ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 372 งานรวมญาติ
ซูเหวินฉีหัวเราะคิกคักออกมา “นายไม่สงสารเธอเหรอ ฉันแบนคนรักเก่านายเชียวนะ?”
ฉินจุนพูดไม่ออก, “คนรักเก่าอะไรกัน?ถ้าจะนับล่ะก็ เธอต่างหากถึงจะเป็นคนรักเก่า”
“อะไรนะ!นายบอกว่าฉันเป็นของเก่า?”
“……”
ทั้งสองคุยกันอีกสักพักหนึ่ง ซูเหวินฉีก็เอ่ย
“ผ่านช่วงนี้ไปได้ฉันก็จะได้พักสักหน่อยแล้ว นัดนายออกไปเที่ยวได้ไหมอะ?”
ฉินจุนชะงัก “เอ่อ……อีกไม่กี่วันเหมือนว่าฉันจะมีนัดงานรวมญาติน่ะ”
“หืม?งานรวมญาติ?ให้ฉันไปออกงานช่วยนายสร้างภาพไหม?”
ฉินจุนหัวเราะ “ถ้าเธออยากมาก็ได้นะ”
“โอเค ถือว่าตกลงแล้วนะ!”
พอทั้งสองคนคุยกันเสร็จ ป้ารองก็โทรศัพท์เข้ามา
“เสี่ยวจุนลูก พรุ่งนี้ครอบครัวญาติฝั่งแม่ของเราจะมาหา พวกน้าสามกับน้าสะใภ้น่ะ เรามีแฟนแล้วไม่ใช้เหรอก็พามาให้พวกเราเจอเลยสิ!”
“เอ่อ ก็ได้ครับ”
ในเมื่อซูเหวินฉีอยากจะมาร่วมสนุกด้วย ถ้าอยากนั้นฉินจุนก็จะใช้เธอให้เป็นประโยชน์ ก่อนหน้านี้เขาแกล้งเป็นแฟนปลอม ๆ ให้คนอื่น ตอนนี้ในที่สุดก็ถึงตาเขาที่จะหาคนมาเป็นแฟนปลอม ๆ ให้บ้าง
พอวางสาย ฉินจุนก็แจ้งให้ซูเหวินฉีทราบเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็ตรงมาที่บ้านป้ารอง เพื่อช่วยเตรียมงาน
พอมาถึงบ้านของป้ารอง หลินเยวี่ยเหยาก็รีบเดินเข้ามาถาม
“พี่ ครั้งที่แล้วหลังจากที่พี่ร่วมงานประชุมใหญ่แพทย์แผนจีน พี่ได้ติดต่อปรมาจารย์ฉินอีกไหม?”
ฉินจุนหัวเราะ หลินเยวี่ยเหยานี่ยังหมกมุ่นอยู่กับปรมาจารย์ฉินจริง ๆ
“ไม่ได้ติดต่อเลย ทำไมอะ เธอมีเรื่องจะคุยกับเขาเหรอ?”
หลินเยวี่ยเหยาหน้าแดง “เห้อ ก็ขนาดพี่ยังมีแฟนแล้ว ฉันเองก็อยากหาคนมาช่วยสร้างภาพหน่อย พวกเขาจะได้ไม่ต้องเอาเรื่องฉันขึ้นมาพูด”
ฉินจุนแอบหัวเราะในใจ หลินเยวี่ยเหยานี่ก็คิดได้หนอ กล้าที่จะอยากให้ปรมาจารย์ฉินมาช่วยเป็นแฟนปลอม ๆ ของตัวเอง
“เรื่องนี้เขาก็คงช่วยเธอไม่ได้หรอก”
หลินเยวี่ยเหยาถอนหายใจ คงต้องยอมแพ้
“จริงสิคะแม่ น้าสามกับน้าสะใภ้นี่ยังขี้อวดเหมือนเดิมไหม?หนูได้ยินมาว่าลูกชายบ้านนั้นได้แฟนเป็นดารา”
ถังหมิ่นเอ่ย “แม่ก็ได้ยินมาว่าอย่างนั้นนะ น่าจะเป็นนักร้องอะไรสักอย่าง เหมือนว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดังด้วยนะ น้าสามกับน้าสะใภ้ของเราก็นิสัยเป็นคนแบบนั้นนั่นแหละ พวกเขาอยากจะอวดก็ปล่อยเขาอวดไป”
หลินเยวี่ยเหยากลอกตามองบน เธอล่ะหมดคำจะพูดจริง ๆ
“หนูว่านะงานรวมญาตินี่อย่ารวมตัวกันอีกเลย มีอะไรให้ต้องติดต่อกัน”
ถังหมิ่นถลึงตาใส่ผู้เป็นลูก “นั่นก็ญาติกันไม่ใช่หรือไงล่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เราก็เป็นญาติกันทั้งนั้น นอกจากน้าสามกับน้าสะใภ้แล้ว ยังมีน้าเล็กกับน้าเขยด้วย พรุ่งนี้พวกเราก็จองร้านอาหารดี ๆ สักหน่อยไหม?”
