ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 364 ฉันจะให้รถนายคัน
ก่อนที่เถียนลู่จะสอบเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยการสื่อสารมวลชล เธอก็ร่องลอยไปเรื่อย ไม่ได้ทำงานหนักอะไร เธอทำงานประจำเป็นนักร้องสาวใบบาร์
ในที่สุดด้วยความสามารถของเถียนลู่ เธอก็ได้เข้าแข่งขันและคว้าที่หกมา แม้ว่าอันดับจะไม่ค่อยดีนัก แต่เธอก็ได้รับการสนับสนุนจากต้นสังกัด เซ็นสัญญาและกลายเป็นนักร้องอย่างเป็นทางการ
ตั้งแต่การเดบิวต์ ทักษะการร้องเพลงของเธอมันธรรมดา เธอเป็นคนที่ค่อนข้างอบอุ่น แต่โชคดีที่รูปร่างหน้าตาของเธอดูโอเค ในตอนนี้เธอก็ได้เข้าสู่เส้นทางของการเป็นไอดอล
เมื่อพูดถึงเถียนลู่ ทุกคนต่างก็จ้องมองไปที่ฉินจุน
ก่อนหน้านี้มีผู้หญิงหลายคนที่มีเรื่องอื้อฉาวกับฉินจุน เถียนลู่เองก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอเป็นคนที่เกือบจะทำได้สำเร็จมากที่สุด
การที่เถียนลู่สามารถร้องเพลงและเต้นได้พร้อมกับบุคลิกที่ร่าเริงของเธอ หลายก็เลยชอบเธอ ตอนนั้นเธอสนิทกับฉินจุนและเกือบจะตกหลุมรักเค้า
แต่ในตอนที่ฉินจุนยังเด็ก เค้าก็มีเพื่อนร่วมชั้นมากมาย จู้หลินหลิน เย่หวันเอ๋อและคนอื่นๆ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เค้าจะมองเห็นเถียนลู่อยู่ในสายตา
หลังจากนั้นเค้าก็เย็นชาและปฏิเสธกับเถียนลู่ เหตุการณ์ครั้งนั้นมันก็รุนแรงมากจนหลายคนคิดว่าทั้งหมดเป็นเพราะฉินจุนที่ทิ้งเธอ
แม้ว่าเรื่องมันจะผ่านมา 10 ปี แต่เมื่อมองย้อนกลับไปมันก็ดูน่าอายมาก ถ้าในตอนนั้นฉินจุนกับเถียนลู่คบกัน เกรงว่ามันคงจะยิ่งน่ากระอักกระอ่วมยิ่งขึ้นไปอีก
ตอนนี้เถียนลู่เธอก็เป็นนางฟ้าแล้วก็ยังมีแฟนคลับนับแสนคน ส่วนฉินจุนก็ไม่มีแม้แต่รถขับ ความแตกต่างระหว่างพวกเค้ามันก็เยอะมาก
ยวี่เฉียงก็ยิ้ม “นางฟ้าเถียน ฉันติดต่อเธอไปแล้ว เธอบอกว่าจะมาแต่ก็เกรงว่าการมาของเธอ หากมีคนรู้ว่าเธอมาที่นี่มันก็จะมีคนตามมาขอลายเซ็น นี่มันก็คงจะทำให้พวกเรากินข้าวกันไม่อร่อย”
ฉินจุนไม่สนใจอะไรเลย คนอย่างเถียนลู่ก็เป็นเพียงตัวประกอบเล็กน้อยก็เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ในตอนที่ฉินจุนเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลฉิน ข้างกายของเค้ามันก็มีผู้คนจำนวนมาก เค้าก็เลยมองข้ามเถียนลู่ไป
“ตอนนี้นายขายรถอย่างงั้นเหรอ?”
ฉินจุนก็คุยกับเหรินลู่ต่อ
“อืม ร้านของยวี่เฉียงมีรถทุกยี่ห้อเลยแล้วก็ยังมีรถดีๆด้วย น่าเสียดายที่ฉันขายรถไปหลายพันคัน เงินก็ยังไม่มากพอที่จะซื้อสกูตเตอร์เลยด้วยซ้ำ ฮ่าฮ่า!”
