ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 329 รายชื่อผู้ประกอบการท้องถิ่น
เข็มบินสังหารที่เย่ซวนหยวนพูดถึงนั้น ถ้าจะทำเขาก็ทำมันได้จริงๆ แต่เขาก็ไม่ได้ถูกบังคับให้ทำแต่อย่างใด ปกติแล้วเขาไม่ชอบใช้เข็มเงินมาบั่นทอนชีวิตคนอื่น
คนที่จะทำให้เขาลงมือได้ โดยพื้นฐานแล้วก็จะเป็นพวกที่ชั่วร้ายมากจริงๆ หรือไม่ก็คนที่เขามีความเกลียดชังอย่างมาก
การใช้เข็มบินฆ่าคน มันก็คล้ายกับการใช้อาวุธลับ ฆ่าอีกฝ่ายโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้เตรียมตัว นั้นมันก็เป็นการดูถูกพวกเขาเกินไป
ฉินจุนจึงเลือกที่จะฆ่าโดยการบีบคอของเขา เพื่อให้พวกเขาได้สัมผัสกับความหวาดกลัวก่อนที่พวกเขาจะตาย
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินจุนและเย่ซวนหยวนก็เดินทางมาถึงสถานที่จัดงานเลี้ยงแล้ว
งานคาร์นิวัลประจำปีจัดขึ้นที่สถานีโทรทัศน์ตงไห่ แม้ว่าจะเป็นงานเลี้ยงค็อกเทลก็ตาม แต่มันก็เป็นการถ่ายทอดสด ต้องใช้อุปกรณ์และกล้องจำนวนมาก ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องอยู่ในสตูดิโอ
สถานีโทรทัศน์ตงไห่เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในเมืองตงไห่ มีสามสิบกว่าชั้น สูงมากกว่า 100 เมตร ในเมืองระดับ 2 อย่างตงไห่ ก็ถือว่าเป็นนกกระเรียนในฝูงไก่เลยก็ว่าได้ ดูโดดเด่น ตระกานตา
เมื่อมถึงหน้าประตูทางเข้า ซุนเจี้ยนหมินก็ได้รออยู่ที่ประตูเรียบร้อยแล้ว
เมื่อฉินจุนและท่านอาจารย์ลงจากรถ ซุนเจี้ยนหมินก็รีบเดินไปข้างหน้าทันที
“อาจารย์!”
เย่ซวนหยวนพยักหน้า เขาตบหัวซุนเจี้ยนหมินและขมวดคิ้ว
“นี่ไม่ได้เจอกันกี่ปีแล้วนะ โตขนาดนี้แล้ว ทำไมนายไม่ฝึกกังฟูที่ฉันสอนล่ะ?”
สีหน้าของซุนเจี้ยนหมินเปลี่ยนไปดูเขิลอายทันที ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเมื่อได้เจออาจารย์ต้องโดนอาจารย์สั่งสอนแน่ๆ แต่เขาก็ยังตื่นเต้น
“อาจารย์ เจี้ยนหมินโง่นัก ฝึกยังไงก็ไม่เข้าหัว…”
เย่ซวนหยวนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “น่าขำจริงๆ”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปด้านในงานโดยตรง
เย่ซวนหยวนสอนกังฟูให้พวกเขาแล้วจริงๆ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเรียนรู้และเข้าใจมันได้จริงๆเช่นกัน แม้แต่ชายร่างใหญ่อย่างซุนเจี้ยนหมิน เหอเนี่ยนอิง และเมิ่งเหวินกัง ในสายตาของเย่ซวนหยวน พวกเขาก็ยังอยู่ในระดับ “โง่เขลามาก”
แม้แต่นายพลระดับห้าดาว หวังจินไห่ ในสายตาของเย่ซวนหยวนนั้นก็ถือได้ว่าอยู่แค่ในระดับกลางหรือระดับล่างเท่านั้น
มีเพียงฉินจุนเท่านั้น ที่เย่ซวนหยวนให้การประเมินที่ดีและคิดว่าเขามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ
นั่นเป็นเหตุผลที่รุ่นน้องหลายคนรู้ถึงช่องว่างระหว่างพวกเขากับฉินจุน รู้ว่าศิษย์พี่คนนี้เก่งแค่ไหน
“อาจารย์ เชิญด้านในครับ เดี๋ยวอีกสักครู่ถ้างานคาร์นิวัลเริ่มขึ้น เหล่าศิษย์น้องทั้งหมดก็จะมาพร้อมกันแล้วครับ”
“ศิษย์พี่ คุณไม่เข้าไปด้วยกันเหรอครับ?”
