ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 360 หลังจากนี้จะไม่มาข้องแวะอีกแล้ว
ฉินจุนขมวดคิ้ว “นายกำลังขู่ฉัน?”
ตอนแรกก็เป็นแค่เรื่องไม่พอใจกันระหว่างเด็กๆ ฉินจุนเองก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร ถ้าหากโฮ่วเจียไม่ลงมือก่อน ฉินจุนไม่มีทางไปยุ่งกับเรื่องของเด็กแน่
แต่ตอนนี้เหลียงยี่กลับมาขู่เขา มันทำให้ฉินจุนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เหลียงยี่พูดออกมาอย่างเย็นชา “ขู่แล้วจะทำไม? จะบอกเอาไว้ให้ ครึ่งหนึ่งของธุรกิจยาในตงไห่นั่นเป็นของฉัน ความสัมพันธ์ของฉันอยู่เหนือจินตนาการของนาย ถ้านายคิดจะสู้! นายก็ลองดู!”
ฉินจุนหัวเราะและพูดออกไปว่า “ได้ งั้นฉันจะลองดู”
พูดจบฉินจุนก็โทรศัพท์ออกไปสองสาย สายแรกที่เขาโทรไปหาก็คือผูอำนวยการคนใหม่ของโรงพยาบาลเพื่อประชาชน ผู้อำนวยการหลี่ หรือ หลี่จงเจิ้ง
ก่อนหน้านี้ฉินจุนเคยผลิตยาที่เป็นตัวยาสำคัญมากๆให้กับผู้อำนวยการหลี่ สำหรับผู้อำนวยการหลี่แล้วฉินจุนนั้นสำคัญกับเขามาก
“ฮัลโหล ปรมาจารย์ฉิน คุณมีธุระอะไรเหรอ?”
“นายรู้จักเหลียงยี่ไหม?”
“รู้จัก ซัพพลายเออร์ยา”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ใหญ่โรงพยาบาลใหญ่ทุกแห่งหยุดรับซื้อยาจากเขา”
หลี่จงเจิ้งตกใจมาก “คุณฉิน โรงพยาบาลของพวกเรานั้นไม่มีปัญหา แต่ว่าโรงพยาบาลอื่นๆนั้นฉันไม่สามารถออกคำสั่งได้”
ผู้อำนวยการหลี่สามารถจัดการได้แค่โรงพยาบาลของตัวเองเท่านั้น ส่วนโรงพยาบาลอื่นๆนั้นเขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
ฉินจุนยิ้มและพูดออกมาว่า “ไม่ต้องไปสั่งพวกเขา แค่บอกพวกเขาว่าเหลียงยี่คนนี้มีเรื่องกับฉัน และโรงพยาบาลไหนที่สั่งซื้อซัพพลายเออร์ยาจากเขาจะถึงฉันขึ้นบัญชีดำทั้งหมดในอนาคต”
หลี่จงเจิ้งตอบกลับมาว่า “ได้ ฉันจะไปแจ้งเดี๋ยวนี้แหละ!”
หลังจากนั้นฉินจุนก็โทรออกไปอีกหนึ่งสาย
“คุณฉิน ฉันเพ่ยเหลียง !”
“หาข้อมูลของคนคนหนึ่งให้ฉันที เหลียงยี่ เจ้าของธุรกิจเกี่ยวกับซัพพลายเออร์ยา”
“คุณฉิน ฉันเคยได้ยินชื่อของเหลียงยี่คนนี้มาก่อน เขาทำอะไรคุณอย่างนั้นหรือ ฉันจะไปจัดการเขาเดี๋ยวนี้!”
ฉินจุนพูดออกมาว่า “ไม่จำเป็นต้องฆ่าเขา แค่หาคนสองสามคนคอยดูเขาเอาไว้ก็พอ ถ้าหากเขาหากมีพฤติกรรมแย่ พวกนายก็สามารถหาวิธีจัดการกับเขาได้เลย”
“ครับ คุณฉิน!”
หลังจากที่ฉินจุนคุยโทรศัพท์เสร็จ สีหน้าของเหลียงยี่ก็เปลี่ยนไปทันที แต่หลังจากที่เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็สงบลงทันที
“นายคิดว่าจะขู่ฉันด้วยวิธีนี้อย่างนั้นเหรอ? นายคิดว่านายเป็นใคร? แค่โทรออกไปสองสาย จะทำให้ฉันหมดสภาพได้เลยหรือไง?”
เหลียงยี่ยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จิตใจของเขาก็สั่นเล็กน้อย เมื่อมองไปว่าใครโทรมา คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นทันที
“ฮัลโหล ผู้อำนวยการห่าว?”