เหรินลู่ก็ถอนหายใจออกมาแล้วดื่มเบียร์เข้าไป
ก่อนหน้านี้เค้าก็มีฐานะที่ดี แต่ตอนนี้เค้าไม่สามารถซื้อสกู๊ตเตอร์ได้เลย ชีวิตมันมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ
ฉินจุนยิ้ม “นี่มันมีอะไรกัน ฉันจะให้รถนายคันนึง”
เหรินลู่ผงะไปครู่หนึ่ง เค้ามองไปที่ฉินจุนแล้วยิ้มอย่างขมขื่น
“นายอย่ามาเวอร์ ถ้าเป็นนายคนก่อน การให้รถฉันมันก็คงจะเป็นแค่เศษเงิน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนายเลยนะ เห้อ”
เหรินลู่ถอนหายใจออกมา เค้าไม่พูดอะไรต่อ เพื่อนที่กำลังลำบาก เค้าเองก็รู้สึกสงสารเหมือนกัน
ฉินจุนไม่ได้พูดอะไรแล้วส่งข้อความไปหาป้าเฟิง เค้าให้เธอหาคนมาช่วยขับ บูกัตติออกมา
รถสปอร์ตของฉินจุนนี่มันไร้สาระจริงๆ แม้ว่ามันจะเท่มาก แต่มันก็ใช้งานไม่ได้จริง
ฉินจุนเป็นคนติดดิน การขับรถซูเปอร์สปอร์ตแบบนี้เค้าก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย มันน่าจะดีซะกว่าถ้าหากจะยกรถให้กับคนที่รู้เรื่องรถอย่างเหรินลู่
ในตอนที่ทุกคนกำลังรับประทานอาหารอยู่ จู่ๆพนักงานเสิร์ฟข้างนอกก็เริ่มพูดคุยกัน
“ดูสิ นี่ใช่… คนในรูปหรือเปล่า”
ที่ชั้น 2 ของโรงแรม มีรูปถ่ายหมู่ของคนใหญ่คนโตกับคนดัง หนึ่งในนั้นคือภาพถ่ายของเซี๋ยต้าหลินกับฉินจุนที่อยู่ตรงกลางของรูป
ใช่แล้วเซี๋ยต้าหลินเป็นคนเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งนี้ เมื่อเห็นเพื่อนของเจ้านายมา ผู้จัดการก็รีบจัดแจงทุกอย่างอย่างรวดเร็ว
“คนที่มีรูปติดอยู่ที่ผนังได้ พวกเค้าล้วนแล้วแต่เป็นแขก VIP ของเจ้าของร้าน ไปเตรียมเอาสาเกชั้นดีมาด้วย”
เรื่องแบบนี้ไม่ต้องไปบอกบอสหรอก การที่จะเป็นผู้จัดการร้าน ก็ต้องสามารถจัดการร้านนี้ได้
การที่เพื่อนของเจ้านายมาและไม่ได้บอกเจ้านาย แน่นอนว่าเค้าจะต้องมากินอาหารอย่างง่ายๆ พวกเค้าก็เลยไม่ได้โทรหาเซี๋ยต้าหลิน นี่พวกเค้ามาด้วยใจของพวกเค้าเอง
ในตอนที่ฉินจุนกับคนอื่นๆกำลังทานอาหารกัน บริกรก็ผลักรถเข็นเข้ามา มันมีแก้วเหล้าสองสามใบและสาเกสองสามขวดในรถ
“สวัสดีครับ นี่คือของพิเศษจากร้านของเรา ลองดูครับ”
หลังจากพูดจบ พนักงานเสิร์ฟก็วางไวน์ลงและเดินออกไปทันที
ยวี่เฉียงตกตะลึง ทำไมยังมีเหล้าสาเกมาอีก?
สาเกญี่ปุ่นมีความโดดเด่นมาก แต่มันก็ไม่ได้รวมไว้ในบุฟเฟ่ต์
เนื่องจากมันเป็นเหล้าที่มีราคาแพงมาก ถ้าหากว่าซื้อโปรบุฟเฟ่ต์ที่แพงกว่าก็จะมีเหล้านี้อยู่ในบุฟเฟ่ต์ด้วย แต่ที่พวกเค้าสั่งมามันมีเพียงเครื่องดื่มและเบียร์ฟรีเท่านั้น
สุราและเหล้าสาเกต้องใช้เงินเพิ่ม
ยวี่เฉียงหยิบขวดเหล้าสาเกขึ้นมาแล้วเหลือบมอง จู่ๆเค้าก็ต้องตกใจ!
“นี่ นี่มันเหมือนว่าจะเป็นสาเกราคาแพงนะ!”
