ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 322 บริษัทล้มละลาย
คำพูดของฉินจุนนั้นไม่ได้เป็นคำคุยโว้โอ้อวด ถังเสินหมายเลข2ก็ไม่สามารถมีชื่อเสียงและโด่งดังได้ตลอดไป เนื่องจากฉินจุนสามารถเขียนถังเสินหมายเลข3ออกมาใหม่ได้ ซึ่งสิ่งที่ได้มาจะมีประสิทธิภาพที่มากกว่า
และตอนนี้อาจารย์ของเขาก็อยู่ข้างๆการ ถ้าหากเย่ซวนหยวนลงมือจริงๆ สิ่งที่ได้ออกมาใหม่มันจะยิ่งพิเศษกว่าแน่นอน ดังนั้นถังเสินหมายเลข2จึงไม่ได้มีค่ามากมายอะไรขนาดนั้น
สีหน้าของจู้หมิงขาวซีด มองไปที่ท่าทางของจู้หลินหลิน ดูแล้วไม่มีวี่แววว่าเธอจะช่วยตนเองเลย เขารีบหยิบโทรศัพท์?ออกมา จากนั้นโทรไปหาคุณปู่
“ฮัลโหล! คุณปู่ซูใช่ไหม ฉันคือจู้หมิง ฉันมีเรื่องให้คุณช่วย….”
“ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด…..”
จู้หมิงยังไม่ทันพูดจบ โทรศัพท์ก็ถูกวางลงไปแล้ว
จู้หมิงต้องการที่จะพึ่งพาตระกูลซู ตอนแรกเขาคิดจะพึ่งพาคุณปู่ท่านที่สองของตระกูลซู ซูจินเลี่ย แต่น่าเสียดายที่เขาตายไปก่อนแล้ว ส่วนคนที่เขาเพิ่งโทรไปเมื่อสักครู่ เขาไม่เคยเห็นคนอย่างจู้หมิงอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
เนื่องจากการตายของซูจินเลี่ยนั้นมีเรื่องเกี่ยวพันกับจู้หมิง หากหากเขาไม่เปิดเผยข้อมูลออกไป ลูกชายของตระกูลซูละตระกูลหัวคงไม่ต้องตาย
เมื่อโทรศัพท์ถูกวางลงไป ตอนนี้จู้หมิงก็เหมือนกับตายทั้งเป็น ตอนนี้เขานั่งเก้าอี้ไม่ติด ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกับคนแก่ที่มีอายุเป็นร้อยๆปี
จบแล้ว จบแล้วจริงๆ เขาได้เงินมาจากซวนหยวนกรุ๊ป 5 พันล้าน ธนาคารอีก 5 พันล้าน รวมเป็นหนึ่งหมื่นล้าน เขาไม่มีทางคืนหมดแน่
อย่างว่าแต่เงินทุกหมุนเวียนเลย ต่อให้ขายบริษัททั้งบริษัทมูลค่าทั้งหมดยังไม่ถึง หมื่นล้านเลยด้วยซ้ำ
แม่งเอ้นจะเอาเงินหมื่นล้านมาจากที่ไหนวะ!
จู้หมิงก้มหน้าลง คิดอยู่สักครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็กดโทรศัพท์โทรออกไปอีกครั้ง
“ผู้จัดการซุน ไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้หรอก ฉันจะประกาศล้มละลายในวันนี้ ทรัพสินทั้งหมดของบริษัทยาตระกูลจู้จะตกเป็นของธนาคาร”
ผู้ถือหุ้นทุกคนตื่นตกใจ
“ประธานจู้ คุณหมายความว่าอย่างไร แล้วหุ้นของพวกเราหละ?”
“ประธานจู้ นี่มันคือเงินเก็บทั้งชีวิตของฉัน ฉันจะต้องเสียมันเพราะคุณแบบนี้เหรอ?”
“ประธานจู้ ไอเวร แม่มึงเอ้ย!”
ผู้ถือหุ่นจำนวนมากอาศัยบริษัทยาตระกูลจู้ในการดำเนินชีวิต ก่อนหน้านี้ในตอนที่อยู่ในมือของจู้หลินหลิน ทุกปีจะมีซองแดงเป็นของขวัญ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวในการดำเนินชีวิต แต่ในตอนนี้หละ? ไม่ต้องพูดถึงซองแดง แค่เงินทุนยังไม่เหลือเลย
ประธานจู้คนนี้ มารับช่วงบริษัทต่อยังไม่ถึง 7 วัน แต่กลับทำให้บริษัทต้องล้มละลาย เขาก็ไม่ต่างอะไรกับขยะคนหนึ่ง!
