ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 373 โรงแรมเล็ก ๆ พอไหวไหม?
ถังเหวินพยักหน้า “ก็จริง โรงแรมระดับเจ็ดดาวไม่ใช่ว่าจะมีทุกที่ แต่ว่าเสี่ยวหมิ่น เมืองตงไห่ของพวกเธอก็คงจะมีโรงแรมดี ๆ หรอกใช่ไหม?”
ถังหมิ่นมองหน้าฉินจุน “น่าจะมีแหละ เรื่องนี้ฉันก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน”
หลินเยวี่ยเหยาที่นั่งอยู่ด้านข้างกลอกตาอย่างแรง เธอหมดคำจะพูดจริง ๆ สองพ่อลูกนี่พอกันเลยจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะอวดตัวเองคงไม่พูดจาแบบนี้ออกมา
พอขึ้นมาบนรถกันหมด ก็มุ่งหน้าไปที่แทบชานเมือง ไปที่แหล่งท่องเที่ยว
รอบข้างเต็มไปด้วยป่าไผ่ มีสายน้ำไหล ทิวทัศน์เหมือนกับในภาพวาด
หลังจากลงมาจากรถ พอมองลอดเข้าไปในป่าไผ่ ก็จะเห็นว่าในดงป่าไผ่นั้นมีอาคารหลายหลังดูมีสไตล์มาก ๆ
ที่หน้าประตูมีแผ่นไม้ไผ่เขียนว่า ติงจู๋ซวน
ถังเหวินพอลงมาจากรถก็เบ้ปาก
“นี่มันที่ไหนกันเนี่ย ต่อให้ไม่มีโรงแรมระดับเจ็ดดาว ก็ต้องมีพวกโรงแรมห้าดาวไหม?จิ๊จิ๊ ”
ถังเหวินทำท่าทางเหมือนผ่านโลกมาเยอะ ทำเป็นวิพากษ์วิจารณ์สภาพแวดล้อมที่นี่ไปเรื่อย
พอเดินเข้ามาในติงจู๋ซวน ที่ด้านในมีถ้ำ
ภายนอกดูเหมือนจะมีแต่ป่าไผ่ มีสะพานข้ามคลองเล็ก ๆ พวกสภาพระบบนิเวศน์อะไรแบบนั้น แต่พอเดินมากลับเป็นศาลาริมน้ำ งดงามมาก ๆ
ไม่รู้ว่าหรูหรากว่าโรงแรมระดับห้าดาวเท่าไหร่
พนักงานต้อนรับส่วนหน้าแต่งตัวในชุดฮั่น ทั้งสูงทั้งสวยและสุภาพอ่อนน้อม
“คุณฉินทางเราได้เตรียมอาหารไว้ให้ท่านที่ด้านในหมดแล้วค่ะ เชิญเข้ามาได้เลยค่ะ”
ฉินจุนและคนอื่นๆ เดินเข้าไปในห้องโถงและเดินข้ามสะพานเล็กๆ ข้างหน้าเขาเป็นทะเลสาบที่ใสแจ๋ว มีเกาะอยู่กลางทะเลสาบซึ่งมีโต๊ะหลายตัวตั้งไว้แล้ว
ทุกคนเดินไปตามสะพานไม้ไผ่เล็ก ๆ และเข้าไปในศาลาใหญ่บนเกาะใจกลางทะเลสาบ หลังจากที่พวกเขานั่งลง ก็มีเด็กสาวนั่งดีดกู่เจิ้งอยู่ไกล ๆ
เสียงของกู่เจิ้งนั้นไพเราะและนิ่มนวลมาก ๆ เสียงดนตรีลอยมาตามลมช่างรื่นหู และก็ไม่ได้ส่งเสียงดังรบกวนการพูดคุยของทุกคน
มีทั้งเสียงนกร้อง ดอกไม้บานสะพรั่ง รอบ ๆ มีสายน้ำไหล บางครั้งก็มีปลาตัวเล็ก ๆ กระโดดขึ้นมาเหนือน้ำ บรรยากาศมันช่างงดงามจริง ๆ
ใบหน้าของทุกคนต่างเต็มไปด้วยความชอบใจ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มาทานอาหารในสถานที่แบบนี้ บรรยากาศแบบนี้มันยอดเยี่ยมสุด ๆ ไปเลยไหมล่ะ?
หลินเยวี่ยเหยาเองก็ค่อนข้างช็อก ไม่คิดเลยว่าตงไห่จะมีสถานที่แบบนี้
พี่ฉินนี่สุดยอดจริง ๆ เลยนะสามารถติดต่อสถานที่สุดหรูขนาดนี้ได้
เดิมที่ติงจู๋ซวนไม่ได้เปิดให้คนภายนอกเข้ามา จะจัดเตรียมไว้เฉพาะรับแขกคนสำคัญ ราคาก็แพงมาก ๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่ค่อยมีคนรู้จักที่นี่
พอหลินเยวี่ยเหยานั่งลง ก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าขี้เล่น
“ลุงสาม สถานที่เล็ก ๆ แบบนี้พอจะเข้าตาลุงบ้างไหมคะ?”
