผลของท่านเลย” สวี่ชีอันสลัดความคิดนั้นทิ้งไปแล้วจ้องมองแมวสีส้ม

ที่พูดมาคือความลับเบื้องหลังศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ ไม่ใช่เหตุผลที่นักบวชเต๋าจินเหลียนขอให้เขาหยุดหลี่เมี่ยวเจินกับฉู่หยวนเจิ่น

“อาตมากับลั่วอวี้เหิงมีข้อตกลงกัน นางจะช่วยอาตมาจัดการเรื่องต่างๆ ที่นิกายปฐพี ด้วยเหตุนี้อาตมาจึงอยากเลื่อนสงครามระหว่างสองนิกายออกไปก่อน ก่อนจะแก้ไขปัญหาผู้นำเต๋านิกายปฐพีได้ อาตมาไม่ต้องการให้นางเกิดเหตุไม่คาดฝันใดๆ หากเกิดศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ตามกำหนดเดิม อาจเป็นลางร้ายกับลั่วอวี้เหิงมากกว่า”

นัยน์ตาแมวส้มเผยความจริงจังและเคร่งขรึม

ท่านนักบวชเต๋าสมกับเป็นศิษย์ของนิกายปฐพีอย่างแท้จริง เพื่อจัดการราชสำนัก จำเป็นต้องทุ่มเทถึงเพียงนี้…สวี่ชีอันซาบซึ้งใจ บังเกิดความชื่นชมนักบวชเต๋าจินเหลียน

แต่เขาก็ยังไม่คิดว่าตนจะช่วยอะไรเรื่องนี้ได้

“แต่ฆ้องเงินตัวเล็กๆ อย่างข้าจะหยุดศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ได้อย่างไรกัน” เขาคลายมือ

“ไม่ได้ให้เจ้าหยุดผู้นำเต๋าของทั้งสองสำนัก แต่เจ้าสามารถหยุดฉู่หยวนเจิ่นกับหลี่เมี่ยวเจินได้” นักบวชเต๋าจินเหลียนแนะนำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

“ใต้เท้าสวี่อยากสร้างชื่อให้ตัวเองสักครั้งหรือไม่ อยากสำแดงภาพลักษณ์ที่ดีและโดดเด่นต่อหน้าคนทั้งยุทธภพที่มารวมตัวกันที่เมืองหลวงหรือไม่”

ข้าไม่ใช่หยางเชียนฮ่วน ข้าไม่ชอบอวดเบ่ง…สวี่ชีอันเอ่ยถาม “ความหมายของท่านคือจะให้ข้าเข้าร่วมศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์อย่างนั้นหรือ ไม่ใช่ความคิดที่ดีหรอก อย่างแรกคือข้าเอาชนะพวกเขาไม่ได้ อย่างที่สองคือถึงการต่อสู้จะหยุดชะงักออกไปสามวัน แล้วหลังจากนั้นอีกห้าวันหรือสิบวันล่ะ

“ท่านนักบวช วิธีของท่านใช้ไม่ได้”

แมวส้มส่ายหน้าเบาๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหนึ่งชี้แนะเยาวชนรุ่นหลัง “จะเคลื่อนไหวต้องมีขั้นตอน การทำเรื่องต่างๆ ก็เช่นกัน เจ้าไม่มีการเตรียมการ พุ่งเข้าไปกลางวงอย่างไร้เหตุผล หลี่เมี่ยวเจินกับฉู่หยวนเจิ่นย่อมไม่สนใจเจ้า ต่อให้เจ้าโชคดีทำลายศึกครั้งนี้ได้ ก็ไม่อาจทำลายศึกครั้งต่อไปได้

“แต่เจ้าสามารถหาเหตุผลให้ตัวเองได้”

“เหตุผลหรือ” สวี่ชีอันถามกลับ

“อย่างเช่นสำหรับเจ้า ทั้งสองนิกายไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง ศิษย์ทั้งสองนิกายก็กระจอกงอกง่อย เจ้าก็แค่เห็นการล่าสัตว์แล้วจิตใจเบิกบานจึงอยากประมือกับพวกเขาสักหน่อย แล้วก็เชิญพวกเขาออกมาต่อสู้ต่อหน้าเหล่าวีรบุรุษ เดิมพันกับพวกเขาว่าหากพวกเขาเอาชนะเจ้าได้ ศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์จะดำเนินต่อไป แต่หากทำไม่ได้ ก็รอจนกว่าจะเอาชนะเจ้าได้ การศึกถึงจะดำเนินต่อไป”

