ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 358 รังแกเธอแล้วจะได้อะไร?
ชายร่างอ้วนอายุประมาณ 40 กว่าปี สวมสร้อยคอ รองเท้าหนัง เข็มขัดแอร์เมส เสื้อและกางเกงราคาแพง ดูเหมือนจะเป็นมหาเศรษฐี
โฮ่วเจียยิ้มออกมา “พ่อ เพื่อนเก่าของฉันหนะ”
หลังจากที่ถูกรับเลี้ยง ฉินญาญ่าก็เปลี่ยนชื่อไปแล้ว แต่ชื่อเล่นของเธอยังจงเป็นเจียเจีย
ชายอ้วนตกใจ คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอเพื่อที่มาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า?
“เอ๋ เด็กคนนี้ก็คงจะถูกรับเลี้ยงใช่ไหม?”
ชายอ้วนเงิยหน้าขึ้นมองฉินจุนและพูดออกมาว่า “ฉันแซ่เหลียง ชื่อว่าเหลียงยี่ เรียนฉันประธานเหลียงก็ได้ นี่ก็จะเข้ามาเรียนที่นี่เหมือนกันเหรอ?”
ไม่ทันรอให้ฉินจุนตอบกลับมา เหลียงยี่ก็หัวเราะ
“สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่นายจะมาเดินเล่นได้หรอกนะ แค่เข้ามาก็ต้องเสียเงินบริจาคอย่างร้อย 2-3 แสนแล้ว ฉันดูแล้วนายเหมือนพวกที่นั่งรถรับจ้างมา แค่รถยังไม่มีเงินซื้อแต่ทำไมถึงกล้าเข้ามาเรียนโรงเรียนที่แพงขนาดนี้?”
เหลียงยี่พูดออกไปตรงๆ เมื่อเห็นว่าฉินจุนยังเป็นหนุ่ม แถวๆนี้ก็ไม่มีรถจอดอยู่ด้วย มองดูแล้วก็ไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร เต็มที่ก็เป็นได้แค่พนักงานบริษัทธรรมดาๆ
ฉินจุนขมวดคิ้ว เขาไม่ได้สนใจกับพวกคนประเภทนี้ เขาจึงขี้เกียจที่จะพูดออกไป
โฮ่วเจียหัวเราะออกมา เธอพูดกับฉินญาญ่าว่า “ญาญ่า ไปซื้อน้ำเปล่าให้ฉันกับพ่อของฉันหน่อยสิ”
ฉินญาญ่ายืนอยู่กับที่ไม่ขยับและกัดฟันแน่น
โฮ่วเจียขมวดคิ้วและตวาดออกมาว่า “ฉันพูดกับเธอ เธอไม่ได้ยินหรือยังไง! ฉินญาญ่า! จะยืนโง่อยู่ทำไม รีบไปสิ!”
ก่อนหน้านี้ในตอนที่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โฮ่วเจียไม่ทำอะไรเลย เธอเอาแต่สั่งให้ฉินญาญ่าเป็นคนทำแทนเธอทุกอย่าง ทั้งซื้อน้ำ ซื้อข้าว ทำความสะอาด เก็บห้อง ทำทุกอย่างที่สามารถแกล้งฉินญาญ่าได้
แต่ในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว ฉินญาญ่าไม่จำเป็นต้องไปฟังคำพูดของเธอ
ฉินญาญ่ากัดฟันและพูดออกมาว่า “ทำไมเธอไม่ไปซื้อเองหละ….”
โฮ่วเจียตะลึง “เธอพูดอะไร! ให้ฉันไปซื้อเอง? ตอนนี้ออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว เธอจะไม่ฟังคำสั่งของฉันแล้วใช่ไหม! ฉินญาญ่า เธอลืมเรื่องที่เคยโดนทำร้ายในเมื่อก่อนหมดแล้วใช่ไหม? ฉันจะถามเธออีกครั้ง เธอจะไปหรือไม่ไป!”
ฉินญาญ่ากัดฟัน “ฉันไม่ไป!”
โฮ่วเจียโกรธขึ้นมาทันที เมื่อก่อนเธอสามารถรังแกฉินญาญ่าได้ ตอนนี้เองก็ยังสามารถทำได้ อย่าคิดว่าออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วจะรอดไปได้!
“ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าเธอจะแน่สักแค่ไหน!”
