ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 420 แค่โฟล์คสวาเกนพาสสาทเองเหรอ?
เธอมีประสบการณ์จากคราวก่อนแล้ว ครั้งนี้เฉินหยวนจึงไม่กล้าพูดอะไรมั่ว ๆ ออกไป เพราะว่าเดิมทีครอบครัวของเธอก็ไม่ใช่ครอบครัวที่ร่ำรวยอะไร มากสุดก็เป็นแค่ครอบครัวฐานะปานกลาง เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องให้ฉินจุนทำเป็นคนรวยอะไร
“เขาเป็นหมอเหมือนกันค่ะ”
“เป็นหมอเหมือนกัน?”
แม่ของเฉินหยวนและคนอื่น ๆ ในครอบครัวออกอาการผิดหวังนิดหน่อย เพราะพวกเขารู้จักสายอาชีพหมดดี เพราะถึงยังไงเฉินหยวนก็เป็นหมอเหมือนกัน
ถึงแม้จะเป็นหมอตำแหน่งสูงสุดก็ไม่ได้มีรายได้เยอะสักเท่าไหร่ เรื่องนี้ดูจากเฉินหยวนก็รู้ ในเมืองเฉินหยวนเป็นถึงรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกลางแล้ว แต่ครอบครัวของพวกเขาก็ยังไม่ได้ร่ำรวยสุขสบายอะไรเลย
“ถ้าอย่างนั้นครอบครัวของเขาทำอะไร?”
“เรื่องนี้……หนูไม่ค่อยรู้ค่ะ หนูไม่เคยถามเขา น่าจะทำธุรกิจนั่นแหละค่ะ” เฉินหยวนหาข้ออ้างไปเรื่อย
แม่ของเฉินหยวนเบ้ริมฝีปาก “ถ้าอย่างนั้นแม่คงต้องสอบสวนเขาหน่อยแล้วล่ะ ถ้าหากฐานะที่บ้านธรรมดาไม่ได้ร่ำรวยอะไร ก็อย่ามาหาว่าแม่ไม่ไว้หน้าเขาแล้วกัน!”
เฉินหยวนอาศัยช่วงเวลานั้นส่งข้อความหาฉินจุน บอกความต้องการอย่างชัดเจน ไม่เอาเว่อร์วังเกินเหตุแบบครั้งก่อน
ครอบครัวของเธอไม่เหมือนกับพวกเพื่อน ๆ อย่างพวกเติ้งเจีย
พวกเพื่อน ๆ สมัยเรียนยังค่อนข้างระมัดระวัง ไม่ได้พูดอะไรออกมาตรง ๆ ขวานผ่าซาก
ถ้าหากว่ามาแสดงว่าตัวเองเป็นเศรษฐีต่อหน้าคนในครอบครัวเหล่านี้ ถ้าพลาดขึ้นมาเจอแม่โลภมากอยากได้รถหรูอะไรขึ้นมาแน่ เรื่องแบบนี้บ้านของเธอกล้าทำอยู่แล้ว
ฉินจุนพอดูคำขอร้องของเฉินหยวนก็พอจะเข้าใจเรื่องราว ก็แค่แสดงว่าเป็นลูกเขยที่ค่อนข้างมีฐานะ แต่อย่าแสดงว่ามีเงินล้นเหลือมากเกินไป
ฉินจุนเตรียมจะไปเช่ารถก่อน ในเมื่อแสดงว่ารวยมากไม่ได้ ก็เช่ารถธรรมดา ๆ สักคันแล้วกัน
พอมาถึงร้านเช่ารถ เขากำลังจะเดินเข้าไป จู่ ๆ ก็มีรถโฟล์คสวาเกนพาสสาทมาจอดที่ข้างทาง พอลดกระจกลงชายที่นั่งอยู่ด้านในก็ตะโกนออกมา
“พี่ฉิน!”
ฉินจุนชะงัก ไม่คิดเลยว่ามาเมืองหลวงจะเจอคนรู้จักด้วย?
พอมองเข้าไปในรถ ฉินจุนก็แปลกใจทันที นี่มันเหล่าฝูที่กินข้าวด้วยกันก่อนหน้านี้ไม่ใช่เหรอ?