สวี่ชีอันตาค้าง “แบบนี้ก็ได้หรือ เหตุผลข้างๆ คูๆ เช่นนี้…”

นักบวชเต๋าจินเหลียนแค่นเสียง ‘เหอะ’ ออกมาคำหนึ่ง “นั่นเพราะเจ้าไม่เคยท่องยุทธภพ ยามผู้คนในยุทธภพส่งสารท้ารบก็มักจะเรียบง่ายและหยาบคายกันทั้งนั้น หากไม่กล้ารับคำท้าก็จะอับอายขายหน้า ขายหน้าจนกว่าจะตอบรับ

“นี่ยังนับว่าทำตามกฎ ไม่ทำตามกฎน่ะคือไปถีบประตูเหยียบเข้าบ้านคนอื่นเลยต่างหาก

“หลี่เมี่ยวเจินกับฉู่หยวนเจิ่นเป็นคนหยิ่งยโส หากเจ้าฉีกหน้าพวกเขาต่อหน้าทุกคน พวกเขาต้องรับคำท้าแน่ และทันทีที่รับคำท้า ข้อตกลงก็เป็นอันได้ผล แม้แต่ผู้อาวุโสนิกายสวรรค์ก็ไม่สามารถพูดอะไรก็ได้ มีแต่จะสนับสนุนให้หลี่เมี่ยวเจินจัดการเจ้าโดยเร็ว”

ผู้อาวุโสนิกายสวรรค์จะไม่พากันลงเขามาตบหน้าข้าจริงๆ หรือ สวี่ชีอันเอ่ย “หากหลี่เมี่ยวเจินเอาชนะข้าไม่ได้ ศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ก็จะไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่”

แมวส้มเหล่ตามองเขาอีกครั้ง “สิ่งที่อาตมาชื่มชมใต้เท้าสวี่ที่สุดก็คือความมั่นใจในตัวเอง อาตมาบอกไปแล้ว ศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ไม่อาจหยุดยั้ง แต่สามารถเลื่อนออกไปได้ เจ้าเลื่อนออกไปสักหนึ่งปีครึ่งก็พอ

“แน่นอนว่าเรื่องนี้จะทำให้นิกายสวรรค์ขุ่นเคือง หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงไม่กล้า แต่กับเจ้าแล้ว ย่อมไม่มีปัญหา”

ข้าไม่มีปัญหาหรือท่านที่บังคับให้ข้าไม่มีปัญหากันแน่…สวี่ชีอันหน้าดำทะมึน “เพราะอะไร”

แมวส้มหัวเราะ “เพราะท่านหนุ่มพอ และเพราะท่านกับหลี่เมี่ยวเจินมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน หากเป็นคนอื่นยื่นมือเข้าไป ผู้อาวุโสนิกายสวรรค์อาจไม่ลงมือ แต่จะสั่งให้หลี่เมี่ยวเจินสังหารผู้ที่เข้ามาขัดขวางเสีย ส่วนเรื่องที่จะได้ของรางวัลเป็นของวิเศษกับยา ไม่ต้องสงสัยเลย นักบวชนิกายสวรรค์ไม่สนใจมันแน่”

“เช่นนั้นข้าจะได้อะไร” สวี่ชีอันถาม

“เชื่ออาตมาเถิด หากลั่วอวี้เหิงไม่ตาย ในอนาคตท่านจะได้ของขวัญที่คาดไม่ถึง นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่อาตมามาขอให้ท่านช่วย” แมวส้มพูดอย่างสบายอารมณ์

เจ้าแมวนี่ วาดต้าปิ่ง[1]ให้ข้าอีกแล้ว…สวี่ชีอันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าจะลองคิดดู”

แมวส้มพยักหน้าอย่างอดทน

สวี่ชีอันนั่งอยู่ข้างโต๊ะหิน พิจารณาข้อดีข้อเสียของการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

