ผู้พิทักษ์รัติกาลแห่งต้าฟง - บทที่ 56 แก่นของแผน
เหล่าสาวใช้ต้มน้ำร้อน สวี่ชีอันจำต้องอาบน้ำภายใต้การดูแลด้วยมือเล็กๆ ของพวกนาง ตอนถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น สิ่งที่เผยขึ้นในดวงตาของสาวใช้สองคนคือรูปร่างที่สูงยาว แข็งแรงและสมชายชาตรี
กล้ามเนื้อราบเรียบและเต็มอิ่มไปด้วยพลังงานที่กักเก็บไว้ข้างใน เผยเสน่ห์ของชายหนุ่มผู้แข็งแกร่ง
พวกนางดูแลคุณชายอาบน้ำมามากมาย มีทั้งลงพุง เอวบางร่างน้อย และกล้ามเนื้อเป็นมัด…ร่างกายที่ได้สัดส่วนและแข็งแรงเหมือนกับคุณชายหยาง อีกทั้งยังไม่ขาดการระเบิดร่างกายอีก พวกนางพบเจอน้อยมาก
นี่คือความอัศจรรย์ที่ระดับหลอมจิตขั้นสูงสุดมอบให้ ร่างกายจะอยู่ในสภาพที่เหมาะแก่การต่อสู้มากที่สุด ไม่มีไขมันส่วนเกิน และจะไม่ปล่อยให้กล้ามเนื้อขยายมากเกินไปซึ่งส่งผลต่อความยืดหยุ่น
เมื่อสวี่ชีอันสวมกางเกง และเปลือยช่วงบนเดินมาข้างเตียง นางคณิกาที่สวมชุดผ้าไหมบางนั่งอยู่บนโซฟา ดวงตาพร่าเลือนทันที นางมองกล้ามอกกับกล้ามท้องของสวี่ชีอันอย่างเหม่อลอย
เหล่าสาวใช้ถอยออกมาจากห้องนอนใหญ่อย่างรู้ตัว สวี่ชีอันยกผ้าห่มที่ปักลายเป็ดแมนดารินขึ้นมา เขาเพิ่งจะมุดเข้าไป ฝูเซียงก็แนบตัวเข้ามา มือทั้งสองข้างเกี่ยวคอของเขาไว้ เรือนร่างที่อวบอิ่มและอ่อนนุ่มเกาะเกี่ยวอยู่บนตัวของเขา นางหายใจรดข้างหูของสวี่ชีอัน และพูดด้วยเสียงอันนุ่มนวล “คุณชาย”
กลิ่นหอมละมุนพุ่งเข้ามาในโพรงจมูก สวี่ชีอันผู้ซื่อตรงที่ไม่เคยไปหอคณิกามีสีหน้าเคร่งขรึม และเกร็งร่างกาย
นางคณิกาแปลกใจ และหัวเราะอย่างไร้เดียงสา “คุณชายไม่มีประสบการณ์ด้านนี้หรือเจ้าคะ”
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ร่างกายของนางก็อ่อนลง
ไม่ ชาติก่อนข้าก็เคยมีประสบการณ์กับผู้หญิงเช่นกัน…เพียงแค่ไม่เคยนอนกับสาวงามเช่นเจ้า…สวี่ชีอันบ่นพึมพำกับตัวเอง และพูดว่า “แม่นางฝูเซียง เจ้าเคยได้ยินเรื่องมายากลหรือไม่”
“มายากลอะไรหรือเจ้าคะ”
“สัมผัสหมอนสามวินาที ก็หลับสนิทได้”
“…คิกๆ ข้าไม่เชื่อหรอกเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเจ้าห่างข้าสักหน่อย ข้าจะแสดงให้เจ้าดู”
นางคณิกาถอยออกไปด้วยรอยยิ้ม เพียงแค่คิดว่าเขาจะเล่นสนุกเท่านั้น
สามวินาทีต่อมา…
“ครอก…ฟี้”
ฝูเซียงผลักเขา “คุณชายหยาง…”
“ครอกฟี้ๆ…”
ฝูเซียง “???”
