ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 349 ศาสตราจารย์ฉินผู้ตรงไปตรงมา
เมื่อต้องเผชิญกับคำถามของผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนเช่นนี้ แล้วยังสามารถสงบสติอารมณ์ได้ถ้าไม่ใช่เพราะมีจิตใจที่มั่นคง ก็ต้องมีความมั่นใจมาก
เห็นได้ชัดว่าฉินจุนดูเหมือนจะเป็นอย่างหลังมากกว่า
ด้านล่างเวทีไม่มีใครสงสัยแล้ว ฉินจุนจึงซักถามอาการต่อไป
“ปกติดื่มเหล้าใช่ไหมครับ?”
ชายชรายิ้ม “ดื่มครับ แต่ดื่มน้อยๆ มื้อละสองแก้ว ผมอายุมากแล้ว ดื่มเหล้าขาวสักหน่อยก็ดีต่อร่างกายน่ะครับ สามารถทำให้หลอดเลือดอ่อนลงได้”
ฉินจุนยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร และถามซ้ำ
“ปัสสาวะมีฟองและมีกลิ่นไหมครับ?”
โปรดิวเซอร์หลายคนขมวดคิ้วและพูดกับผู้กำกับ “ผู้กำกับเกาครับ นี่มันถ่ายทอดสดนะ เดี๋ยวก็ปัสสาวะเดี๋ยวก็อุจจาระ มันดูหยาบคายเกินไปหรือเปล่า?”
ผู้กำกับเกาไม่ได้สนใจ “นี่คือการรักษา ไม่ใช่เพื่อการแสดงความสามารถ คนกินข้าวไป แน่นอนว่ากินดื่มเข้าไปก็ต้องถ่ายออกสิ มันมีอะไรหยาบคายตรงไหน หรือคุณไม่ขี้?”
โปรดิวเซอร์หน้าแดงทันทีเมื่อผู้กำกับเกาพูดแบบนั้น และไม่พูดอะไรอีก
ชายชรากล่าวว่า “มีฟองครับ และก็มีกลิ่นแรงมาก”
ฉินจุนพยักหน้า หยิบปากกาและกระดาษออกมา เขียนใบสั่งยา จากนั้นก็พูดว่า
“ถ้าอยากดีขึ้นก็ต้องหยุดดื่มเหล้า คุณทำได้ไหมครับ?”
ชายชราชะงักไปครู่หนึ่ง “อาการป่วยของผมเกี่ยวอะไรกับการดื่มเหล้าเหรอครับ? ผมดื่มไม่เยอะนะ”
ฉินจุนพูด “งั้นก็ถือโอกาสนี้แก้ข่าวลือเลยแล้วกันนะครับ ที่คุณเพิ่งบอกว่าดื่มเหล้านิดหน่อยนั้นดีต่อร่างกาย ทำให้หลอดเลือดอ่อนลงอะไรนั่นเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น”
“เหล้าก็คือเหล้า แอลกอฮอล์ไม่ได้ส่งผลดีต่อร่างกายมนุษย์ แม้ว่าคุณจะจิบแค่นิดเดียวมันก็เป็นอันตรายต่อคุณเช่นกัน และที่มีข่าวลือนี้ออกมาก็เห็นได้ชัดคือว่ามาจากพวกที่ชอบดื่มเหล้านั้นแต่งขึ้นมาเพื่อหาเหตุผลในการดื่มเหล้าเท่านั้น”
ทันทีที่ฉินจุนพูดออกมาแบบนี้ ผู้ชมก็หัวเราะทันที
คิดไม่ถึงว่าศาสตราจารย์ฉินจะมีอารมณ์ขันอย่างนี้ ตอนแรกคิดว่ารายการงานอภิปรายด้านการแพทย์ในครั้งนี้จะจริงจังมาก แต่คิดไม่ถึงว่าค่อนข้างผ่อนคลายและมีอารมณ์ขันอย่างนี้
ชาวเน็ตหลายคนที่ดูการถ่ายทอดสดบนแพลตฟอร์มก็หัวเราะไม่หยุด และเริ่มคอมเม้นท์กันเข้ามา
“ศาสตราจารย์ฉินคนนี้นี่ตรงไปตรงมาดีจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆ!”
