ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 370 คุณรู้จักเขาจริงๆเหรอ?
เถียนลู่ทำให้คนข้างนอกขุ่นเคือง ถ้าพวกเขาจะเขามาหาเรื่องเถียนลู่นั่นมันนก็เป็นเรื่องที่สมควรและฉินจุนเองก็ไม่สนใจที่จะเข้าไปยุ่ง
แต่ผู้หญิงเหล่านี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉินจุนทั้งหมด ถ้าคิดจะกลั่นแกล้งเพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงเหล่านี้ต่อหน้าเขา ฉินจุนจะนั่งดูเฉยๆ ไม่ได้แน่นอน
พี่เป้ายิ้มเยาะ “แกนี่แม่งเหลือเกินนะ ผู้หญิงที่ฉันจะเอา ไม่มีใครหน้าไหนกล้าขวางฉัน และฉันจะบอกแกนะ ฉันจะเอาผู้หญิงเหล่านี้ทุกคน ถ้าวันนี้แกไม่หลบไป ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายล่ะ!”
ฉินจุนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ หมดความสนใจในตัวคนอ้วนแบบนี้แล้วถามไปตรงๆ
“หัวหน้าพวกแกเป็นใคร ต้วนเป่าตงหรือเพ่ยเหลียง”
ชายอ้วนตะลึงครู่หนึ่ง “แกรู้จักบอสเพ่ยงั้นเหรอ?”
ฉินจุนฑุดตอบ “แกก็โทรถามเพ่ยเหลียงดูสิ”
พี่เป้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง คนที่สามารถเรียกชื่อบอสทั้งสองแบบนี้ได้ แสดงว่าฉินจุนคนนี้รู้เรื่องจริงๆ บางทีเขาอาจเป็นคนวงในจริงๆ พี่เป้าไม่กล้าที่จะประมาท เขารีบหยิบมือถือออกมาและโทรผ่านวิดีโอหาเพ่ยเหลียง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เพ่ยเหลียงก็รับสาย มีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา เขากำลังนอนหลับอยู่ในโรงแรม และเมื่อเห็นพี่เป้า สีน่าของเขาก็ดูอดไม่ได้
“ไอ่อ้วนจะวิดีโอคอลมาทำไม?”
พี่เป้ารีบพูดเคารถอย่างสุภาพว่า “พี่เพ่ย ฉันเจอใครบางคนที่ KTV และเขาบอกว่าเขารู้จักพี่ เดี๋ยวให้คุณดู”
เพ่ยเหลียงขมวดคิ้ว “แม่งไอ้บ้าเอ่ยประสาทเหรอ คนที่รู้จักฉันมันมีเยอะแยะมากมาก…”
เมื่อเพ่ยเหลียงพูด เขาก็พลิกโทรศัพท์กับไปทางด้านฉินจุน
ใบหน้าที่เย็นชาของฉินจุนค่อยๆ เข้าสู่เลนส์กล้องของโทรศัพท์
เมื่อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยนี้ เพ่ยเหลียงแทบจะตกเตียง!
“คุณฉิน!?”
ใบหน้าของพี่เป้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเขารีบหันกล้องกลับมา
“ลูกพี่ คุณรู้จักเขาจริงๆ เหรอ!”
เพ่ยเหลียงนั่งลง ใบหน้าของเขาดูจริงจังมาก
“ไอ้บ้าเอ๊ย พวกแกรนหาที่ตายก็อย่าพาฉันไปด้วยสิหว่ะ ถ้าแกทำให้คุณทำให้คุณฉินขุ่นเคืองละก็ รีบยอมรับความผิดพลาดของแกซะ! ให้การตอนรับต้อนรับคุณชินอย่างดีที่สุดและบอกแผนกต้อนรับให้ฟรีค่าใช้จ่ายทุกอย่าง แล้วแกก็อย่าทำตัวโง่เขลาไปวันๆ!”
“ครับ ครับ ครับ!”
พี่เป้าตกตะลึงอย่างมาก และเขาก็สร่างเมาไปด้วยเหงื่อที่เย็นยะเยือก
เมื่อไหร่กันที่พี่เพ่ยเคยประหม่าขนาดนี้ และพี่เพ่ยก็พูดอย่างชัดเจนว่าเขาไม่กล้าที่จะรุกรานคุณชายฉินคนนี้ และนับประสาอะไรกับตัวละครตัวเล็กๆอย่างพี่เป้า
หลังจากวางสายแล้ว พี่เป้ารีบก้มและโค้งคำนับฉินจุน
“คุณฉินครับ ผมต้องขอโทษ ขอโทษจริงๆครับ ผมมันมีตาหามีแววไม่ ถ้าคุณต้องการที่จะลงโทษก็เชิญลงโทษผมได้เลยครับ!”
