ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 348 เด็กแค่ไหน?
ภายใต้การจับจ้องอย่างคาดหวังของทุกคน ฉินจุนก็เดินออกมาจากหลังเวที เขาสวมเสื้อกาวน์สีขาว เนกไทสีน้ำเงิน และสวมหน้ากากบนใบหน้า
ทันใดนั้นทุกคนก็ต้องผิดหวัง ศาสตราจารย์ฉินผู้นี้ลึกลับมาก สวมหน้ากากเนี่ยนะ?
หลินเยวี่ยเหยาก็อยากรู้อยากเห็นมากเช่นกัน แต่เธอก็มองเห็นใบหน้าของศาสตราจารย์ฉินไม่ชัด เธอจึงก็ค่อนข้างผิดหวัง
ที่ฉินจุนใส่หน้ากาก นอกจากจะสามารถปกปิดตัวตนของตัวเองได้แล้ว ยังมีข้อดีอีกอย่างคือเขาสามารถปกปิดอายุของตัวเองได้
หากขึ้นมาแล้วให้ผู้เชี่ยวชาญที่อาวุโสเหล่านั้นเห็นใบหน้าเด็กของเขา มันคงจะต้องใช้เวลามากในการอธิบาย
ฉินจุนขึ้นมานั่งบนแท่นเวทีหลัก และพูดจาฉะฉาน
“แพทย์แผนจีนโบราณเป็นการใส่ใจรักษาอาการจากต้นเหตุ”
“ถ้าหากสามารถรักษาได้จากสาเหตุแก่นแท้ของโรค มันจะเป็นวิธีที่เร็วที่สุด ง่ายที่สุด และเป็นอันตรายกับร่างกายน้อยที่สุด”
“ยกตัวอย่างเช่น มีคนไข้รายหนึ่งมักมีอาการลำไส้อักเสบ ไม่ว่าจะรักษาอย่างไรก็ยังป่วยอยู่บ่อยๆ แต่หลังจากวินิจฉัยพบว่าผู้ป่วยชอบทานอาหารรสเผ็ด และชอบดื่มน้ำเย็น”
“นี่ก็สามารถหาสาเหตุของโรคได้ หากสาเหตุของโรคไม่หายไป โรคก็จะไม่มีวันหาย ดังนั้นตราบใดที่ผู้ป่วยเลิกทานอาหารรสเผ็ด และน้ำเย็น อาการก็จะหายได้เองโดยไม่ต้องใช้ยา”
“เมื่อเทียบกับแพทย์แผนตะวันตกแล้ว ทั้งให้คุณกินยา และปล่อยให้คุณกินเผ็ดและดื่มน้ำเย็นได้ตามใจ แบบนี้จะยิ่งทำให้ร่างกายของคุณมีแต่แย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้นการรักษาโรคจากต้นตอของสาเหตุจึงเป็นความตั้งใจดั้งเดิมของการแพทย์แผนจีน”
เมื่อฉินจุนพูดจบ ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวทีก็ปรบมือทันที รวมถึงผู้เชี่ยวชาญอาวุโสหลายคนบนเวทีก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
แพทย์อาวุโสซุนชางไห่แห่งโรงพยาบาลมะเร็งพูดเสียงเบา “ผู้อาวุโสเหยียน ผมได้ยินมาว่าคุณเคยเจอกับชายผู้นี้แล้วเหรอครับ? เขาเป็นยังไงบ้าง?”
ผู้อาวุโสเหยียนถอนหายใจ บนใบหน้ามีสีหน้าชื่นชมยินดี และยกนิ้วโป้งขึ้นมา
“อย่ามองว่าเขายังเด็กเลย เขามีความสามารถจริงๆ”
ซุนชางไห่ขมวดคิ้ว “ยังเด็ก? เด็กแค่ไหนกัน? เขายังเด็กกว่าข่งฝานหลินอีกเหรอ?”
ตอนนี้ข่งฝานหลินยืนอยู่ข้างหลังหลินจุนในฐานะผู้ช่วย ทุกคนต่างก็สงสัยอย่างมากเพราะข่งฝานหลินเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนที่อายุน้อยที่สุดในแวดวงนี้แล้ว หลายคนต่างก็เอาเขาเป็นแบบอย่าง สามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญการแพทย์แผนจีนก่อนอายุ 45 ได้ก็คือชีวิตที่ใฝ่ฝันแล้ว
แต่ฟังจากคำพูดของผู้อาวุโสเหยียนก็ดูเหมือนศาสตราจารย์ฉินคนนี้จะอายุน้อยกว่าข่งฝานหลินอีกนะ?