ทันทีที่เสียงของเธอเงียบลง โฮ่วเจียก็ใช้ฝ่ามือของเธอตบเข้าไปที่แก้มที่อ่อนโยนของฉินญาญ่า
แต่มือของเธอยังไม่ทันได้สัมผัสกับแก้มของฉินญาญ่า ฉินจุนก็ยื่นมือออกไปจับเอาไว้ก่อน
ปัง! และในตอนนั้นใบหน้าของโฮ่วเจียก็มีรอยนิ้วมือของฉินจุนประทับอยู่
เรื่องความขัดแย้งของเด็กๆ ตอนแรกฉินจุนก็ไม่ได้อยากจะเข้ามายุ่งอะไร
แต่ตอนนี้โฮ่วเจียกลับถึงขึ้นลงไม้ลงมือ เด็กอายุ 13 14 แต่ทำนิสัยชั่วร้ายขนาดนี้ ทำร้ายคนอื่น ช่างเป็นเด็กที่ไม่มีคนอบรมสั่งสอนเสียจริง
ถึงแม้ว่าฉินจุนจะไม่ได้ออกแรงอะไร แต่มันก็ทำให้แก้มของโฮ่วเจียช้ำ
สีหน้าของเหลียงยี่เปลี่ยนไป เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “แกกล้ามาทำร้ายลูกของฉัน ตายเสียเธอ!”
ตอนแรกเหลียงยี่คิดจะเข้าไปจัดการกับฉินจุน แต่เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่ดุร้ายของฉินจุน เขาก็สงบลงทันที ตอนแรกบอกว่าจะฆ่าเขาให้ตาย แต่ตอนนี้ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ
“ได้ นายรอฉันเดี๋ยว ฉันจะสั่งให้คนมาฆ่าแก!”
ฉินจุนยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น เขาเบื่อกับคนประเภทนี้เต็มทน เขาชี้ไปที่หน้าของโฮ่วเจียและพูดออกมาว่า
“ถ้าเธอยังกล้ามาทำร้ายญาญ่าอีก ครั้งหน้าฉันจะทำให้มือของเธอใช้งานไม่ได้อีกเลย”
ถึงแม้ว่าการข่มขู่เด็กมันจะไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร แต่ฉินจุนก็จำเป็นจะต้องพูดออกไปเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องไม่ดีในโรงเรียนอีก โดยเฉพาะนิสัยของฉินญาญ่าเอง ถึงแม้เธอจะถูกรังแกแต่เธอก็ไม่กล้าที่จะพูดมันออกมา
ถ้าหากกล้สมารังแกฉินญาญ่าอีกหละก็ ฉินจุนก็ไม่สนแล้วว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่
โฮ่วเจียเดินจับหน้าของตัวเองและก้าวถอยหลังกลับไปด้วยความขมขื่น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความกลัวและความโศกเศร้า เธอโกรธมากแต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เหลียงยี่หยิบโทรศัพท์ออกมา เมื่อเขาโทรเสร็จก็ชี้มาที่หน้าของฉินจุนและพูดว่า
“นายรอเดี๋ยว! นายกล้ามาทำร้ายลูกของฉน นายไม่รู้จักฉันเสียแล้ว! ฉันจะบอกนายเอาไว้ให้ ครึ่งหนึ่งของตงไห่ที่ทำเกี่ยวกับยารักษานั้นเป็นของฉัน แค่ฉันพูดออกไปคำเดียว ฉันก็สามารถเรียกคนเป็นร้อยคนมาจัดการกับนายได้!”
ฉินจุนหัวเราะออกไปอย่างเยือกเย็น ที่แท้เขาก็เป็นที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายยา ถ้าหากเขารู้ว่าอาจารย์ฉันที่มีชื่อเสียงโด่งดังยืนอยู่ด้านหน้าเขา ไม่รู้ว่าเขาจะตอบสนองกลับมาอย่างไง
ฉินจุนกำลังจะพาฉินญาญ่าออกไปเดินเล่นต่อ คุณครูคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เดินออกมาเพื่อที่จะจัดการ
“ผู้ปกครองทั้งสองคน ฉันเป็นหัวหน้าฝ่ายปกครองที่นี่ ฉันแซ่หาน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกคุณ ต้องการให้ฉันช่วยไกล่เกลี่ยไหม?”
ไม่ทันรอให้ฉินจุนพูดออกมา เหลียงยี่ก็พูดออกไปแล้วว่า “จะมาไกล่เกลี่ยอะไร! เขากล้าทำร้ายลูกของฉัน วันนี้ฉันจะตัดขาทั้งสองข้างของเขา!”