ฉินจุนสายหัว “พวกคุณเข้าไปกันก่อนได้เลย เดี๋ยวผมขอรอเพื่อนอีกคนก่อน”
ซุนเจี้ยนหมินพยักหน้า และพาอาจารย์เข้าไปด้านใน
ส่วนฉินจุนก็ติดต่อกับหวังตงเสวี่ย ไม่นานเธอก็นั่งแท็กซี่มาถึงสถานที่จัดงาน
หวังตงเสวี่ยสวมชุดกี่เพ้า ดูสง่างาม หุ่นเป๊ะมาก ดูมีเสน่ห์และสวยงามมาก
เพราะว่างานนี้เป็นงานที่เป็นทางการ หวังตงเสวี่ยคิดว่าถ้าใส่ชุดเดรสมามันจะดูไม่ค่อนดีเท่าไหร่ ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะใส่กี่เพ้ามา และคิดไม่ถึงว่าผลมันจะดีขนาดนี้ ไม่รู้ว่าตลอดทางมาคนขับแท็กซี่แอบดูเธอกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
หลังจากลงจากรถ สายตาของฉินจุนก็ชื่นชมในตัวเธอเช่นกัน ทำให้หวังตงเสวี่ยหน้าแดงเล็กน้อย
“ฉันแต่งตัวแบบนี้พอใช้ได้อยู่ใช่ไหมค่ะพี่ฉิน?”
ฉินจุนยิ้ม “แน่นอน เคร่งขรึมและสวยมาก”
เมื่อได้รับการชื่นชมจากฉินจุน หวังตงเสวี่ยก็รู้สึกพอใจมากและเธอก็ฉีกยิ้มออกมา
“พี่ฉิน พี่ได้รับบัตรเชิญหรือยังคะ? เราจะเข้าไปได้เหรอค่ะ?”
ฉินจุนหยิบบัตรเชิญในมือออกมาให้เธอดู “ได้สิ”
ที่จริงต่อให้ฉินจุนไม่มีบัตรเชิญ ก็เข้าไปได้สบายๆอยู่แล้ว แต่เพื่อนที่จะเข้าไปพร้อมกับหวังตงเสวี่ย เขาจึงต้องเตรียมตั๋วนี้
เมื่อทั้งสองกำลังจะเข้าไป ทันใดนั้น ก็มีรถเมอร์เซเดสเบนซ์หยุดจอดที่ประตู และก็มีผู้หญิงคนหนึ่งก้าวลงจากรถ เธอสวมแว่นกันแดด หมวกทรงสูง และชุดเดรส ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนเป็นคุณลูกเศรษฐี
ทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นเดินออกมา ก็มีคนมากมายรีบมาถ่ายรูป ราวกับว่าคนพวกนี้กำลังไล่ตามดาราอย่างไงอย่างงั้น
ฉินจุนรู้สึกงงงวยเล็กน้อย “เขาเป็นใคร?”
หวังตงเสวี่ยกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าจะเป็นเป่ยเป่ยนะคะ”
เป่ยเป่ย?
คนรู้จักกันอีกแล้ว
ก่อนหน้านี้เป่ยเป่ยคนนี้เคยช่วยงานจิ้งจอกน้อย แต่ถูกช่องCCTVที่ฉินจุนหามาโจตี ไม่ใช่ว่าเธอถูกตัดสิทธิ์แล้วเหรอ ทำไมเธอถึงมาได้อีก?