ถังเหวินเองก็ตกตะลึงกับความงามของสถานที่แห่งนี้ แต่ก็ยังทำเป็นปากแข็งพูดว่า
“ก็พอได้แหละ ก็คงเป็นเพราะที่นี่เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ดินก็ค่อนข้างถูก ถึงได้มีสถานที่สวย ๆ แบบนี้”
ท่าทางปากแข็งของถังเหวินทำคนอื่นรู้สึกอยากว่ามันน่าตลก เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าตกตะลึงในความหรูหราของโรงแรมแห่งนี้ แต่ก็ยังทำท่าปากแข็ง
สถานที่บรรยากาศแบบนี้คาดว่าทั้งประเทศจีนก็คงมีแค่ไม่กี่ที่ อย่าว่าแต่โรงแรมระดับห้าดาวเลย เจ็ดดาวก็ยังเทียบกับที่นี่ไม่ได้
พนักงานของที่นี่ต่างสวมใส่ชุดฮั่น ให้ความรู้สึกโบราณย้อนยุค
สาว ๆ ก็หน้าตาสวยมาก หนุ่ม ๆ ก็หน้าตาหล่อเหลา ดูแล้วถ้าอยากจะมาทำงานที่นี่ต้องโปรไฟล์ดีมาก ๆ แน่เลย
ไม่นาน พวกเขาไม่ต้องสั่งอาหารเลย เพราะอาหารได้ทยอยนำเข้ามาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้ว
กล่องไม้ไผ่สีแดงสไตล์โบราณ ดูมีสไตล์มาก ๆ
แม้ว่าบรรยากาศของที่นี่จะมีความโบราณย้อนยุค แต่ว่าอาหารที่นำมาเสิร์ฟก็เป็นอาหารสมัยใหม่ เพราะอาหารสมัยใหม่ค่อนข้างจะถูกปากคนส่วนใหญ่มากกว่า
ถังเหวินส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ ก่อนจะเบ้ปาก
“ทำไมถึงไม่มีแม้แต่สเต๊กฟัวกราส์ล่ะ”
ถังเจียนเฉียงหัวเราะออกมา “พ่อครับ สเต๊กฟัวกราส์แท้ ๆ ไข่ปลาคาเวียร์อะไรพวกนั้น มันมีแค่ที่ร้านอาหารฝรั่งเศสเท่านั้นถึงได้กินรสชาติแบบดั้งเดิม ที่นี่น่าจะไม่มี พ่อก็ทน ๆ กินหน่อยละกันครับ”
ถังเจียนเฉียงส่งเสียงไม่พอใจ ก่อนจะหยิบตะเกียบคีบอาหารกินด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ
อาหารที่อยู่บนโต๊ะเต็มไปด้วยปลาจากทะเลลึกเป็นหลัก มีทั้งร้อนเย็น ทั้งเนื้อสัตว์และผักสดควบคู่กัน อาหารคาวอาหารหวานไม่มีขาด รสชาติหวานเค็มตัดกันกำลังดี พิถีพิถันสุด ๆ
ร้านอาหารระดับหรูจริง ๆ ไม่ใช่ว่าอะไรแพงก็สั่งอันนั้น แต่ต้องเป็นสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกสบายที่สุดถึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
อาหารบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารรสเลิศนานาชนิด แม้กระทั่งอาหารต่างประเทศก็มี อย่างซาชิมิปลาทะเลน้ำลึกมีหมดทุกอย่าง
ถังเหวินพยายามจะหาข้อตำหนิ แต่ก็หาไม่เจอเลย
ขณะที่รับประทานอาหาร ถังเหวินก็เอ่ยถาม
“ตอนนี้เยวี่ยเหยากับเสี่ยวจุนทำงานอะไรกันล่ะ?เรียนแพทย์มาใช่ไหม?”
ถังหมิ่นพยักหน้า “เรียนแพทย์กันหมดเลย เด็ก ๆ ของพวกเราชอบด้านนี้กันหมด ถังเจียนเฉียงก็เป็นแพทย์ใช่ไหม?”