ฉินจุนพูดอย่างเย็นชา “ไสหัวไปซะ อย่าอยู่ขวางหูขวางตาที่นี่”
“ครับครับครับ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้ครับ ออกไปเดี๋ยวนี้แล้วครับ!”
หลังจากพูดจบ พี่เป้าก็นอนราบกับพื้น ย่อตัวเป็นลูกบอล แล้วกลิ้งออกไป
ชายคนอื่นๆ เห็นว่าพี่เป้าเป็นแบบนี้ และพวกเขาไม่กล้าที่จะละเลยโดยธรรมชาติ พวกเขาทั้งหมดนอนอยู่บนพื้นและกลิ้งออกไปข้างนอกเช่นเดียวกัน
เพื่อนร่วมชั้นหลายคนดูยังกับคนโง่
มันไม่เมื่อละครไปหน่อยเหรอ?
ตอนแรกพวกอันธพาลตัวใหญ่เหล่านี้ยังคงปากดีอยู่เลย แต่พอมีคนนหนึ่งวีดีโอคอลกับฉินจุนเท่านั้นแค่ดูเพียงแวบเดียว สิ่งต่างๆ กลับเปลี่ยนไปอย่างกับหน้ามือกลายป็นหลังมี
ฉินจุนนี่เป็นคนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ และแม้แต่พวกอันธพาลเหล่านี้ก็ยังกลัวเขา และดูแล้วคุณชายแห่งตะกูลฉินคนนี้ยิ่งมีเกียรติมากกว่าเมื่อก่อนซะอีก
วันนี้ก็อยู่ด้วยกันมานานแล้ว และฉินจุนเตรียมตัวที่จะกลับไปเช่นกัน และทุกคนแยกย้ายกันไปไป
เมื่อเขากำลังจะกลับ ผู้จัดการร้านก็ออกมาส่งเขาด้วยตนเอง
“ไวน์ทั้งหมดราคาเท่าไหร่ ช่วยคิดให้ฉันหน่อย”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรครับ คุณชายฉินมาที่นี่ก็เป็นเกียรติแก่เรามากแล้วครับ!”
ผู้จัดการสุภาพและท่าทางของเขาก็ให้เกียรติมาก พูดง่ายๆเขาดูเกรงใจกว่าการพบกับเจ้านายของเขาเสียอีก
เถียนลู่ที่ตามมาข้างหลัง ถึงกับตกตะลึงไปเลย
คิดถึงคำพูดที่เสียดสีฉินจุนเมื่อก่อนหน้านี้
บอกว่าเขาไม่มีเงิน ไม่มีสถานะทางสังคม และไม่มีความกล้าหาญ
สุดท้ายล่ะ?
ฉินจุนคนนี้กลับกลายเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริง!
ก็แค่ktv เล็ก ๆ ฉินจุนไม่ได้สนใจเลย
ฉันเคยคิดมาตลอดว่าฉินจุนแกล้งทำเป็นรวย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ารถสปอร์ตและไวน์ชื่อดังของ จะเป็นเรื่องจริงทั้งหมด
เธอเป็นคนคิดเองเออเองและถือเอาความคิดของเธอเป็นใหญ่ คิดว่าฉินจุนเป็นแค่ผู้ชายธรรมดา หน้าตาธรรมดา จนๆ!
แต่สุดท้ายสีหน้าของเถียนลู่ก็ดูน่าเกลียดอย่างยิ่งราวกับว่าเธอถูกตบหน้าอย่างแรง
พี่เป้าเหลือบมองเธอ และเถียนลู่ก็ตกใจมาก
เพราะฉินจุนกล่าวก่อนหน้านี้ว่าใครที่หาเรื่องก็ให้เขาไปหาคนนั้น
จากความขัดแย้งครั้งก่อน คำพูดของเถียนลู่ไม่น่าพอใจนัก ดังนั้นฉินจุนก็จะไม่ช่วยเธอ
เถียนลู่กลัวและพูดอย่างรวดเร็ว
“ฉันเป็นเพื่อนของพี่ฉิน เราเคยเป็นแฟนกันมาก่อน อย่าถือทำตัวอวดเบ่งให้มากไป!”