สำหรับเป่ยเป่ยคนนี้ไม่ว่าจะยังไงเธอก็ยังเป็นบล็อกเกอร์ที่รู้จักกันดีในวงการนี้ ไม่จะเป็นชื่อเสียงและเครือข่ายของเธอนั้นก็แข็งแกร่งกว่าหวังตงเสวี่ย
ยิ่งไปกว่านั้น เป่ยเป่ยยังเป็นรายการถ่ายทอดสดหลักและเป็นบล็อกเกอร์ที่หน้าตาดีเต้นเก่งและร้องเพลงได้ ส่วนบล็อกเกอร์ด้านอาหารอย่างหวังตงเสวี่ยเป็นเพียงผู้บล็อกเกอร์เฉพาะกลุ่มเท่านั้นและในสายตาของเธอก็เทียบอะไรกับเธอไม่ได้เลย
แม้ว่าเป่ยเป่ยจะแพ้อย่างย่อยยับในตอนนั้น แต่สำหรับเธอแล้ว เธอก็แค่ให้เพื่อนของเธอจัดการเรื่องบัตรเชิญให้ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเธอเลย สามคนมาขอจดหมายเชิญ ซึ่งไม่มีอะไรเลย
เป่ยเป่ยลงจากรถและเธอก็ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนพวกเขาเข้ามาขอลายเซ็นและถ่ายรูปกับเธอโดยมีบอดี้การ์ดรายล้อมอยู่ตลอดเวลา
ผิดกับหวังตงเสวี่ยที่ลงจากรถและมีเพียงฉินจุนเท่านั้นที่มารับเธอ ช่องว่างระหว่างทั้งสองนั้นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนมาก
แน่นอนว่าแฟน ๆ ของเป่ยเป่ยเหล่านี้ ทุกคนได้รับค่าตอบแทนเพื่อให้มาสร้างภาพลักษณ์ที่ได้เหมือนกับว่าได้รับความนิยมอย่างมากเท่านั้นเอง
เมื่อเธอเดินมาถึงทางเข้า เป่ยเป่ยก็เห็นหวังตงเสวี่ย ในตอนนี้เธอก็ยิ้มเยาะออกมา
“โอ้ นี่ไม่ใช่ ตงเสวี่ยที่มีชื่อเสียงหรอกเหรอ ทำไมกัน ระดับCCTVอย่างคุณ ก็มาร่วมงานปาร์ตี้เล็กๆ แบบนี้ของเราด้วยงั้นเหรอ?”
เป่ยเป่ยเป็นพูดด้วยท่าทีแปลก ๆ เพราะคำพูดที่เธอพูดดูเหมือนกะแอบเหน็บแนมและยังฟังดูประชดประชัน ดูเหมือนว่าเธอกำลังยกยอหวังตงเสวี่ย แต่จริงๆ แล้วมันเป็นการเยาะเย้ยเธออยู่
แต่หวังตงเสวี่ยก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแต่ยิ้มออกมาด้วยความอึดอัด
“บล็อกเกอร์ตัวเล็กๆอย่างฉันจะไปอยู่บนหน้าจอCCTVได้ยังไงกันคะ?”
เป่ยเป่ยยิ้มเยาะอีกครั้ง “โอ้ เธอก็ยังมีสติดีนะ ที่รู้ว่าตัวเองเป็นแค่บล็อกเกอร์ตัวเล็กๆ ในเมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ในระดับไหน ต่อไปก็อย่าไปยั่วโมโหใครเขา จำไว้ซะ”
เป่ยเป่ยเหลือบไปที่ฉินจุนซึ่งอยู่ถัดจากหวังตงเสวี่ยและถอนหายใจอย่างเย็นชา “ทำไมคุณถึงยังพาคนอื่นมาที่นี่ด้วย? หรือว่าผู้จัดงานไม่ได้บอกคุณเหรอว่าบล็อกเกอร์ไม่สามารถควงคู่กับผู้ชายได้?”