ฉินจุนเอ่ย “ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
หลินเยวี่ยเหยาเบ้ปาก ภายในใจก็คิดจะจัดการเอง จะไปจัดการอะไรได้ ถ้าไปจองพวกร้านอาหารเห่ย ๆ หรือไม่ก็เล็ก ๆ ล่ะก็ เกรงว่าต้องถูกลุงสามกับป้าสะใภ้บ่นแน่ ๆ
ฉินจุนหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรศัพท์หาเมิ่งเหวินกัง
เรื่องแบบนี้ต้องให้เจ้าถิ่นถึงจะรู้ดี เมิ่งเหวินกังก็เป็นคนตงไห่โดยกำเนิด อยู่ที่นี่มาหลายปี ร้านอาหารในตงไห่กว่าครึ่งหนึ่งเป็นของเขา เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เขารู้ดีมาก ๆ
“ศิษย์พี่ มีอะไรให้รับใช้ครับ?”
“พรุ่งนี้ผมมีงานรวมญาติ ประมาณสิบกว่าคนได้ อยากได้ร้านอาหารบรรยากาศดี ๆ ระดับหรูหน่อย”
ฉินจุนเองก็รู้ว่าพวกลุงสามกับป้าสะใภ้เป็นพวกชอบความฟุ้งเฟ้ออย่างสุด ๆ ถึงแม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่คาดว่าก็คงไม่ได้แก้นิสัยเสีย ๆ นี้ เพราะฉะนั้นต้องให้มันโอ่อ่านิดนึง
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจัดการให้”
เมิ่งเหวินกังได้เตรียมบ้านพักตากอากาศสุดหรูให้แก่ฉินจุน ชื่อว่าติงจู๋ซวน
บรรยากาศงดงามและมีสไตล์สุดหรู เมิ่งเหวินกังได้สั่งให้บ้านพักตากอากาศนี้หยุดกิจการหนึ่งวัน เพื่อต้อนรับครอบครัวของฉินจุน
หรูหราขนาดนี้ น่าจะใหญ่พอนะ
เช้าวันต่อมา ป้ารองตื่นมาเก็บกวาดบ้านแต่เช้าตรู่ หลินเยวี่ยเหยาแม้ว่าสีหน้าจะไม่เต็มใจ แต่ว่าก็เข้ามาช่วย
ไม่นานพอป้ารองได้รับโทรศัพท์ก็รีบลงไปต้อนรับที่ชั้นล่าง
คนกลุ่มใหญ่เดินแห่กันขึ้นมาชั้นบน ส่วนคนที่เดินนำหน้ามาก็พวกครอบครัวของลุงสาม
ไม่ได้เจอกันมาสิบปีแล้ว ลุงสามกับป้าสะใภ้ดูแก่ลงเยอะ แต่ว่ายังแต่งตัวกันดูดีมาก ๆ จากที่ดูแล้วฐานะที่บ้านต้องดีมากแน่ ๆ
“ฉันบอกแล้วไงถังหมิ่น นี่มันตั้งกี่ปีแล้ว ทำไมยังไม่ซื้อคฤหาสน์สักหลังอยู่ล่ะ บ้านเล็ก ๆ แล้วนี้มันอึดอัดจะตายไป”
จริง ๆ แล้วฐานะครอบครัวของป้ารองก็ถือว่าดีมาก ๆ ยิ่งตระกูลถังคือทรัพย์สินทั้งหมดของป้ารองแล้วด้วย ตอนนี้ป้ารองก็เป็นเจ้าของธุรกิจเล็ก ๆ คนหนึ่ง ครอบครองธุรกิจหลายร้านค้า
เพียงแต่ว่าเธออยู่ที่นี่ชินแล้ว ไม่อยากตกเป็นที่สนใจมากเกินไป เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้เปลี่ยนคฤหาสน์
ป้ารองเพียงแค่หัวเราะ “ฉันเทียบกับพี่สามไม่ไหวหรอก พวกเราแค่มีที่อยู่อาศัยให้ซุกหัวนอนก็พอใจแล้ว”
ลุงสามของฉินจุนชื่อว่าถังเหวิน เป็นญาติห่าง ๆ ของเขา แก่กว่าป้ารองไม่กี่ปี
ถังเหวินเบ้ปาก “เสี่ยวหมิ่นเอ๊ย พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ อยู่บ้านใหญ่ ๆ หน่อยจะได้อยู่สบายหน่อย โบราณเขาว่าบ่อปลาใหญ่เท่าไหร่ก็เลี้ยงปลาใหญ่เท่านั้น ถ้าอยากให้คนเจริญก้าวหน้ามาก ๆ ก็ต้องอยู่บ้านหลังใหญ่ ๆ ”