ตัดของขวัญที่คาดไม่ถึงทิ้งไปก่อน

ก็แค่ประมือกับฉู่หยวนเจิ่นและหลี่เมี่ยวเจิน นี่ไม่ใช่การแลกเปลี่ยนฝีมือ แต่เป็นการสู้ตายโดยมีภารกิจของนิกายอยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะฉู่หยวนเจิน แม้เขาจะไม่ใช่ศิษย์นิกายมนุษย์จริงๆ แต่เคล็ดกระบี่ของเขามาจากนิกายมนุษย์ เจ้าธูปนี่ขอให้เขาแลก เพราะฉะนั้นเขาจะพยายามสุดกำลังเพื่อลั่วอวี้เหิง

หลี่เมี่ยวเจินทำอะไรเป็นขั้นเป็นตอน มีระเบียบแบบแผน จะให้นางจงใจแพ้นั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย นอกจากเรื่องนิสัยแล้ว มันยังเกี่ยวพันถึงหน้าตาของนิกายสวรรค์ด้วย

ทางออกที่ดีที่สุดคือผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ และบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดอาจเป็นตายหนึ่งเจ็บหนึ่งกระมัง

หากข้าสามารถหยุดยั้งศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ได้ ก็สามารถเลี่ยงเหตุการณ์เช่นนี้ได้

แต่ข้าเป็นเพียงนักรบขั้นหก ส่วนพลังต่อสู้ที่แท้จริงของศิษย์ผู้โดดเด่นทั้งสองคนนั้นคือขั้นสี่…อืม ได้รับการหล่อเลี้ยงเลือดเนื้อและแก่นแท้จากไต้ซือเสินซู พลังเทพระดับเพชรของข้าจึงเหนือชั้นกว่าระดับทั่วไปมานานแล้ว

เรื่องพลังต่อสู้ ข้าอาจจะแข็งแกร่งกว่าขั้นหก แต่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของขั้นสี่หรือแม้แต่ขั้นห้าแน่นอน แต่หากพูดถึงพลังป้องกัน นักรบขั้นสี่ก็อาจจะไม่แกร่งเท่าข้า

นักบวชเต๋าจินเหลียนมั่นใจว่าข้าจะช่วยได้ขนาดนี้ ดูราวกับมองทะลุความจริงของข้าได้…วันที่ข้าประมือกับหลี่เมี่ยวเจิน ท่านนักบวชมองออกอย่างนั้นหรือ

“ท่านนักบวช ข้าเข้าใจความหมายของท่าน ฉู่หยวนเจินและหลี่เมี่ยวเจินต่างก็เป็นสมาชิกพรรคฟ้าดิน แต่ด้วยคำสั่งของสำนักจึงไม่อาจยั้งมือ พวกเขาต้องมีใครสักคนที่ต้องตาย ซึ่งไม่มีใครต้องการให้เป็นเช่นนั้น” สวี่ชีอันถอนหายใจ

แมวส้มยิ้มอย่างพึงใจแล้วพยักหน้าราวกับผู้ใหญ่ที่หลอกเด็กได้สำเร็จ

“ส่วนความไม่พอใจของเหล่าผู้อาวุโสนิกายสวรรค์ ข้าเชื่อว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ท่านนักบวชก็ไม่น่าจะทำร้ายข้า” สวี่ชีอันกล่าว

แมวส้มพยักหน้ายิ้มๆ อีกครั้ง

“เพราะฉะนั้น ข้าปฏิเสธ” สวี่ชีอันสรุป

รอยยิ้มของแมวส้มค้างเติ่ง

“ทำไมล่ะ” แมวส้มน้ำเสียงร้อนรน “สวี่ชีอัน การช่วยเหลือกันคือหลักการของพรรคฟ้าดิน”

มีเรื่องก็ใต้เท้าสวี่ ไม่มีเรื่องก็สวี่ชีอัน ท่านนี่มันแมวจริงๆ…สวี่ชีอันเล่าประสบการณ์อันเจ็บปวด “ครั้งก่อนที่เราไปหาลี่น่าจนเกือบตายอยู่ใต้ดิน ไม่ได้ประโยชน์ แถมยังเกือบเอาชีวิตไปทิ้ง”