ผู้อาวุโสเหยียนพยักหน้า พูดด้วยใบหน้าขี้เล่น
“อายุน้อยกว่าข่งฝานหลินเยอะ ศาสตราจารย์ฉินอายุยังไม่ถึง 30 เลย”
“อะไรนะ!”
ทันใดนั้นทุกคนก็ตกใจมาก อายุยังไม่ถึง 30 ?
ล้อเล่นเหรอ แพทย์แผนจีนที่อายุยังไม่ถึง 30 ก็กล้าเรียกตัวเองว่าศาสตราจารย์เหรอ?
อายุไม่ถึง 30 ปี ถึงจะเริ่มเรียนแพทย์ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แต่ก็ใช้เวลาแค่ 20 ปีกว่าๆ จะมาเทียบกับพวกเขาที่เข้าวงการนี้มา 50 หรือ 60 ปีได้เหรอ? คนแบบนี้จะมาเป็นหัวหน้าแพทย์ผู้บรรยายหลักได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของผู้อาวุโสเหยียนทำให้ทุกคนไม่พอใจมาก ฉินจุนยังเด็กเกินไปที่จะทำให้คนอื่นๆ เชื่อถือและศรัทธา
ทุกคนต่างกระซิบกระซาบกัน แต่ไม่ได้ก่อความวุ่นวายมากนัก เพราะยังไงนี่ก็เป็นการออกอากาศสด
ฉินจุนอธิบายทฤษฎีง่ายๆ ในตอนแรกทุกคนก็ค่อนข้างมั่นใจและเห็นด้วยกับเขา แต่เมื่อได้ยินเกี่ยวกับอายุของฉินจุนแล้ว พวกเขาก็รู้สึกทันทีว่าเขาท่องจำสิ่งเหล่านี้มาพูด
พิธีกรเสี่ยวหลานพูด “ศาสตราจารย์ฉินได้พูดเกี่ยวกับทฤษฎีต่างๆ มากมายแล้ว ต่อไปพวกเราเชิญผู้ป่วยท่านหนึ่งขึ้นมาลองรักษาจริงกันเลยดีกว่าค่ะ มาดูกันว่าการแพทย์แผนจีนจะรักษาโรคได้อย่างไร”
“เชิญคนไข้ด้านบนเวทีค่ะ”
เมื่อสิ้นเสียงของเสี่ยวหลาน ชายชราคนหนึ่งก็เดินขากะเผลกขึ้นมาบนเวที
ชายชราคนนี้ดูเหมือนจะอายุมากกว่าหกสิบปี ใบหน้าของเขาแดงก่ำ แต่ในขณะที่เขาเดินขากะเผลกนั้นใบหน้าของเขาก็แสดงออกว่าเจ็บปวด
ผู้ป่วยเดินไปนั่งลงข้างฉินจุน ฉินจุนมองขึ้นลงอย่างพิจารณาและถามคนไข้
“เจ็บขาเหรอครับ?”
ชายชรานวดหัวเข่า และพยักหน้า
“โรคไขอักเสบน่ะ เป็นมานานแล้ว!”
ฉินจุนได้กลิ่นเหล้าบนตัวของชายชรา “ขอวัดชีพจรก่อนนะครับ”
เนื่องจากรายการนี้คนวัยกลางคนและผู้สูงอายุให้ความสนใจเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นผู้ป่วยรายแรกจึงเป็นผู้สูงอายุเพื่อเรียกเรทติ้งรายการ เพื่อดึงดูดผู้ชม รายการจึงหาคนชราที่เป็นโรคที่พบได้บ่อย คือโรคข้ออักเสบ
หลังจากที่ฉินจุนตรวจชีพจรแล้ว เขาก็ขมวดคิ้ว และส่ายหัว
“คุณตาครับ คุณไม่ได้เป็นโรคข้ออักเสบ”
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง ไม่ใช่โรคข้ออักเสบเหรอ?
ซุนชางไห่ทนไม่ไหมแล้ว เขาจึงพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ทำไมถึงไม่ใช่โรคข้ออักเสบล่ะ? อาการข้ออักเสบ จะปวดข้อกระดูก เกร็ง สูญเสียการทำงาน อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า คุณตาคนนี้แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นไขข้ออักเสบ คุณคงไม่ได้วินิจฉัยผิดใช่ไหม?”
เมื่อซุนชางไห่พูดขึ้นมา ทุกคนต่างก็ประหม่าทันที นี่คือรายการสดนะ ทำไมซุนชางไห่คนนี้ยังใส่อารมณ์อย่างนี้อีก!