…
ตกกลางคืน สวี่ชีอันตื่นขึ้นมาด้วยอาการสั่นเทา หลังจากถอนหายใจเงียบๆ เขาก็ได้ยินเสียงหายใจยาวข้างกาย และสัมผัสได้ถึงสิ่งที่อยู่ถัดจากตนเอง ร่างกายที่เนียนนุ่มราวกับผ้าซาติน เขาบังคับให้ตัวเองหลับไปอีกครั้งด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า
วันต่อมา ยามเหม่า[1] นาฬิกาชีวิตของสวี่ชีอันตื่นขึ้นโดยธรรมชาติ เขาสัมผัสได้ว่ามีของหนักๆ ทับร่างของเขาอยู่ จึงลืมตาดู นางคณิกานอนอยู่ถัดจากเขา ขาเรียวยาวขาวแนบกับเอวของเขา แขนขาวราวหิมะวางอยู่บนหน้าอกของเขา
สวี่ชีอันยกแขนกับขาของนางออกอย่างระมัดระวัง ลุกจากเตียง และสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ตอนที่เขาจัดแจงเสื้อผ้า ก็โกรธมากเมื่อพบว่าตั๋วเงินในกระเป๋าเงินของตัวเองหายไป
ในกระเป๋าเงินเหลือเพียงกระจกหยกสวยหรูที่เล็กกว่าฝ่ามือ
ปฏิกิริยาแรกของสวี่ชีอันคือสาวใช้ในหออิ่งเหมยใช้ประโยชน์ตอนเขาหลับ ขโมยตั๋วเงินของเขาไป ซึ่งไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
หยางหลิงเป็นเพียงซิ่วไฉคนหนึ่ง แม้ว่าสถานะทางสังคมจะไม่ต่ำ แต่สำนักสังคีตเป็นสถานที่แบบไหน เป็นหอคณิกาของทางการ ด้านบนมีกรมพิธีการสนับสนุน
เพียงแค่ซิ่วไฉคนหนึ่ง ผู้อื่นขโมยเงินไป ทุบตีจนตายก็ไม่รู้ สวี่ชีอันจะทำอะไรได้
สำนักสังคีตไม่สนใจเรื่องชื่อเสียง แต่แม่นางฝูเซียงสนใจ หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป แขกคนใดจะกล้ามาใช้จ่ายในที่ของนาง…สวี่ชีอันตัดสินว่า นางคณิกาไม่ควรจะรู้ สาวใช้เห็นเงินก็เกิดความคิดชั่วร้าย จึงต้านทางการชักจูงของตั๋วเงินไม่ได้
เขาหงุดหงิดกับความประมาทของตัวเองที่ไม่ได้เก็บตั๋วเงินให้ดีพลางเดินไปข้างๆ เตียง และตั้งใจจะปลุกฝูเซียง
แต่ในตอนนี้เอง สายตาก็เหลือบไปทางกระจก สีหน้าของสวี่ชีอันแข็งทื่อในทันที
บนพื้นผิวกระจกหยกที่เดิมสะอาดมีบางอย่างอยู่รางๆ เขาจึงเข้าไปดูใกล้ๆ อย่างตั้งใจ เป็นตั๋วเงินสองสามใบที่ปรากฏในนั้น
ลายเส้นจาง ราวกับภาพที่แกะสลักในกระจก
อะไรน่ะ เครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นในหัวของสวี่ชีอัน
ตั๋วเงินของข้าวิ่งเข้าไปในกระจกได้อย่างไร นี่เป็นเงินที่หามาอย่างยากลำบากของข้า…เจ้าจะพ่นออกมาให้ข้า หรือจะให้ข้าบดขยี้เจ้า…
เขาคว้ากระจกหินหยก และเขย่าอย่างแรง ทำท่าจะเทมันออกมา
“ว้าว…” สิ้นเสียงนั้น ตั๋วเงินปรากฏขึ้นกลางอากาศ และลอยอยู่ในอากาศชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆ ตกลงพื้น