“เตือนศาสตราจารย์ฉิน คุณถูกครอบครัวคนที่รักเตะออกจากแชทกลุ่มแล้ว”
“รายการนี้น่าสนใจมาก ต่อไปศาสตราจารย์ฉินเป็นไอดอลของฉันแล้ว ติดตามศาสตราจารย์น่าสนใจกว่าการตามดาราตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ?”
“……”
ชายชราเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มแห้ง “ถ้ามันปวดเพราะดื่มเหล้าจริงๆ งั้นก็ไม่ต้องดื่มมันแล้วเหล้าเนี่ย”
ร่างกายคือสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ชายชรารับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดของโรคเกาต์เป็นอย่างดี ดังนั้นไม่ดื่มเหล้าก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย
ฉินจุนพูด “ผมเขียนใบสั่งยาให้คุณ 2 ตัว คือ อินเฉินอูหลิงส่าน และป๋หู่เจียเฉิงชี่ทัง ดื่มยาตามใบสั่งเป็นเวลาสิบวัน เลิกดื่มเหล้า และงดการรับประทานอาหารที่มีพิวรีนสูง จะเห็นผลในสามวัน และจะหายภายในหนึ่งเดือน
ชายชราพยักหน้าซ้ำๆ “ขอบคุณครับ ขอบคุณครับหมอ!”
ซุนชางไห่แปลกใจเล็กน้อย “คุณช่วยเอาใบสั่งยาให้เราดูหน่อยได้ไหม?”
ฉินจุนพยักหน้า และยกมือขึ้นเป็นท่าทางหมายความว่าให้พวกเขาดู
ชายชราจึงยื่นใบสั่งยาไปให้พวกเขาดู เหล่าผู้เชี่ยวชาญก็ลุกขึ้นยืนและมารวมตัวกันเพื่อตรวจสอบดูทันที ทุกคนต่างก็พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
ใบสั่งยานี้ดีจริงๆ เป็นยาที่อ่อนโยนและได้ผลดีมาก มีส่วนผสมของกากเหล้าด้วยเพื่อบรรเทาอาการติดแอลกอฮอล์ของชายชราโดยที่ไม่ได้ทำร้ายร่างกาย เป็นการปรุงขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ
สามารถออกใบสั่งยาได้อย่างนี้ โดยการขีดเขียนออกมาอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มคนนี้ที่ถูกเรียกว่าศาสตราจารย์นั้นไม่ได้เกินจริงเลย
ทุกคนต่างก็ชมศาสตราจารย์ฉินเป็นเสียงเดียวกัน
ผู้อาวุโสเหยียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นยังไงบ้างผู้อาวุโสซุน ยอมรับเขาแล้วใช่ไหม? ศาสตราจารย์ฉินผู้นี้มีความสามารถจริงๆ ”
ซุนชางไห่ยอมแล้วจริงๆ ด้วยการวินิจฉัยที่แม่นยำของฉินจุน บวกกับใบสั่งยานี้ ผู้ป่วยน่าจะหายดีในเร็วๆ นี้
แต่มีชาวเน็ตจำนวนมากที่อยู่หน้าทีวีก็เริ่มไม่พอใจเล็กน้อย
“แค่เนี้ย? มันไม่ใช่การรักษาสดๆซะหน่อย ยังต้องกลับไปกินยาอีก แพทย์แผนจีนไม่ใช่หมอเทวดาสามารถรักษาให้หายได้ทันทีหรอกเหรอ?”
“นั่นสิ พวกเราอยากดูการฝังเข็ม แบบนี้มันน่าเบื่อ”
“รีบเอาเคสยากมาหน่อยซิ โรคเกาต์มันจะเป็นโรคร้ายแรงอะไรล่ะ ฉันก็รักษาได้ CCTV คงจะไม่ได้มีแค่นี้หรอกใช่ไหม?”
