ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 325 นายยังไม่ตาย
รปภ. ทั้งสองคนมองหน้ากัน จากนั้นก็พยักหน้า เขาหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเขาก็พูดออกมาว่า
“เชิญด้านในครับ”
รปภ.พาฉินจุนเข้าไปด้านใน ในตอนที่เข้าไปก็ได้ยินเสียงเพลงดังขึ้นมา เป็นเพลงที่เข้าจังหวะมาก ราวกับกำลังเต้นรำในบาร์
ฉินจุนเดินเข้าไปด้านในอย่างใจเย็น
ลานด้านในที่แต่เดิมเป็นสไตล์โบราณตอนนี้ได้ถูกดัดแปลงไปโดยสิ้นเชิง
สระน้ำเล็กๆถูกเปลี่ยนเป็นสระว่ายน้ำ ล้อมรอบด้วยลูกโป่ง เค้ก เครื่องเสียง และโต๊ะอาหาร
นี่มันคือปาร์ตี้สระน้ำ
สาวสวยจำนวนไม่น้อยเดินไปเดินมา ในมือของพวกเธอถือเค้กกับเหล้า และยังมีสาวสวยจำนวนไม่น้อยที่เดินผ่านมาและส่งสายตาให้กับฉินจุน
ที่เก้าอี้นอนข้างๆสระน้ำมีชายหนุ่มคนหนึ่งนอนใส่แว่นกันแดดสีดำอาบแดดอยู่ รอบๆของเขามีสาวสวยอยู่หลายคน คอยป้อนอาหารและสุราให้เขา บางครั้งพวกเธอก็ใช้เนื้อหนังของพวกเธอถูเข้าไปที่ร่างกายของชายหนุ่มคนนั้น
ฉินจุนเดินเข้ามา เมื่อเห็นชายผมเหลืองคนนั้นก็พูดออกมาว่า
“นายคือซูหยวนหวู่ใช่ไหม?”
ซูหยวนหวู่คนนี้มัศักดิ์สูงกว่าฉินจุนอยู่หนึ่งรุ่น เขาเป็นคนรุ่นที่สองของตระกูลซู และเป็นคนสุดท้อง ถ้าเอาจริงๆฉินจุนจะต้องเรียกเขาว่าลุง
แต่เนื่องจากเขายังอายุน้อย แค่ประมาณ 30 กว่า โตกว่าฉินจุนเพียงไม่กี่ปี เขาเป็นเสมือนคุณชายของตระกูลซู ไม่มีความสามารถใดๆ ทำได้แค่กินดื่มไปวันๆ
ซูหยวนหวู่ถอดแว่นตาออกมา มองไปที่ฉินจุน เขาตกใจเล็กน้อย
“นายยังไม่ตาย?!”
หลังจากที่ต้วนเป่าตงตายไปแล้ว เขาก็กลายเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลซู และเขาหวังว่าจากนี้ไปเข้าจะสามารถปกครองตระกูลและขึ้นเป็นผู้นำได้
และต้อนนี้สถานการณ์ที่ตงไห่ก็ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ตระกูลซูของเขากำลังฟื้นฟูและกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง หลังจากนั้นเขาก็จะได้เป็นผู้นำในอนาคต
ส่วนเศษเดนอย่างตระกูลจินมีสิทธิอะไรจะมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านอันแสนหรูหราเช่นนี้?
ดังนั้นทันทีที่เขาได้ยินข่าวการตายของฉินจุน ซูหยวนหวู่จึงเข้ามายึดพื้นที่แห่งนี้ทันที และใช้ชีวิตกับมันอย่างมีความสุข
ฉินจุนยิ้มและพูดออกไปอย่างเยือกเย็นว่า “คนตระกูลซูอย่างพวกนายยังมีชีวิตอยู่เลย แล้วทำไมคนอย่างฉันจะต้องรีบตายไปด้วยหละ?”
พูดจบฉินจุนก็เดินเข้าไปตบที่ไหล่ของซูหยวนหวู่
เมื่อมือของฉินจุนสัมผัสลงบนไหล่ของซูหยวนหวู่ นิ้วทั้ง 5 ของเขาก็เหมือนกับหนามที่ทิ่มแทง ซูหยวนหวู่ร้องออกมาทันที
“อ้า!”