ในห้องที่เงียบสนิท สวี่ชีอันจับกระจก และไม่ได้พูดอะไรนานมาก
เช่นนั้น กระจกนี่เป็นสมบัติจริงๆ หรือ มันเป็นโชคดีของข้า หรือนักบวชจงใจมอบกระจกนี้ให้กับข้า หากเป็นอย่างหลัง เป้าหมายของเขาคืออะไร เหตุใดเขาจึงมอบสมบัติให้กับข้า และล่วงรู้โชคที่อธิบายไม่ได้ของข้า เป็นไปได้อย่างไร ไฉ่เวยที่ชำนาญวิชามองปราณแห่งสำนักโหราจารย์ยังไม่อาจค้นพบความพิเศษของข้าเลย… นักพรต ข้าไม่คุ้นเคยกับระบบลัทธิเต๋าเอาเสียเลย
สักพักหนึ่ง เขาก็สูดลมหายใจเข้าราวกับเข็ดฟัน
ของขวัญที่อธิบายไม่ได้นี้ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ…ฉึบ เขาเก็บตั๋วเงินก่อน
สวี่ชีอันเก็บกระจกหินหยกไว้ที่หน้าอก และใส่ตั๋วเงินไว้ในกระเป๋าเงิน แยกเก็บไว้ต่างหาก จากนั้นก็ออกจากห้องไปเงียบๆ และเพลิดเพลินกับอาหารเช้าภายใต้การบริการของสาวใช้
“คุณชายจะไม่รอแม่นางตื่นก่อนหรือเจ้าคะ” สาวใช้ถาม
โดยปกติแล้ว ตอนแขกตื่น แม่นางที่รับใช้เขาก็จะตื่นตามเช่นกัน แต่แขกคนนี้แปลกนิดหน่อย แอบออกมาคนเดียว
ไม่ ไม่จำเป็น ข้ากลัวว่านางจะด่าข้าว่าโหดร้ายป่าเถื่อนยิ่งกว่าสัตว์…สวี่ชีอันพูดด้วยจิตใจที่สงบ “ข้ามีกิจเร่งด่วนน่ะ”
…
สองสามชั่วโมงต่อมา จวนสกุลสวี่
สวี่ซินเหนียนกับสวี่ฉือจิ้วนั่งอยู่ในห้องหนังสือ มือรินน้ำชาที่ร้อนระอุ สวี่ผิงจื้อเต็มไปด้วยพลังและดูไม่เหนื่อย
สวี่เอ้อร์หลางหดหู่เล็กน้อย
พ่อลูกสองคนไม่พูดไม่จา ไม่เอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนนี้อย่างรู้ใจ ราวกับว่าทุกคนไม่ได้ไปสำนักสังคีตมา
บรรยากาศอันเงียบสงบทึมทื่อเล็กน้อย จนกระทั่งการมาถึงของสวี่ชีอันทำลายบรรยากาศอันน่าเขินอายระหว่างพ่อลูกสองคน
“เหตุใดไปนานนัก เพิ่งกลับมาก็จะอาบน้ำ อยู่ที่สำนักสังคีตไม่ได้อาบหรือ” อารองสวี่เลิกคิ้วและบ่น
สวี่ซินเหนียนกระแอมทีหนึ่ง ไม่อยากได้ยินพ่อเอ่ยถึงสำนักสังคีต และพูดว่า “ได้กำไรหรือไม่”
อารองสวี่หยุดบ่นทันที และแสดงท่าทางตั้งใจฟังอย่างจริงจังออกมา
สวี่ชีอันบอกข่าวที่ได้รับจากฝูเซียงให้พวกเขาฟัง และบอกแผนของตัวเอง
“แก่นของปัญหานี้คือ เจ้าจะลักพาตัวลูกสนมของเวยอู่โหวคนนั้นได้อย่างไร” สวี่ซินเหนียนชี้ไปที่จุดสำคัญ และพูดแทงใจดำ
“หากอธิบายส่วนนี้ไม่ได้ แผนนี้ก็ไม่อาจสำเร็จลุล่วงได้”
อารองสวี่บ่นพึมพำกับตัวเอง “ส่งคนไปดูก่อน จากนั้นหาโอกาสลงมือ ลูกสนมของเวยอู่โหว ตอนเดินทางจะมีผู้ติดตามรับใช้คอยติดตาม แต่จะไม่เยอะเกินไป นางไม่ใช่ลูกสาวของภรรยาคนแรก พวกเราสร้างความโกลาหล จากนั้นก็ใช้โอกาสนี้ลักพาตัวคน”