“แต่เจ้าดูดซับโชคชะตาในผลึกหยก” แมวส้มยกอุ้งเท้าหน้าตบโต๊ะ

“แล้วครั้งนี้ล่ะ ครั้งนี้ข้าจะได้อะไร” สวี่ชีอันทอดถอนใจ “ท่านนักบวชเอ๋ย ท่านต้องรู้ว่าชื่อเสียงของข้าไม่ได้ได้มาง่ายๆ ผู้คนในเมืองหลวงนับถือข้ามากและเห็นข้าเป็นวีรบุรุษแห่งต้าฟ่ง

“ตบะของฉู่หยวนเจิ่นกับหลี่เมี่ยวเจินสูงกว่าข้ามาก ท่านให้ข้าไปถูกทุบตี ทำลายชื่อเสียงที่ได้จากการลุยเดี่ยวสู้กับกองทัพนับพัน ทำลายชื่อเสียงที่ได้จากการปราบสำนักพุทธ”

แมวส้มถอนหายใจ “แล้วเจ้าอยากได้อะไร”

สวี่ชีอันเผยรอยยิ้มบริสุทธิ์ใจ “สองข้อ หนึ่ง ข้าต้องการสมบัติหนึ่งชิ้น เป็นอะไรข้ายังไม่ได้คิด ถือว่าท่านติดข้าไว้ก่อน แต่ในอนาคตหากข้าขอท่าน ท่านห้ามกลับคำ”

แมวส้มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “แต่เจ้าก็อย่าขออะไรที่เป็นไปไม่ได้ล่ะ…อ้อ ข้อสองล่ะ”

สวี่ชีอันเงยหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าต้องการยาชิงตัน”

“!!!”

แมวส้มยกอุ้งเท้าตบโต๊ะสามครั้ง ก่อนจะร้องตะโกนว่า “นั่นเป็นไปไม่ได้ ยาชิงตันก็เหมือนกับยาคืนชีพ หกสิบปีถึงจะปรุงได้สักสามเม็ด ยาคืนชีพหาวัตถุดิบยากมาก ยาชิงตันก็มีวิธีกลั่นซับซ้อน วัตถุดิบก็ราคาสูงลิบลิ่ว ต้นทุนสูงกว่ายาคืนชีพหลายเท่าตัว”

เจ้าเด็กนี่ก็ไม่คิดบ้างเลย หากเขามีสมบัติล้ำค่าอย่างยาชิงตัน ตอนนั้นเขาจะให้ไปอารามรัตนะเพื่อขอยาจากลั่วอวี้เหิงทำไม

นิกายปฐพีไม่ขาดแคลนสิ่งใด ขาดแคลนก็แต่เงิน

สวี่ชีอันถูมือ ก่อนจะยิ้มอย่างกระตือรือร้น “ท่านนักบวชพูดจาห่างเหินนัก เราเป็นพวกเดียวกัน ข้ายังจะขอสิ่งที่เป็นไปไม่ได้กับท่านได้อย่างไร

“ท่านไม่มียาชิงตัน แต่นิกายมนุษย์มีนี่นา ในลัทธิเต๋ามีใครไม่รู้บ้างว่านิกายมนุษย์เป็นพวกมั่งคั่ง”

แมวส้มลังเลอยู่นาน แล้วเอ่ยพูดอย่างไม่แน่ใจ “อาตมาจะลองดู ก่อนสายัณห์จะให้คำตอบเจ้า”

สวี่ชีอันพยักหน้ารัวๆ “ไม่ต้องรีบ พรุ่งนี้ก็ได้ ศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์อีกตั้งสามวัน”

แมวส้มไม่สนใจเขา มันหนีไปที่แปลงดอกไม้แล้วหายตัวไป

“นักบวชเต๋าจินเหลียนจอมเจ้าเล่ห์ ชอบเลียขนผู้เยาว์นัก ไม่ต่างอะไรกับนางคณิกาเลย” สวี่ชีอันแค่นเสียง

ยาชิงตันก็คือยาอายุวัฒนะอย่างหนึ่ง มีสรรพคุณชำระจิตใจตัดไขกระดูก เสริมกล้ามเนื้อสร้างกระดูก สรรพคุณพวกนี้เรียกได้ว่าดาษดื่น ในยุทธภพคนขายยาชูกำลังยังรังเกียจที่จะใช้คำพวกนี้มาบรรยายยาของตน