หวังตงเสวี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง เพราะมีกฎดังกล่าวอยู่จริง แต่เป่ยเป่ยเองก็ควงชายอ้วนมาด้วยเช่นกัน
“คุณเองก็ไม่ได้ควงผู้ชายมาเหมือนกันเหรอคะ?”
เป่ยเป่ยยิ้มเยาะ “นี่เธอเอาตัวเองมาเทียบกับฉันงั้นเหรอ นี่เป็นอันดับที่ 5 ในรายการ Tigerfish Live ของเราในปีนี้ ผู้บริหารของ บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลินเคอ จางซิ่น ผู้บริหารจาง ผู้บริหารของบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลินเคอเธอรู้จักใช่ไหม ไม่ปลาเน่าอย่างเธอจะมาเทียบได้ ”
หวังตงเสวี่ยขมวดคิ้ว เธอคิดว่าเป่ยเป่ยคนนี้ค่อนข้างก้าวร้าว และคำพูดของเธอก็ดูน่าเกลียดเกินไป ต่างจากรูปลักษณ์ที่สุภาพๆในห้องถ่ายทอดสดอย่างสิ้นเชิง
เมื่อก่อนหวังตงเสวี่ยก็เคยร่วมบล็อกเกอร์แบทเทิล ส่วนใหญ่ก็เล่นกันสนุกสนาน ไม่มีใครสนใจว่าจะชนะหรือแพ้ ชนะหรือแพ้เป็นเพียงสื่อโฆษณาชวนเชื่อ แต่คนอย่างเป่ยเป่ยนี่หายากจริงๆ
เมื่อจางซิ่นทีมีพุง เดินผ่านหวังตงเสวี่ยและเห็นใบหน้าที่ไม่มีใครเทียบได้ของเธอ มันก็จั๊กจี้หัวใจของเขาและเขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“หวังตงเสวี่ยใช่ไหม? หากคุณสนใจเราสามารถเป็นเพื่อนกันได้ นะ ต่อไปฉันจะเข้าไปห้องถ่ายทอดสดของคุณบ่อยๆและให้รางวัลแก่คุณได้หลายหมื่นรายการในทุกๆเดือน ”
“แน่นอน ถ้าคุณมีเวลาพาฉันไปกินและดื่มเป็นครั้งคราวได้ ฉันก็ยินดีจ่ายเงินให้คุณมากขึ้น ”
จางซิ่นยิ้มอย่างคลุมเครือ แม้ว่าเขาจะพูดอย่างอ้อมๆ แต่ใครจะไม่เข้าใจความหมายของคำพูดของเขากัน?
ไม่มีอะไรมากไปกว่าการต้องการที่จะให้ หวังตงเสวี่ยไปนอนกับเขา แล้วเขาก็จะให้เงินกับเธอได้
หวังตงเสวี่ยรู้สึกขยะแขยงกับพวกผู้ชายแบบนี้ที่สุด เธอขมวดคิ้ว ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว หน้าตาดูรังเกียจ
เมื่อจางซิ่นเห็นแบบนั้น เข็มก็ยิ้มเยาะออกมา “หึ ไม่เห็นค่าความหวังดีของคนอื่น”
หวังตงเสวี่ยรีบเตรียมที่จะเข้าไปในงานแล้ว เธออยากอยู่ให้ห่างจากความคิดบ้าๆประเภทนี้
เป่ยเป่ยพูดจากด้านหลัง “คุณจาง คาร์นิวัลปีนี้ คงไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเข้าไปได้หรอกนะคะ?”
จางซิ่นพยักหน้า “นอกจากบล็อกเกอร์อย่างพวกคุณแล้ว มีเพียงสิบอันดับแรกในรายชื่อผู้ประกอบการท้องถิ่นเท่านั้นที่มีสิทธิ์มาเป็นแขก”