อาการปวดที่รุนแรงเกิดขึ้นทันที ร่างกายของเขามีเหงื่อไหลออกมามากมาย ผู้หญิงที่อยู่รอบๆของเขาต่างตื่นตกใจ ยืนอยู่กับที่ไม่กล้าขยับตัว
“รีบไสหัวไป”
ฉินจุนตะโกนออกมา เมื่อพวกเธอได้ยินแบบนั้นก็รีบวิ่งออกไปทันที
ตอนนี้เหลือไว้เพียงแค่ซูหยวนหวู่เพียงคนเดียว
ซูหยวนหวู่ตะโกนออกมาว่า “รปภ. พวกแกมัวทำอะไรอยู่!”
หลังจากที่ รปภ. ที่อยู่รอบๆได้ยินแบบนั้นก็รีบถือกระบองและวิ่งเข้ามาหาฉินจุนทันที ฉินจุนยื่นมือมาหยิบบัตรธนาคารที่อยู่ในกระเป๋าออกมาและโยนออกไป
รปภ. เหล่านั้นล้มลงกับพื้นทันทีราวกับว่าถูกยิง
เมื่อซูหยวนหวู่เห็นฉากที่เกิดขึ้น เขาผงะ เจ้าคนแซ่ฉินนี่มันอะไรกันแน่!
ไหนบอกว่าเขาเป็นหมอ! ทำไมหมอถึงสุดยอดขนาดนี้?
เข็มเงินมันสามารถนำมาเป็นอาวุธฆ่าคนได้อย่างงั้นเหรอ?!?
ฉินจุนเห็นท่าทางเกรงกลัวของซูหยวนหวู่ เขาก็ยิ้มและพูดออกมา
“นายสนใจในเข็มเงินของฉันอย่างนั้นเหรอ? ได้ ฉันจะจัดให้นายเอง”
พูดจบฉินจุนก็หยิบเข็มเงินออกมาสองอัน ปักเข้าไปที่ขาของซูหยวนหวู่
ในตอนที่ฉินจุนบีบไปที่ไหล่ของเขา เขาคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุด
หลังจากที่เข็มเงินปักเข้าไปในหัวเข่าของซูหยวนหวู่ เขาก็รู้ทันทีว่าความเจ็บปวดที่แท้จริงมันคืออะไร
นี่มันเป็นความเจ็บปวดที่เข้าไปยังกระดูกดำ ร่างกายของเขาสั่นสะท้าย ล้มลุกคลุกคลานอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งความเจ็บปวดมันรุนแรงไปถึงขีดสุดและเขาก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
นี่แหละที่เขาเรียกว่าตายทั้งเป็น นี่เป็นการทรมานที่หาอะไรมาเปรียบไปไม่ได้
ภายในเวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น ขาทั้งสองข้างของซูหยวนหวู่ไร้ความรู้สึกไปในที่สุด ราวกับว่าเขาเป็นอัมพาต
แต่สุดท้ายเขาก็รู้สึกดีกว่าเดิม เขาถอนหายใจออกมา
ฉินจุนตบมาที่ไหล่ของซูหยวนหวู่อีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้รุนแรงเหมือนกับครั้งก่อน เป็นการตบเบาๆเพียงเท่านั้น
“สิบปีก่อน นายเองก็เป็นแค่เด็กวัยรุ่น การที่ตระกูลฉินถูกกวาดล้างมันก็คงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาย ดังนั้นฉันจะไว้ชีวิตนาย 1 คน”
“ตอนนี้กลับไปบอกพ่อของนายนะว่าให้เขาเตรียมโลงศพเอาไว้ สามวันหลังจากนี้ฉันจะไปเอาชีวิตเขา”
“ไปซะ”
ฉินจุนพูดจบ ซูหยวนหวู่ก็ดูเคร่งขรึมขึ้นทันที เขาหันหลังและรีบออกไปทันที
เนื่องจากขาทั้งสองข้างของเขายังไม่สามารถขยับได้ เขาทำได้เพียงใช้มือในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าทีละน้อยๆ เขาสวมเพียงกางเกงว่ายน้ำ ไม่ได้สวมเสื้อ หลังจากที่เขาเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ ปีนป่ายที่สูงก็มีเลือดไหลออกมา ดูแล้วมันค่อนข้างลำบากเลย