“ตัดแขนตัดขาสักสองสามคนแล้วพามาให้ศาสตราจารย์ช่วยทำให้ฟื้นคืนชีพสิแล้วฉันจะเชื่อ เรื่องธรรมดาๆแบบนี้มันน่าเบื่อเกินไป”
“……”
เพราะสิ่งที่ฉินจุนพูดในรายการนั้นดูเป็นมืออาชีพเกินไป คนในอาชีพเดียวกันฟังแล้วรู้สึกว่ามันเจ๋งมาก แต่คนนอกกลับรู้สึกว่ามันน่าเบื่อหน่ายมาก สุดท้ายเขาก็ไม่ได้รักษาชายชราให้หายได้ทันที เขายังต้องกลับบ้านไปกินยาอีก นี่ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลย
ชาวจีนมีความเชื่อว่าการแพทย์แผนจีนนั้นเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ เช่นเดียวกับกังฟูของจีน ในสายตาของทุกคนถ้ามีความสามารถด้านกังฟู ก็จะสามารถบินข้ามกำแพง และลอยไปเก็บใบไม้และดอกไม้ได้
แต่ในความเป็นจริงแล้วการแพทย์แผนจีนไม่ได้มีฉากการรักษาที่น่าตื่นเต้นแบบนั้นมากนัก ส่วนมากจะเป็นการรักษาแบบธรรมดา ตรวจวินิจฉัย จ่ายยา กลับบ้านไปดื่มยา แล้วจะเห็นผลในสามหรือห้าวัน
แต่เมื่อเป็นรายการโทรทัศน์อย่างนี้มันจึงดูน่าเบื่อ เมื่อผู้กำกับเกาเห็นปฏิกิริยาของชาวเน็ตก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า
“พาคนไข้คนสุดท้ายขึ้นมาก่อนเลย!”
โปรดิวเซอร์หลายคนต่างก็แปลกใจ “ผู้กำกับเกาครับ จะให้เขาขึ้นก่อนจริงๆ เหรอครับ? อันตรายเกินไปไหมครับ?”
ผู้กำกับเกาพยักหน้า อันที่จริงเขาก็เป็นกังวลมาก แต่เมื่อเห็นว่าฉินจุนนั้นเชี่ยวชาญมาก เขาจึงอยากลองดู เพื่อเรทติ้งของรายการ สู้เขา
“เชิญคนไข้รายที่สองค่ะ”
เสี่ยวหลานได้ยินจากในหูฟังแล้ว และเชิญผู้ป่วยพิเศษคนนั้นขึ้นมาทันที
คนไข้รายนี้พิเศษมาก เพราะตอนที่เขาขึ้นมานั้นเขาถูกใส่กุญแจอยู่
ชายหนุ่มคนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบสี่หรือยี่สิบห้า อายุพอๆ กับฉินจุน มีร่างกายที่แข็งแรง ด้านข้างเขามีพ่อที่มีอายุประคองเขาอยู่ ดวงตาของพ่อเขาบอดหนึ่งข้าง และดูเหมือนว่าเขาจะตาบอดมาหลายปีแล้ว
ฉินจุนก็ขมวดคิ้วเช่นกัน ทำไมเขาต้องใส่กุญแจมือขึ้นมาด้วย?
หลังจากที่ขึ้นเวทีมาแล้ว พิธีกรก็เริ่มแนะนำ
“ท่านผู้ชมทุกท่านคะ ไม่ต้องกังวล เหตุผลที่ผู้ป่วยรายนี้ใส่กุญแจมือไว้ไม่ใช่เพราะเขาเป็นนักโทษแต่อย่างใด แต่เพราะเขามีอารมณ์อ่อนไหวง่าย ดังนั้นเขาเป็นคนต้องการใส่มันเองค่ะ”
หลังจากพูดจบ พิธีกรก็ยื่นไมโครโฟนให้ให้เขา “คุณแนะนำตัวเองหน่อยค่ะ”
ผู้ป่วยก้มศีรษะลง ดูหดหู่และเขินอายเล็กน้อย
“ผมชื่อซูเหรินหลง ปีนี้ผมอายุยี่สิบสี่ปีครับ ผมมีอาการป่วยทางจิตเป็นพักๆ ผม… ผมเคยทำร้ายแม่ของผมจนเสียชีวิต แล้วยังทำให้ตาพ่อของผมบอดไปข้างหนึ่งด้วย”
หลังจากพูดจบ ซูเหรินหลงก็คุกเข่าลงบนพื้นและเริ่มร้องไห้
“ได้โปรดช่วยผมด้วยเถอะครับหมอ…”
ด้านล่างเวทีมีแพทย์คนหนึ่งยืนขึ้น “ฉันจำได้แล้ว เขาเป็นคนสติไม่ดีที่เคยออกข่าวเมื่อหลายปีก่อนไม่ใช่เหรอ?”