ผู้กำกับเกาก็ขมวดคิ้วอยู่ด้านล่างเช่นกัน โปรดิวเซอร์หลายคนต่างก็ตื่นตระหนก และโบกมือให้ผู้กำกับเพื่อถามว่าต้องการยุติการถ่ายทอดสดหรือไม่
ผู้กำกับเกาก็คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว เป็นเรื่องปกติที่จะถามคำถาม ที่สำคัญก็ขึ้นอยู่กับว่าศาสตราจารย์ฉินจะแก้ไขอย่างไร
ผู้ชมด้านล่างเวทีต่างก็เงียบ ตอนแรกคิดว่าจะเป็นการอภิปรายการแพทย์แผนจีนอย่างนุ่มนวล คิดไม่ถึงว่าจะมีการขัดแย้งกันแบบนี้ด้วย
ซุนชางไห่คนนี้เป็นคนอารมณ์ร้ายที่รู้จักกันดีในวงการแพทย์แผนจีน เขารู้สึกไม่พอใจที่สุดที่เห็นคนเหล่านั้นอ้างตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ และเขายังเลื่องชื่อในฐานะผู้ต่อต้านการปลอมแปลงอีกด้วย
ใครก็ตามที่แสร้งทำเป็นศาสตราจารย์โดยปกติแล้วจะต้องเจอกับเขาสักหน่อย เพราะเขาเป็นศาสตราจารย์แพทย์แผนจีนที่แท้จริง หากอีกฝ่ายไม่มีความสามารถที่สูงจริงๆ เมื่อถูกเขาว่าแบบนั้นก็จะรนจนเหงื่อออกไปทั้งตัวแล้ว
หลินเยวี่ยเหยาและเย่หวันเอ๋อที่นั่งอยู่ท่ามกลางผู้ชมต่างก็กังวลขึ้นมา นี่เป็นการถ่ายทอดสดนะ และซุนชางไห่คนนี้ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียง หากฉินจุนไม่สามารถตอบได้จะทำอย่างไรล่ะ เพราะมันออกอากาศไปแล้ว
เมื่อเจอคำถามของซุนชางไห่ไป ฉินจุนก็ยิ้มบาง ๆ
“การมีปัญหาข้อต่อไม่จำเป็นต้องเป็นโรคข้ออักเสบเสมอไป มีหลายโรคที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้”
หลังจากพูดจบ ฉินจุนก็ถามคนไข้
“อุจจาระเป็นปกติไหมครับ?”
ชายชราดูเขินอาย “ไม่ครับ ถ่ายยาก”
ฉินจุนพยักหน้า
“คุณถ่ายลำบากมาเป็นเวลานาน เกิดความร้อนในอวัยวะภายใน และความร้อนไม่มีทางออก ดังนั้นความร้อนจึงไหลออกทางข้อต่อ และเมื่อร่างกายภายนอกปะทะกับลมเย็น ความเย็นปกคลุมความร้อนไว้ จึงทำให้เป็นโรคเกาต์”
คำพูดของฉินจุนทำให้ทุกคนตะลึง
โรคเกาต์?
ทุกคนต่างก็เคยเจอคนเป็นโรคเกาต์ โรคเกาต์จะปวดเท้า ไม่ใช่ปวดหัวเข่า แม้ว่าอาการทั้งสองจะคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในบางจุด
ซุนชางไห่ขมวดคิ้ว แม้ว่าคำพูดของฉินจุนจะดูสมเหตุสมผล และดูมีหลักฐานเชื่อถือได้ แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“โรคเกาต์คืออาการปวดที่ปลายส้นเท้า แต่ตอนที่คนไข้ขึ้นมาเขากุมที่เข่านะ คุณจะอธิบายได้อย่างไร?”
ฉินจุนพูด “เมื่อกี้ผมบอกไปแล้วว่าอาการปวดเข่าของเขาเป็นเพียงอาการแทรกซ้อน กล่าวคือโรคข้ออักเสบนั้นมีอยู่จริงๆ แต่เพราะว่าเขาเป็นโรคเกาต์จึงทำให้เขาเป็นโรคข้ออักเสบ ถ้าหากรักษาตามโรคข้ออักเสบ มันจะเป็นการรักษาตามอาการมากกว่ารักษาที่ต้นเหตุ เมื่อรักษาโรคไขข้ออักเสบหายแล้ว แต่โรคเกาต์ยังไม่หาย อาการก็จะกำเริบอีก”
ซันชางไห่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็นั่งลง ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เขาคิดในใจว่าสิ่งที่เด็กคนนี้พูดนั้นก็ค่อนข้างสมเหตุสมผล