สองพี่น้องฟัง ด้านประสบการณ์การจัดการงาน อารองสวี่มีสิทธิ์ในการพูด
“หากลงมือระหว่างวัน ยากมากที่จะลักพาตัวคนในจุดที่เป็นที่สนใจของประชาชนได้ หากยั่วยุกองดาบที่ตระเวนเมือง กลับกันพวกเราจะรับผลกรรมเอง และตอนกลางคืน อาศัยพวกเราสองคนก็ไม่อาจพุ่งเข้าไปในบ้านสกุลโหวยามค่ำคืนได้”
สวี่ชีอันยิ้มอย่างมีเลศนัย “หากข้าแก้ไขปัญหานี้ได้ล่ะ”
…
โถงด้านหน้าบ้านสกุลสวี่ ตอนเหล่าจางคนเฝ้าประตูเดินผ่านแปลงดอกไม้ เขาพบคนรับใช้คนหนึ่งหมดสติอยู่ในแปลงดอกไม้ จึงเข้าไปตรวจดูอย่างตื่นตระหนก และพบว่าเพียงแค่หมดสติไปเท่านั้น
เหล่าจางปลุกอีกฝ่าย และถามว่า “เจ้ามาหมดสติอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร”
สีหน้าของคนรับใช้ว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง ราวกับนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเป็นใคร อยู่ที่ใด เมื่อเผชิญกับคำถามของเหล่าจางจึงเกาหัว
“เมื่อสักครู่นี้ข้ากำลังต้มน้ำให้ต้าหลาง เขากำลังอาบน้ำอยู่ในห้อง ข้าจำได้เพียงแค่ต้าหลางเรียกข้าเข้าไปในห้องกะทันหัน…จากนั้นก็จำไม่ได้แล้ว”
เหล่าจางคนเฝ้าประตูพินิจคนรับใช้ครู่หนึ่ง “เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”
“ปวดหัวเล็กน้อย”
“ปวดก้นหรือไม่”
“…ไม่ปวด”
เหล่าจางกับคนรับใช้มองกันและกัน ราวกับยกภูเขาออกจากอก
…
สำนักโหราจารย์ ซ่งชิงที่รอยคล้ำใต้ตาเข้มขึ้นเรื่อยๆ นอนอยู่ข้างๆ โต๊ะ ด้านบนมีขวดวางระเกะระกะอยู่
วันนี้เขาไม่ได้ทำการทดลองเล่นแร่แปรธาตุ แต่กลับลุกขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างข้างๆ โต๊ะอย่างรวดเร็ว
“เหตุใดผลไม้หลังจากต่อกิ่งจึงดีกว่า เกี่ยวข้องกับกฎสวรรค์อันลึกลับอะไรนั่นหรือ หากของที่ต่อกิ่งออกมาเหนือชั้นกว่าจริงๆ เช่นนั้นข้าต่อกิ่งคนกับม้าเข้าด้วยกัน ต้าฟ่งก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดแคลนม้าศึกอีก”
“ทหารทุกคนต่างเป็นม้า ทั้งโจมตีระยะไกลได้ด้วยตัวเอง ทั้งต่อสู้อย่างกล้าหาญได้ นี่จะเป็นการเพิ่มความสามารถในการสู้รบของกองทัพต้าฟ่ง…”
เขายิ่งเขียนก็ยิ่งตื่นเต้น ใบหน้าของเขาสดใสเปล่งปลั่ง
เวลานี้ มีคนชุดขาวเดินเข้ามา และตะโกนด้วยความตื่นเต้น “ศิษย์พี่ซ่ง สวี่ชีอันผู้วิเศษด้านการเล่นแร่แปรธาตุมา เขาอยากเจอท่าน”
ผู้วิเศษด้านการเล่นแร่แปรธาตุ เป็นชื่อเล่นของสวี่ชีอันที่เหล่าคนชุดขาวของสำนักโหราจารย์เรียก
…………………………………………………
[1] ยามเหม่า คือช่วงเวลา 05.00 น. ถึง 07.00 น.