“บ้านที่ครอบครัวเราอยู่ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็เป็นคฤหาสน์ขนาดห้าร้อยตารางเมตร มีสวนเอาไว้ปลูกดอกไม้ปลูกหญ้า เวลามีแขกมาเยี่ยมก็สะดวกสบาย”
“บ้านของเธอแบบนี้เวลามีแขกมาก็มาพักไม่ได้”
ถังหมิ่นยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก “พี่สามฉันเตรียมโรงแรมไว้ให้พี่พักแล้วจ้ะ คืนนี้พี่พักที่โรงแรมก็จบแล้ว”
ถังเหวินทำสีหน้ารังเกียจ “เมืองเล็ก ๆ แบบตงไห่นี่มีโรงแรมดี ๆ ด้วยเหรอ แต่ว่าก็ไม่เป็นไรหรอก ก็อยู่แบบถู ๆ ไถ ๆ ไป”
ถังเหวินนั้นมาจากเมืองหลวง มาพร้อมกับความหยิ่งผยองที่ตัวเองมาจากเมืองใหญ่ แม้ว่าเศรษฐกิจของเมืองตงไห่จะไม่ได้แย่กว่าเมืองหลวง แต่ว่าในสายตาของถังเหวินแล้วพวกเขาก็เป็นแค่คนจากเมืองเล็ก
หลังจากนั่งลง ต่างคนต่างทักทายกัน ล้วนเป็นญาติจากเมืองหลวง ไม่ได้เจอกันนานหลายปี ย้อนรำลึกความหลังกัน พูดคุยถึงเรื่องเด็ก ๆ
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกินข้าวที่ร้านอาหารกันดีกว่า กินไปด้วยพูดคุยกันไปด้วย”
ที่บ้านเล็กจริง ๆ พอคนหลายสิบคนมานั่งรวมกันแล้วยิ่งดูคับแคบ ถังหมิ่นบอกก่อนจะพาทุกคนเดินลงไป
ฉินจุนเตรียมรถมินิบัสมาหนึ่งคัน
พอลงมาเห็นรถมินิบัส ถังเหวินก็เบ้ปาก
“อะไรกัน อย่าบอกนะพวกเธอยังนั่งรถบัสแบบนี้ไปทำงาน?ซื้อรถราคาหลักล้านอาจจะหนักหน่อย แต่ว่าถ้าซื้อพวกรถเมอร์เซเดส เบนซ์หรือไม่ก็BMW ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรไม่ใช่เหรอ?”
หลินเยวี่ยเหยาหมดคำจะพูด เธอได้แต่กลอกตามองบน
“ก็คนมันเยอะไงคะ รถนั่นคันเดียว จะนั่งกันหมดไหม?”
หลินยู่เป็นผู้บริหารของเมิ่งกรุ๊ปและถังหมิ่นก็เป็นเจ้าของกิจการเล็ก ๆ แม้ว่าครอบครัวของพวกเขาจะไม่ใช่มหาเศรษฐี แต่พวกเขาก็ถือว่ารวยแน่นอน นับประสารถเมอร์เซเดส เบนซ์ หรือ BMWเลย ต่อให้ซื้อ เบนท์ลี่ย์ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
เพียงแต่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบความฟุ้งเฟ้อก็เท่านั้น
ถังเหวินถลึงตาใส่หลินเยวี่ยเหยา “ก็ได้ นั่ง ๆ ไปก็แล้วกัน”
พอขึ้นมาบนมินิบัส ถังเหวินก็เอ่ย “เจียนเฉียง โรงแรมที่เมืองหลวงที่ลูกจองให้พวกเราชื่อว่าอะไรนะ?”
ถังเจียนเฉียงลูกชายของถังเหวิน ถือเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉินจุนและหลินเยวี่ยเหยา ปีนี้อายุประมาณ 30 ปี
ถังเจียนเฉียงเอ่ย “พ่อครับ โรงแรมที่ผมจองให้พ่อคราวที่แล้วชื่อว่าโรงแรมปาร์คเฮ้าส์ เป็นโรงแรมระดับเจ็ดดาว ในตงไห่ไม่น่าจะมีโรงแรมหรูระดับนั้น เพราะที่นี่ก็แค่เมืองเล็ก ๆ อย่าเรื่องมากเลยครับ”