แต่การชำระจิตใจตัดไขกระดูก เสริมกล้ามเนื้อสร้างกระดูกของยาชิงตันแตกต่างจากความหมายโดยทั่วไป มันสามารถทำให้ทหารกระดูกเหล็กผิวทองแดงขั้นหกมีพลังป้องกันเพิ่มขึ้นได้ในฉับพลัน

“พลังเทพวชิระระดับเพชรของข้าถึงจุดคอขวดแล้ว หยดเลือดของไต้ซือเสินซูยังเหลืออยู่อีกนิดหน่อย แต่ทำอย่างไรก็หลอมเข้ากับร่างกายไม่ได้ หากสะสมไว้ในร่างก็น่าเสียดายเปล่า…”

ด้วยเหตุนี้สวี่ชีอันจึงขอคำแนะนำจากเว่ยเยวียนเป็นกรณีพิเศษ แน่นอน เขาแค่ถามว่าจะทำอย่างไรให้พลังเทพระดับเพชรรุดหน้าได้อย่างก้าวกระโดดในเวลาสั้นๆ เว่ยเยวียนให้คำแนะนำเขามาสองทาง คือประสบการณ์การต่อสู้จริงและยาชิงตัน

“ก่อนหน้านี้ข้ายังกังวลอยู่เลยว่าจะทำอย่างไรให้พลังเทพระดับเพชรไปถึงระดับสำเร็จ วันนี้เจ้านักบวชแมวส้มก็มาขอความช่วยเหลือจากข้า เปิดทางสว่างให้แก้ข้า…

“คิดอีกแง่ หรือจะเกี่ยวข้องกับโชคชะตาอันแข็งแกร่งของข้า ข้าต้องการทะลวงระดับ ต้องการยาชิงตันและการต่อสู้ ประจวบเหมาะกับที่หลี่เมี่ยวเจินมายังเมืองหลวงเพื่อทำตามพันธสัญญาระหว่างนิกายสวรรค์และนิกายมนุษย์พอดี”

…

“วิธีอะไร”

จักรพรรดิหยวนจิ่งตาเป็นประกายเล็กน้อย มองสาวงามที่ลอยอยู่ในสระ

ริมฝีปากแดงฉ่ำของลั่วอวี้เหิงแยกออกเบาๆ เปล่งเสียงนุ่มนวลท่ามกลางความเยือกเย็น “ส่งคนไปหยุดการต่อสู้ระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ ต้องเป็นคนรุ่นเดียวกันและไม่กลัวการแก้แค้นจากนิกายสวรรค์”

จักรพรรดิหยวนจิ่งขมวดคิ้วครุ่นคิด “หากเข้าไปแทรกแซง นิกายสวรรค์ต้องส่งคนมาซักไซ้เอาความเป็นแน่ บางทีอาจแทรกแซงด้วยการเดิมพันได้”

ลั่วอวี้เหิงพยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหน้าอีกครั้งแล้วพูดเสียงนุ่มทุ้ม “หากเดิมพันสำเร็จมันจะไม่จบสิ้นจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ราคาที่ต้องแลกมากเกินไป ฝ่าบาทไม่ต้องเสียสละอัจฉริยะรุ่นเยาว์กับเรื่องนี้”

นี่เท่ากับเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ เดิมทีเป็นพันธสัญญาระหว่างนิกายสวรรค์กับนิกายมนุษย์ แต่ตอนนี้กลายเป็นพันธสัญญาของสามฝ่าย

ข้อพิพาทระหว่างนิกายสวรรค์กับนิกายมนุษย์มีต้นสายปลายเหตุชัดเจน พวกเขาต้องทำตามกฎ คนที่เข้าไปแทรกแซงจะกลายเป็นตัวปัญหาในสายตานิกายสวรรค์

ท่าทีตอบสนองของนิกายสวรรค์มีแค่สองอย่าง

หนึ่ง สั่งให้หลี่เมี่ยวเจินสู้ให้ไวจบให้ไว สำหรับเรื่องนี้นิกายสวรรค์ต้องให้ ‘ความช่วยเหลือ’ ในระดับหนึ่งแน่