“ประธานเหลียง ผมมีอะไรจะแจ้งให้คุณทราบ หลังจากนี้โรงพยาบาลรักษาทรวงอกของพวกเราจะไม่รับสิ่งของต่างๆจากบริษัทของคุณแล้ว พวกเราจบกันแค่นี้”
เหลียงยี่ผงะอยู่ครู่หนึ่ง “ผู้อำนวยการห่าว! เกิดอะไรขึ้น! ความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ได้ดีมาตลอดหรอกเหรอ นอกจากฉันแล้วใครจะให้ราคาที่ดีกับคุณได้มากขนาดนี้!”
ผู้อำนวยการห่าวยิ้มและพูดออกมา “แค่เรื่องราคาสิ่งของมันไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้น แต่คุณไปทำอะไรให้ใครขุ่นเคืองคุณเองก็น่าจะรู้ดี?”
พูดจบผู้อำนวยการห่าวก็วางสายโทรศัพท์ทันที
จากนั้นโทรศัพท์ของเหลียงยี่ก็ดังขึ้นไม่หยุดหย่อน ทั้งวีแชท ข้อความ โทรศัพท์ อีเมล
“ประธานเหลียง ฉันคือผู้อำนวยการโรงพยายาลเด็กของตงไห่ พวกเราจะหยุดการสั่งซื้อสิ่งของจากบริษัทคุณตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หลังจากนี้ไม่ต้องส่งอะไรมาแล้ว”
“ฉันเป็นผู้อำนวยการจ้าวจากโรงพยาบาลรักษาโรคมะเร็ง หลังจากนี้ไม่ต้องส่งสิ่งของมาแล้ว ประธานซุนจะเป็นคนจัดการให้เราเอง”
“ประธานเหลียง ไม่รู้จริงๆว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงได้ไปมีเรื่องกับปรมาจารย์ฉิน ในอุตสาหกรรมนี้จะมีใครที่มีอิทธิพลไปมากกว่าปรมาจารย์ฉิน? คุณรนหาที่ตายจริงๆ”
เมื่อรับโทรศัพท์หรืออ่านข้อมความแต่ละอัน ดวงตาของเหลียงยี่ก็เศร้าหมองและมึนงง
ไม่เพียงแต่โรงพยาบาลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงร้านขายยารายใหญ่ ตลอดจนสถานพยาบาลบางแห่ง และสถานที่อื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ ต่างเรียกร้องให้เขายุติความร่วมมือ
อิทธิพลของปรมาจารย์ฉินนั้นอยู่จุดสูงสุดจริงๆ
เดิมทีเขามีชื่อเสียงมากๆสำหรับโรงพยาบาลใหญ่ๆในตงไห่ รวมกับที่เขาได้ออกทีวีตอนเป็นหัวหน้าในการรักษาปัญหาใหญ่ๆ นั่นยิ่งทำให้เขาเป็นที่เคารพของแพทย์ระดับสูงมากมาย จนถูกเรียกว่าปรมาจารย์ฉิน ส่วนแพทย์ธรรมดาทั่วไปนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย
ในสายอาชีพนี้ใครกล้ามามีเรื่องกับปรมาจารย์ฉิน ถือว่าคนคนนั้นไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป!
เหลียงยี่ยืนโซเซ เขาเกือบจะล้มทั้งยืน สมองของเขามึนไปหมด
จบแล้ว มันจบแล้วใช่ไหม?
เพียงแวบเดียวเหลียงยี่ก็เสียลูกค้าทั้งหมดไป อุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งหมดในโรงงานของเขาจะถูกทิ้ง ความล้มเหลวในการขาย เท่ากับการทำลายช่องทางทางการเงินของเขา
นักธุรกิจอย่างพวกเขาดูท่าทางแล้วน่าจะมีเงินทองมากมาย แต่ที่จริงแล้วที่ตัวของเขาก็มีเงินอยู่ไม่เท่าไหร่ ทรัพย์สินส่วนใหญ่จะอยู่กับสิ่งของมากกว่า
เหลียงยี่สูญเสียลูกค้าทั้งหมด สินค้าของเขาไม่สามารถขายได้ นี่มันคือการตัดช่องทางทางการเงินของเขาโดยแท้จริง ชีวิตที่ฟู่ฟ่าในยามปกติ ตอนนี้มันคงไม่มีอีกแล้ว
สีหน้าของเหลียงยี่แสดงให้เห็นถึงความอับอายที่ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ในใจของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ
ผู้อำนวยการใหญ่ขมวดคิ้ว และพูดกับ รปภ. ว่า
“เอาหละ พาพวกเขาออกไปได้แล้ว!”