ผู้ถือหุ้นหลายคนรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาเข้าไปหาจู้หมิงและทุบตีเขาทันที จู้หลินหลินที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ทำเป็นไม่เห็นอะไร เนื่องจากเธอไม่ได้สนใจเขาตั้งแต่แรก
เธอรักบริษัทนี้มาก และให้อะไรมากมาย แต่ก็เหมือนกับที่ฉินจุนพูด คนของตระกูลจู้ไม่รู้จักการตอบแทนบุญคุณ
จู้หมิงถูกลุมทำร้ายจนบาดเจ็บหนัก ผู้ถือหุ้นเหล่านั้นก็ทุบตีเขาจนพอใจ บรรยากาศเงียบลง สายตาของทุกคนมองไปที่จู้หลินหลิน สายตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความหวัง
“ประธานจู้ คุณช่วยพาพวกเราไปด้วย”
“ใช่ พวกเราวางใจคุณมากกว่า จู้หมิงคนนี้มันไร้ค่า”
“ประธานจู้ พวกราไม่อยากไป!”
ทุกคนต่างพูดยกย่องจู้หลินหลินออกมา และเอามาเปรียบเทียบกับจู้หมิง
จู้หลินหลินยิ้มและพูดออกมาว่า
“ได้ ถ้าทุกคนเต็มใจที่จะตามฉันไป ฉันจะสร้างบริษัทยาเหวินเหอขึ้นมาใหม่ และจะไม่เปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นรายเดิมแม้แต่คนเดียว”
ทุกคนที่อยู่ที่นั่นดีใจขึ้นมาทันที!
“ขอบคุณประธานจู้มาก!”
เมื่อจู้หมิงได้ยินผู้ถือหุ้นเหล่านั้นพูดออกมา ความโกรธในใจของเขาก็ลุกขึ้นมาทันที เขาค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก
“จู้หลินหลิน เธอกำลังฝันไปหรือเปล่า เธอคิดว่าเธอเป็นใคร คิดว่าการสร้างบริษัทใหม่ขึ้นมามันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? และเธอคิดว่าซวนหยวนกรุ๊ปกับเมิ่งกรุ๊ปยังมีเงินสำรองให้เธออยู่อย่างนั้นเหรอ?”
แม้ว่าซวนหยวนกรุ๊ปกับเมิ่งกรุ๊ปจะฟื้นตัวแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่ในสถานะกำลังฟื้นตัว อย่าไปพูดถึงพันล้านเลย แค่เอาเงินออกมาสองสามน้อยล้านก็แทบตายแล้ว
ในจำนวนผู้ถือหุ้นที่อยู่ที่นี่ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นผู้ถือหุ้นเก่าของบริษัทยาเหวินเหอ ส่วนมากอยู่ในบริษัทยาตระกูลจู้ เมื่อก่อนเขาอยู่กับคุณย่าและจู้หมิง หากเอาจำนวนของผู้ถือหุ้นทุกคนมารวมตัวกัน อย่างน้อยๆต้องใช้เงินถึง 1 หมื่นล้าน
และยิ่งไปกว่านั้นเงิน 1 หมื่นล้านจะต้องหามาได้ในคราวเดียวบริษัทถึงจะสามารถฟื้นตัวได้ จู้หลินหลินมีเงินมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ?
จู้หลินหลินยิ้มและพูดออกมา “เรื่องนี้เป็นเรื่องของฉัน ลุงไม่ต้องมาเป็นกังวล ถ้าหากลุงมีเวลาว่างก็เอาเวลานั้นไปจัดการเรื่องล้มละลายดีกว่า!”
จู้หมิงทั้งโกรธและไม่เชื่อว่าคนอย่างจู้หลินหลินจะมีความสามารถในการมาบริหารบริษัทยักษ์ใหญ่แบบนี้เพียงลำพัง!