สอง ผู้อาวุโสของนิกายจะมาตบหน้าเจ้าหนุ่มที่ทำเสียเรื่องด้วยตัวเอง

จุดนี้ไม่มีทางให้ถอยกลับ หากคิดจะทำลายพันธสัญญา แล้วถอนตัวจากการต่อสู้ อย่างแรกเลย คือทำตามเป้าหมายไม่สำเร็จ ศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ดำเนินไปตามกำหนด แต่แค่เลื่อนออกไปไม่กี่วันเท่านั้น

อย่างที่สอง นักพรตนิกายสวรรค์อาจไม่ตกลง ถึงตอนนั้นก็อาจตบเจ้าหนุ่มที่ผิดพันธสัญญาจนตายได้ ทั้งยังตบได้อย่างเปิดเผย มีหลักฐานมีที่มาที่ไป

จักรพรรดิหยวนจิ่งทำหูหนวก ละสายตาจากลั่วอวี้เหิงมองไปยังทิศที่ตั้งของสำนักโหราจารย์ แล้วกล่าวว่า

“เพราะเหตุนี้หยางเชียนฮ่วนแห่งสำนักโหราจารย์จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ไม่กลัวการแก้แค้นของนิกายสวรรค์ ทั้งยังมีความสามารถมากพอจะต่อกรกับฉู่หยวนเจิ่นและหลี่เมี่ยวเจิน”

ลั่วอวี้เหิงพยักหน้าน้อยๆ จักรพรรดิหยวนจิ่งตรัสได้ถูกต้อง หยางเชียนฮ่วนคือตัวเลือกที่ดีที่สุด ไม่มีใครเหมาะไปกว่าเขาแล้ว

“ข้าจะส่งคนไปปรึกษากับท่านโหราจารย์เดี๋ยวนี้”

จักรพรรดิหยวนจิ่งโบกมือเรียกขันทีชราที่รออยู่นอกเรือน ก่อนจะสั่งให้เขาไปเชิญคนจากสำนักโหราจารย์

หลังเวลาผ่านไปสองก้านธูป ทหารรักษาพระองค์ที่ขันทีเฒ่าส่งไปก็กลับมารายงาน คำตอบของท่านโหราจารย์คือหยางเชียนฮ่วนข่มจิตอยู่ในหอดูดาว จึงขอให้ฝ่าบาทเลือกคนอื่น

คำตอบนี้อยู่ในความคาดหมายจักรพรรดิหยวนจิ่งและลั่วอวี้เหิง ทว่าก็ยังคงผิดหวังเล็กน้อย

“แต่ไหนแต่ไรมาท่านโหราจารย์ทำแต่เรื่องที่ เป็นไปตามกฎเกณฑ์ นอกเหนือจากนี้ก็ไม่สนใจแล้ว” จักรพรรดิหยวนจิ่งส่ายหน้า น้ำเสียงก็ดูสิ้นหวัง

เรื่องที่ควรทำ ท่านโหราจารย์ไม่เคยบกพร่อง เรื่องที่ไม่ควรทำ ต่อให้เป็นเขาผู้มีอำนาจสูงสุดก็สั่งไม่ได้

“ข้าขอคิดหาวิธีอีกสักหน่อย” จักรพรรดิหยวนจิ่งพูดจบก็ควบม้ากลับพระราชวัง

เมื่อจักรพรรดิหยวนจิ่งกลับไป ลั่วอวี้เหิงจึงได้ถอนหายใจเล็กๆ

เมื่อกลับถึงวัง จักรพรรดิหยวนจิ่งก็นั่งขบคิดอยู่ในห้องทรงพระอักษรอยู่หนึ่งเค่อ ก่อนจะคว้าพู่กันมาเขียนรายชื่อพลางพูดว่า “เรียกคนที่อยู่ในรายชื่อเหล่านี้เข้าวัง”

………………………………………………………..

[1] วาดต้าปิ่ง เป็นการอุปมาถึงโชคลาภที่ได้มาโดยง่าย

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "บทที่ 328 สวี่ชีอัน ‘ไม่มีใครดึงขนแกะของข้าได้’ (1)"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์