รปภ.รีบพาเหลียงยี่และลูกสาวของเขาออกไปจากโรงเรียนทันที
หลังจากที่ออกมาหน้าโรงเรียน จู่ๆก็มีคนเดินเข้ามาล้อมเขาเอาไว้ ย้อมผมสีเหลืองและสวมแจ็กเก็ตหนัง ดูเหมือนนักเลง
“นายคือเหลียงยี่ใช่ไหม?”
สีหน้าของเหลียงยี่ตื่นตระหนกทันที “ใช่ ฉันคือเหลียงยี่ พวกนายเป็นใคร….”
นักเลงเข้าไปตบไหล่ของเหลียงยี่ จากนั้นก็พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
“หลังจากนี้พวกเราจะได้เจอกันอีกบ่อยๆ นายวางใจเถอะ พวกเราทั้งหมดเป็นคนดี”
เมื่อเห็นคนที่เหมือนนักเลงเหล่านี้ ร่างกายของเหลียงยี่ก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าของเขาแสดงถึงความอับอาย
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเข้าไปดูถูกและหาเรื่องกับปรมาจารย์ฉิน ไม่อย่างนั้นชีวิตของเขาก็คงไม่เป็นแบบนี้
เหลียงยี่รู้สึกเสียใจอย่างสุดขีด
……
ผู้อำนวยการใหญ่จัดการเรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวเอง ทุกอย่างเป็นไปด้วยความรวดเร็ว เมื่อไม่มีโฮ่วเจียอยู่ที่โรงเรียนนี้แล้ว จิตใจของฉินญาญ่าก็ดีขึ้นเป็นกอง เด็กส่วนใหญ่ในโรงเรียนมีคุณสมบัติครบถ้วน และฉินจุนเองก็พอใจกับโรงเรียนนี้เช่นกัน
หลังจากที่จัดการกับเรื่องทั้งหมดแล้ว ฉินจุนก็พาฉินญาญ่าออกมาก่อน วันรุ่งขึ้นถึงจะเป็นวันเริ่มเรียน
“พี่ชาย ฉันกำลังฝันไปอยู่ใช่ไหม?”
ฉินจุนพาฉินญาญ่าไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ พาไปตัดผม และแต่งตัวให้น่ารัก ราวกับว่าเธอเป็นเจ้าหญิง
ความรักของฉินญาญ่าที่มีต่อฉินจุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เด็กเธอถูกแกล้งมาโดยตลอด ไม่มีใครเคยทำดีกับเธอแบบนี้มาก่อน นี่ทำให้ฉินญาญ่ารู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก
ในตอนที่อยู่ในร้านตัดผม ช่างตัดผมกำลังถักเปียให้ฉินญาญ่า จู่ๆก็ชีชายกับหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามา
“ฉิน…ฉินจุน?”
ฉินจุนขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าคนที่เข้ามาเป็นใคร “พวกคุณคือ?”
“ฉันคือยวี่เฉียง เพื่อนร่วมชั้นมัธยมต้น และนี่คืออ้ายหลิง ยังจำพวกเราได้ไหม?”
ฉินจุนพยักหน้า เขานึกออกแล้ว
เนื่องจากฉินจุนใช้เวลาเรียนค่อนข้างน้อย และตอนที่เขาเรียนอยู่มัธยมบ้านของเขาก็เกิดเรื่องขึ้น ดังนั้นฉินจุนจึงไม่ได้มีเพื่อนมากมายอะไร ดังนั้นเขาจึงจำได้เกือบทุกคน
และที่นักเรียนคนอื่นสามารถจำเขาได้ก็เพราะว่าเขามีตัวตนที่ค่อนข้างจะพิเศษ นายน้อยของตระกูลฉิน ในตอนนั้นทุกคนล้วนอยากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉินจุน
ถึงแม้ว่าตอนนั้นทุกคนจะยังเด็กและไม่เข้าใจถึงเรื่องราวของโลกภายนอกสักเท่าไหร่ แต่ผู้ปกครองของพวกเขาก็บอกให้ทำความรู้จักกับฉินจุนเอาไว้จะเป็นการดี
แต่เนื่องด้วยฉินจุนเองก็มีขีดจำกัดไม่สามารถเป็นเพื่อนที่ดีกับทุกคนได้ ดังนั้นคนที่ต้องการเขามาเป็นเพื่อนแต่ผลไม่ได้ออกมาเป็นอย่างที่หวังจึงทำให้ในใจรู้สึกแค้นเคือง
ตัวอย่างเช่นยวี่เฉียงคนนี้