จู้หมิงไปที่ธนาคาร เขาไปจัดการเรื่องล้มละลายของเขา ตอนนี้ของทุกอย่างในบริษัทตกเป็นของธนาคารไปหมดแล้ว ตามปกติทั่วไปแล้วธนาคารจะนำไปลงในการประมูล แต่ผู้จัดการซุนรู้ว่าจู้หลินหลินมีความตั้งใจที่จะซื้อกิจการ ดังนั้นเขาจึงมาที่บริษัทและถามถึงเรื่องนี้
อย่างไรก็ตามบริษัทนี้ก็ถือเป็นบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่ง ต่อให้ขายออกไปในราคาต่ำอย่างไรเสียมันก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมหาศลาอยู่ดี
ผู้จัดการซุนกลับมาที่บริษัทพร้อมกับจู้หมิง แต่ครั้งนี้จู้หมิงกลับเป็นคนที่มาดูความสนุกที่จะเกิดขึ้นแทน ตอนนี้ที่บริษัทไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเขาทั้งนั้น เขาแค่อยากมาดูว่าจู้หลินหลินจะจัดการกับผู้ถือหุ้นทั้งหมดอย่างไร
ผู้จัดการซุนเดินมาหาจู้หลินหลินและถามออกมาว่า
“ประธานจู้ คุณต้องการรับช่วงต่อของบริษัทยาตระกูลจู้ไหม?”
“ใช่ ราคาเท่าไหร่ คุณบอกมาได้เลย”
“ถ้าตามราคาในท้องตลาด อย่างน้อยๆก็ประมาณ 1500 ล้าน”
“ไม่มีปัญหา”
“ประธานจู้นี่สุดยอดจริงๆ จะจ่ายตอนนี้เลยไหม?”
“รอเดี๋ยวนะ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่มีความลังเลของจู้หลินหลิน จู้หมิงก็ยิ้มและพูดออกมาว่า
“ผู้จัดการซุน คุณอย่าไปฟังที่เธอพูดเลย เธอก็ทำเป็นเก่งไปอย่างนั้นแหละ เธอจะไปเอาเงิน 1500 ล้านมาจากไหน? ถึงต่อให้มี 1500 ล้าน แต่บริษัทมันก็ยังไม่มีอะไรอยู่ดี แล้วมันจะไปมีประโยชน์อะไร? ฉันว่าเธอกำลังล้อเล่นกับคุณอยู่ก็เท่านั้น”
เมื่อจู้หมิงพูดจบ ประตูของห้องประชุมก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง เหล่าปูเฟิงเดินเข้ามา
“คุณใช่คุณหนูจู้ จู้หลินหลินไหม?”
จู้หลินหลินตกใจ “ใช่ ฉันเอง คุณคือนักลงทุนคนนั้นใช่ไหม?”
ก่อนหน้านี้ฉินจุนเคยบอกเธอให้เธอตั้งบริษัทใหม่ และบอกว่าไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทุน แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะมีนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา
เหล่าปูเฟิงพูดออกมาว่า “ใช่ ฉันเป็นนายกรัฐมนตรีจากประเทศอิรัก ฉันมาที่นี่อย่างกะทันหันจึงไม่ได้นำเงินสดติดตัวมามาก นำมาแค่ 2 หมื่นล้านเท่านั้น นี่ถือเป็นการลงทุนล่วงหน้าก่อนไห้ไหม?
ในตอนนั้นทุกคนต่างตื่นตกใจ
2 หมื่นล้าน? ลุงทนเอาไว้ก่อน?
นี่มันจะเกิดไปหรือเปล่า?
“โม้หรือเปล่า เงินสด 2 หมื่นล้าน จะมีใครมีเงินเยอะขนาดนั้น!”
“นายไม่ได้ยินหรือไงว่าเขาเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศอิรัก! นายไม่รู้จักหรือไง ประเทศน้ำมันใหญ่ แค่ขายน้ำมันเพียงอย่างเดียวก็ไม่รู้จะเอาเงินไปไว้ที่ไหนแล้ว!”
“ไม่แปลกเลย เธอลองดูไปที่แหวนเพชรนั่นสิ แถมนาฬิกาอีก แต่ละอย่างมีแต่ของแพงๆทั้งนั้น”
เหล่าปูเฟิงเป็นคนโอ่อ่า ดังนั้นเรื่องที่เขาพกเงินสดมา 2 หมื่นล้าน มันไม่ใช่เรื่องโกหก
เหล่าปูเฟิงหยิบเช็คขึ้นมาหนึ่งใบและยื่นออกมา ในตอนนั้นผู้จัดการซุนอยู่ที่นั่นพอดี เช็คใบนี้ไม่มีทางเป็นของปลอมอย่างแน่นอน และถ้ามันเป็นของปลอม มันก็สามารถดูออกได้อย่างแน่นอน
ผู้จัดการซุนหยิบมันมาดู จากนั้นตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้วเขาก็พยักหน้า
“เช็คถูกต้อง เราจะเซ็นสัญญากันเลยไหม?”
“ได้!”
เมื่อได้ยินว่าเช็คไม่มีปัญหา ทุกคนต่างส่งเสียงออกมาด้วยความดีใจ