ถังเหวินพยักหน้าด้วยสีหน้าโอหัง
“ถูกต้อง เจียนเฉียงแน่วแน่อยากจะเป็นหมอมาตั้งแต่เด็ก ๆ ตอนนี้ก็ได้เป็นอย่างที่ต้องการ ได้เป็นแพทย์แผนจีน ตอนนี้ได้เป็นผู้อำนวยการสมาคมแพทย์แผนจีนประจำจังหวัด”
ใบหน้าของถังเหวินเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ลูกชายของตัวเองมีอนาคตไกล เป็นเรื่องที่เขาภาคภูมิใจที่สุด
ถังหมิ่นเองก็ปลาบปลื้มใจ “เจียนเฉียงนี่เก่งจริง ๆ เลยนะ เด็กขนาดนี้ก็ได้เป็นผู้อำนวยการสมาคมแพทย์แผนจีนประจำจังหวัดแล้ว ต่อไปอนาคตต้องไปได้ไกลแน่ ๆ ”
ถังเจียนเฉียงยิ้มออกมา แกล้งทำเป็นพูดอย่างถ่อมตน “ไม่เท่าไหร่หรอกครับ หลัก ๆ เป็นเพราะว่าสมัยเรียนผมตั้งใจมาก แล้วก็ได้เรียนกับอาจารย์ดัง ๆ จากมหาลัยต่าง ๆ เพียงแค่เราทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วพร้อมที่จะเรียนรู้ ถึงจะมีพัฒนาการครับ”
“พวกนายก็เป็นแพทย์เหมือนกันนี่?ไม่คิดเลยว่าที่พูดเล่น ๆ กันตอนเด็ก ๆ มาตอนนี้ทุกคนต่างได้เป็นแพทย์กันหมด”
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ตอนนี้ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไร ขยันเข้าอีกหน่อยก็ได้แล้ว วัยพวกนายสองคนสามารถรักษาคนไข้ได้แล้วก็ถือว่าไม่เลวเลยแหละ นึกย้อนไปตอนฉันอายุได้ยี่สิบห้ายี่สิบหกก็ฝึกงานตั้งนานกว่าจะได้บรรจุ ตอนนี้พวกนายสองคนได้บรรจุแล้วใช่ไหม?”
หลินเยวี่ยเหยายิ้มบาง ๆ “ตอนนี้ฉันเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพื่อประชาชน”
ถังเจียนเฉียงหน้าชาทันที
“ผู้อำนวยการ?เธอล้อเล่นหรือเปล่า?ฉันอายุตั้งสามสิบกว่าจะได้เป็นผู้อำนวยการ ปีนี้เธอเพิ่งยี่สิบห้าเองไม่ใช่เหรอ?”
นักศึกษาแพทย์นั้นต้องเรียนห้าปี จากวัยของหลินเยวี่ยเหยาแล้วก็เพิ่งจะเรียนจบมาไม่นาน โดยปกติแล้วเป้าหมายของพวกนักศึกษาจบใหม่ก็คือการได้บรรจุ
สามารถบรรจุได้อย่างราบรื่นก็ถือว่าเก่งมากแล้ว หรือถ้าเกิดทำผลงานได้ดี ไม่แน่ก็อาจจะมีโอกาสได้เลื่อนขั้นเป็นรองผู้อำนวยการ
แต่นี่มันหนึ่งในร้อยเชียวนะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการได้เป็นผู้อำนวยการเลย โดยปกติแล้วมันไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่นอน นอกจากจะทำผลงานที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ
หลินเยวี่ยเหยาเพิ่งจะอายุยี่สิบห้าปี กลับได้เป็นผู้อำนวยการแล้ว?
หลินเยวี่ยเหยายิ้มบาง ๆ “ทำไม ตกใจมากเลยเหรอ?”
ถังเจียนเฉียงเป็นพวกขี้อวด พอหลินเยวี่ยเหยาแสดงฐานะของตัวเอง ได้ตอกเขากลับบ้างแบบนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกสะใจ
ถังหมิ่นเอ่ย “เยวี่ยเหยาของพวกเราโชคดีจ้ะ ได้ร่วมผ่าตัดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายครั้ง ก็เลยได้เลื่อนขั้นจ้ะ!”
ถังหมิ่นยังคงวางตัวด้วยท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตนโบราณวิถีอย่างดี อย่ามัวแต่สร้างภาพเลย ทำตัวให้ดูสูงเข้าไว้ดีกว่า
ถังเจียนเฉียงพยักหน้า “ที่แท้ก็มีอาจารย์คอยนำทาง ถ้าอย่างนั้นก็ถือว่าโชคดีมาก ๆ เลยนะ แต่ตอนนี้ก็ยังถือว่าความสามารถของเธอไม่สมกับชื่อเสียง เธอต้องขยันหมั่นเพียรจะได้เก่งขึ้น อย่าทระนงตนคิดว่าตัวเองเก่ง คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จเข้าหน่อยแล้วก็ทระนงตนอวดดี หนทางของเธอยังอีกยาวไกล”