อาจารย์หานอึดอัดขึ้นมาทันที เขารู้สึกลำบากใจและพูดออกมาว่า “อ่าอ่า ผู้ผกครองท่านนี้อย่าเพิ่งใจร้อน พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อที่จะให้เด็กๆได้มาเรียนหนังสือ สั่งสอนให้เด็กมรความรู้ ดูสิเด็กทั้งสองคนน่ารักจะตาย ไม่แน่ว่าพวกเธออาจจะเป็นเพื่อนกันในอนาคตก็ได้”
เหลียงยี่พูดออกมาอย่างเยือกเย็น “นายจะไปเข้าใจอะไร นายมีลูกแล้วอย่างนั้นเหรอ? ถ้าลูกของนายถูกทำร้ายขึ้นมา นายจะรับได้ไหม?”
อาจารย์หานเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและพูดออกมาว่า “ช่วยไม่ได้ ร่างกายของฉันมีปัญหาเลยไม่สามารถมีลูกได้ ขอโทษด้วยจริงๆ”
พูดจบ สีหน้าของอาจารย์หานก็เศร้าลงทันที
เหลียงยี่ตกใจเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าอาจารย์หานเองก็จะเป็นโรคนี้เช่นกัน เขาเองก็เป็นแบบนั้น แต่งงานมาตั้งนานนมก็ไม่สามารถมีลูกได้ ดังนั้นเขาจึงต้องไปรับเด็กมาเลี้ยงดู คิดไม่ถึงเลยว่าอาจารย์หานเองก็จะมีปัญหาเดียวกัน
ฉินจุนพูดออกมาว่า “ฉันเป็นหมอ ถ้าหากคุณต้องการหละก็ บางทีฉันอาจจะช่วยคุณได้”
อาจารย์หานตกใจ “จริงเหรอ? งั้นคุณลองดูหน่อลละกัน!”
พูดจบอาจารย์หานก็ยื่นมือออกไป ตอนนี้เขากำลังถูกวัดชีพจรในสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที ฉินจุนก็ปล่อยมือและพูดออกมาว่า
“ไม่ได้มีอะไรมาก แค่ร่างกายของคุณไม่ค่อยแข็งแรง ขาดการออกกำลังกาย มีกิจวัตรประจำวันที่ไม่ดี ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง หลังจากที่ฉันจ่ายยาให้คุรไปแล้ว พวกในสามเดือนคุณก็จะสามารถมีลูกได้”
อาจารย์หานยังคงอยู่ในอาการงงงวย “จริงเหรอ? คุณพูดจริงเหรอ? มันสามารถรักษาได้จริงๆเหรอ?”
ฉินจุนยิ้มและตอบกลับมาว่า “วางใจเถอะ มันไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงอะไร”
เมื่ออาจารย์หานได้ยินเสียงของฉินจุน จู่ๆเขาก็คิดว่ามันคุ้นมา สมองของเขาเหมือนกับว่ามันคลับคล้ายคลับคลาจึงถามออกมาว่า
“คุณคงไม่ใช่….ปรมาจารย์ฉินหรอกนะ?”
ที่จริงอาจารย์หานถามออกไปก็ไม่ได้มั่นใจอะไรมากนัก แต่เสียงที่เขาได้ยินในตอนนี้มันเหมือนกับเสียงที่เขาเคยได้ยินในทีวีเท่านั้น
ในงานประชุมหมอยาจีนครั้งใหญ่ ฉินจุนสวมหน้ากากออกมาในตอนที่พูด ดังนั้นเขาจึงมองไม่เห็นว่าฉินจุนมีหน้าเป็นอย่างไร
อาจารย์หานแค่คิดว่าคนคนนี้มีทักษะทางการแพทย์ที่ดี แถมยังมีแซ่ฉินเหมือนกัน ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นฉินจุนก็ได้
ฉินจุนตกใจ ถูกคนจับได้ แต่เขาก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องปิดบังอะไร
“ใช่”
ดวงตาของอาจารย์หานเบิกกว้าง “คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นปรมาจารย์ฉิน! ยังหนุ่มอยู่เลย ฉันนี่โชคดีจริงๆ ได้รักษาโรคของฉันด้วย!”
ปรมาจารย์ฉินเป็นคนพูดออกมา งั้นมันก็คงไม่มีปัญหาอะไร ในโทรทัศน์วันนั้นปรมาจารย์ฉินได้รักษาโรคที่รักษาได้อยากจนสำเร็จ ดังนั้นโรคที่ไม่สามารถมีบุตรได้ของเขาคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เหลียงยี่ที่อยู่ข้างๆต้องผงะ “ปรมาจารย์ฉิน?”