เพื่อนร่วมชั้นมองหน้ากันอย่างว่างเปล่า หลังจากที่ได้ยิน พวกเค้าสองสามคน ก็เริ่มค้นหาข้อมูลและพบว่ามันคือสาเกชื่อดังของญี่ปุ่น
“ให้ตายสิ มันเป็นสาเกชื่อดัง!”
แต่ละประเทศมีเหล้าที่มีชื่อเสียงของ ตัวเองเช่นเหล้าเหมาไถและอู๋เหลียงเย่ของจีน ทั้งหมดเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียง
สาเกทาคางิเป็นสาเกชั้นยอดของญี่ปุ่น
ราคามันแพงมากเพราะว่าผลิตมาน้อยและก็ยังแพงกว่าเหมาไถ
ยวี่เฉียงเหลือบมองขวดอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นเค้าก็ห่อตัวไปในทันที
“นี่ไม่ใช่สาเกทาคางิธรรมดา แต่ทาคางิที่ใช้เวลากลั่นมากว่าสิบสี่ชั่วอายุคน!”
สาเกทาคางิก่อตั้งขึ้นในปี 1615 มันมีประวัติยาวนานกว่า 400 ปี รุ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดของแบรนด์นี้คือรุ่นที่สิบสี่ มันเป็นที่รู้จักของทุกคนในญี่ปุ่นเช่นเดียวกับไวน์ลาเฟียปี 1982
ชื่อเสียงที่ดังมากขนาดนี้ ราคามันจะต้องไม่ต่ำอย่างแน่นอน
เหล้าสาเกครึ่งขวดของทาคางิ น่าจะมีมูลค่ามากกว่า 50,000 หยวน
ปริมาณแอลกอฮอล์ของมันต่ำกว่าไวน์ขาว คนที่ดื่มเหล้าเก่งๆก็สามารถดื่มได้แค่ครึ่งขวดก็เมาแล้ว แต่นี่พนักงานเสิร์ฟเข็นเข้ามามันมีขวดทั้งหมดสิบขวด
โหลขวด ก็น่าจะเจ็ดถึงแปดแสนหยวน!
สาเกสิบสี่ชั่วอายุคนเหล่านี้มันไม่ได้แพงเพราะอายุ แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะผลิตมาน้อยมาก ทั่วประเทศญี่ปุ่นสามารถผลิตเพียงแค่ 80 ขวดต่อปี ดังนั้นมันก็เลยมีราคาแพงมาก
รถเข็นที่เข็นเข้ามาพร้อมสาเกนี้ มันก็ทำให้ยวี่เฉียงตกใจมาก
“ฉันถามหน่อย นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ยวี่เฉียงเรียกพนักงานเสิร์ฟเข้ามา
“เราไม่ได้สาเกนะ สาเกนี่มันอะไรกัน?”
พนักงานเสิร์ฟยิ้ม “สวัสดีครับท่าน สาเกนี้เป็นของขวัญจากผู้จัดการร้าน ลองดูครับ”
หลังจากพูดแล้ว พนักงานเสิร์ฟก็เหลือบมองที่ฉินจุน
แต่เค้าก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกเพราะกลัวว่าแขกจะไม่พอใจ
ยวี่เฉียงก็ขมวดคิ้วขึ้นมา แถมสาเก?
ทันทีที่ทุกคนได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเค้าก็พร้อมที่จะดื่มมันทันที
“ประธานยวี่นี่มีหน้ามีตาในสังคมจริงๆ มีคนส่งสาเกนี่มาเป็นของกำนันและมันก็ยังเป็นสาเกที่มีราคาแพงมากด้วย”
“เดี๋ยว!”
เมื่อเห็นแบบนี้ พวกเค้าก็อยากที่จะดื่มมัน ยวี่เฉียงก็รีบเรียกให้ทุกคนหยุด
“อย่าเปิดก่อน คิดดู อาหารมื้อนี้ก็ราคาแค่ 888 ก็เท่านั้น พวกเราทั้งชั้นเรียนสามารถหาเงินได้เท่าไหร่กัน? การที่จะมาให้พวกเราฟรีๆแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้เลย”
“ให้สาเกรุ่นที่สิบสี่กับพวกเรา? ขวดนึงราคา 50,000 หยวน? แล้วยังให้มาอีกเป็นโหล?”
“พวกนายคิดว่านี่มันเป็นไปได้อย่างงั้นเหรอ?”