พี่เป้าตกตะลึง ไม่น่าแปลกใจที่ เถียนลู่จะหยิ่งผยองขนาดนี้ ที่แท้เธอก็เป็นแฟนเก่าของพี่ฉิน?
ความสัมพันธ์ระหว่างแฟนเก่า พี่เป้ไม่กล้ายุ่ง ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะคืนดีกันในอนาคตอีกหรือไม่
ตอนแรกที่พี่เป้าวางแผนที่จะจัดการเถียนลู่เพียงลำพัง แต่ตอนนี้เขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปทันที
ฉินจุนไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดกัน
หลังจากออกจาก KTVไปแล้ว เถียนลู่ก็วิ่งเหยาะๆ สวมรองเท้าส้นสูงเดินตามฉินจุนอย่างไร้ยางอาย
นักเรียนทุกคนอายและถอยออกไปแล้ว แต่เถียนลู่ยังคงตามเขาอยู่อย่างนั้น
หลังจากเดินไปตามถนน และเลี้ยวไม่กี่โค้ง เถียนลู่ก็มองเห็นฉินจุน และตอนนี้เธอก็หน้าแดงทันที ก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย
“ตามฉันมาทำไม”
เถียนลู่วางตัวไม่ถูก “ฉันอยากจะมาขอโทษคุณ สิ่งที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ ฉันผิดเอง”
ฉินจุนส่ายหัว “ฉันไม่สนใจหรอก ไม่มีอะไรแล้วคุณไปได้แล้ว”
“เดี๋ยวก่อน!”
ในที่สุด เถียนลู่ก็พบโอกาสนี้ เธอกัดริมฝีปากของเธอแล้วพูดว่า
“ที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ เพราะว่าฉันยังโกรธคุณสำหรับเรื่องในอดีตอยู่ ฉันชอบคุณขนาดนั้น คุณปฏิบัติกับฉันอย่างเฉยเมย แต่ อันที่จริง…ในใจฉันยังชอบคุณอยู่เลย”
เถียนลู่เริ่มต้นการรุกที่อ่อนโยนโดยตรง โดยรู้ว่าตอนนี้ ฉินจุนมีพลังมาก เธอรู้สึกเสียใจจริงๆ
หากกระตือรือร้นกับฉินจุนทันทีที่ได้พบ และหวนคิดถึงอดีต ด้วยรูปลักษณ์และอารมณ์ในปัจจุบันของเธอเธออาจจะสามารถโอบกอดเธอ
ตอนนี้มันน่าอายมากที่อยากจะกอบกู้สถานการณ์
ฉินจุนสีหน้าไร้อารมณ์ “คุณก็พูดทุกอย่างที่ควรพูดแล้ว เมื่อก่อนผมไม่ชอบคุณ และตอนนี้ ก็เหมือนกัน”
คำพูดของฉินจุนทำให้เถียนลู่อึดอัดมาก เธอถอนหายใจและทำได้เพียงแสร้งทำเป็นว่าผิดหวังมาก
“งั้น ฉันขอถ่ายรูปกับคุณเป็นที่ระลึกได้ไหม?”
ฉินจุนขมวดคิ้วและต้องการปฏิเสธ แต่เมื่อเขาคิดว่าแค่ถ่ายรูป ไม่เป็นไรหรอก ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า
เถียนลู่หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา และทั้งสองก็ถ่ายรูปคู่แบบธรรมดาๆ และไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดใดๆ เหมือนกับการถ่ายรูปคู่ระหว่างเพื่อนที่เดินผ่านไปมาสองคน
หลังจากการถ่ายรูปจบลง ฉินจุนก็จากไป และเถียนลู่ก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป
เถียนลู่ขึ้นแท็กซี่กลับบ้านอย่างรวดเร็ว และเธอเพียงแค่แต่งรูปภาพของเธอ แล้วก็โพสต์ลงเว่ยป๋อ
“ปีนั้นช่างเงียบงัน ยินดีที่ได้มีคุณ”
ด้านหลังยังใส่สติกเกอร์ความรักซึ่งดูเหมือนภาพคู่รัก
ก่อนหน้านั้นสองคำ คือคำว่าประกาศอย่างเป็นทางการก็ ถูกเขียนไว้ข้างหน้า
เว่ยป๋อนี้ดูคลุมเครือมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นการประกาศความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก
แม้ว่าการเขียนโพสต์ไม่ได้บอกว่าเป็นแฟนกัน แต่การเพิ่มสติกเกอร์นี้ลงไประหว่างบรรทัด นี้ก็เป็นการประกาศเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของเขาอย่างชัดเจนแล้ว