เมื่อกลับมาถึงบ้านฉินจุนก็โทรไปหาต้วนเป่าตงอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครรับ
ตอนแรกเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เขาควรจะโทรไปหาต้วนเป่าตงแลเพ่ยเหลียงในทันที แต่เนื่องจากพวกเขาทั้งสองคนมีลูกน้องจำนวนมากคงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ดังนั้นเขาจึงเพิ่งจะโทรไปหาตอนนี้
แต่ตอนนี้ทั้งสองคนก็ไม่มีใครรับสาย จึงทำให้ฉินจุนรู้สึกร้อนใจเล็กน้อย
หลงอี้ฮุยเองก็เหมือนกัน เขาไม่รับโทรศัพท์
ฉินจุนหมดหนทาง ทำได้แค่เตรียมตัวที่จะออกไปตามหาพวกเขา หลังจากจัดที่พักอาศัยให้กับอาจารย์ของเขาเรียบร้อยแล้ว ฉินจุนก็ออกไปข้างนอกด้วยตัวคนเดียว
ไปที่ที่ต้วนเป่าตงไปเป็นประจำเขาน่าจะพบเบาะแสอะไรบ้าง ลูกน้องของพวกเขามีเป็นร้อยๆคน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหายไปทั้งหมด?
…..
ในเวลานี้ ในเขตชานเมืองด้านตะวันตกของตงไห่ ตรงทางแยกทางแยกหนึ่ง ตรงนั้นมีสลัมแห่งหนึ่งซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวกันของพวกขอทาน ที่แต่งตัวมอมแมม เสื้อผ้าขาดรุ่ย ร่างกายไม่ครบสามสิบสอง
ขอทานเองก็ถือเป็นอาชีพอาชีพหนึ่ง ซึ่งพวกเขามีชมรมเป็นของตัวเอง ผู้มาใหม่ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์บางประการ
เพื่อนร่วมงานคือศัตรู นี่คือกฎนิรันดร์
ขอทานรูปร่างใหญ่ เอวหนาร่างอ้วนยืนอยู่ตรงกลางของผู้คน ปกติแล้วเขาจะไม่ออกไปขอทาน เนื่องจากร่างกายที่กำยำและดูน่าเกรงขามของเขานั้นทำให้คนอื่นเกรงกลัวเป็นอย่างมาก
และเขาคนนั้นก็คือผู้ควบคุมขอทานทั้งหมด ดังนั้นทุกคนจะต้องฟังคำสั่งของเขา
เมื่อเห็นว่ามีคนมาใหม่สามคน ขอทานคนนั้นก็เดินเข้าไปใช้เท้าสะกิด
“พวกนายสามคนที่มาใหม่ ชื่ออะไรกันบ้าง?”
หนึ่งในนั้นเงยหน้าขึ้นมามอง สายตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่ว่าเขาก็ยังกลั้นมันไว้ได้
“ฉันชื่อหลงอี้ฮุย”
ใช่ สามคนที่เดินเข้ามาในชุมชนของขอทานก็คือ ต้วนเป่าตง เพ่ยเหลียงและหลงอี้ฮุย
หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นที่เมืองหลวง ทั้งสามคนก็ติดกับดัก ถูกกลุ่มอำนาจใหม่ที่ก่อตั้งขึ้นในเมืองหลวงจัดการอย่างอนาถ
คนที่เป็นหัวหน้ามีชื่อว่า เกาเฉิน ตอนแรกเขาก็เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงใจเมืองหลวง แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าเข้ามาในตงไห่
เนื่องจากรับมือกับพวกเขาไม่ทัน ดังนั้นทั้งสามคนจึงต้องมาอยู่ตรงจุดนี้
ต้วนเป่าตงและเพ่ยเหลียงถูกตัดขา ตอนนี้ทั้งสองคนไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ทำได้แค่นั่งติดอยู่กับพื้น
เมื่อก่อนพวกเขาเป็นถึงเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ แต่วันนี้กลับต้องมาขอข้าวคนอื่นกิน มันเป็นความอัปยศ