เหล่าฝูเองก็เองก็ตกใจมาก ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอฉินจุนที่นี่
เขารีบลงจากรถแล้วเอ่ยอย่างตื่นเต้น
“พี่ฉินครับ ผมไปเอารถกลับมาแล้ว เป็นรถที่พี่โทรไปบอกให้ประธานเถียนมอบให้ผม ผมต้องขอขอบคุณพี่มาก ๆ เลยนะครับ”
ฉินจุนยิ้ม “ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยน่ะ”
“พี่ฉินมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ?พี่จะเช่ารถ?”
“อื้ม รถคันก่อนหน้านี้เสียไปแล้วไง ว่าจะเช่ารถไว้ใช้ในเมืองหลวงสักหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ไม่ต้องยืมหรอกครับ ใช้ของผมเลย ผมให้พี่ยืม”
“มันจะดีเหรอ?”
“ดีไม่ดีอะไรกันล่ะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าพี่ ประธานเถียนจะให้รถผมเหรอ?”
เหล่าฝูเอ่ยอย่างกระตือรือร้น ส่งกุญแจรถให้ฉินจุน
ที่เขาพูดมามันก็ถูก ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าฉินจุนโทรศัพท์ไปคุยให้ เหล่าฝูคงไม่ได้รถคันนี้มา
“โอเค ถ้าฉันใช้เสร็จจะคืนให้นายนะ”
พอแลกเบอร์โทรศัพท์แลกวีแชทกับเหล่าฝูเสร็จ ฉินจุนก็ขับรถมุ่งหน้ามาที่บ้านของเฉินหยวน
ไม่นานก็มาถึงที่หน้าบ้านของเฉินหยวน
ที่นี่เป็นบ้านสไตล์ยุโรป เป็นบ้านชั้นเดียว มีสวนเล็ก ๆ โดยรวมแล้วถือว่าเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ กะทัดรัด
เฉินหยวนมารอที่หน้าบ้านนานแล้ว ที่ด้านข้างมีแม่ของเธอและคนอื่น ๆ
ฉินจุนจอดรถแล้วเดินลงมา
แม่ของเฉินหยวนก็ขมวดคิ้ว
“แค่โฟล์คสวาเกนพาสสาทเองเหรอ……”
แค่รถที่ขับมา ก็สามารถวิเคราะห์ฐานะการเงินได้แล้ว
รถโฟล์คสวาเกนพาสสาทนี้ยังไงก็ไม่เกินสองแสนกว่าหยวนเท่านั้น ก็ถือว่าธรรมดาสุด ๆ ห่างไกลกับความต้องการของเธอที่มีต่อลูกเขยมาก
ถ้าหากที่บ้านทำธุรกิจไม่เลว อย่างน้อยก็ต้องขับเบนซ์สิถึงจะเข้าท่าถูกไหม?
ฉินจุนเดินลงมาจากรถ กำลังเตรียมจะทักทายแต่ไม่ทันไรพวกแม่ของเฉินหยวนก็เดินเข้าไปในสวนทันที ทำหน้าไม่ต้อนรับเขา
เฉินหยวนเองก็เดาได้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ เธอรีบเดินไปคล้องแขนฉินจุนเดินเข้าไปในสวน
ครั้งแรกอาจจะยังแปลก ๆ แต่ครั้งนี้เธอชินแล้ว นี่เป็นครั้งที่สองที่ต้องแกล้งทำเป็นคู่รัก เฉินหยวนค่อนข้างคุ้นเคยแล้วว่าต้องทำอย่างไร เธอคล้องแขนฉินจุนก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่เหมาะสม ในท่าทางกลับกันเธอกับชินกับมันแล้ว
พอเดินเข้ามาในสวน นอกจากพ่อ แม่ แล้วก็น้องสาวของเฉินหยวนแล้วยังมีญาติคนอื่น ๆ อีกด้วย
ทุกคนนั่งอยู่ในสวน เหมือนกำลังประชุมหารือกันอยู่
พอฉินจุนเดินเข้ามาในสวน ก็ยกมือทักทายก่อนจะนั่งลงข้างเฉินหยวนที่เก้าอี้ด้านข้าง
เห็นได้ชัดว่าถึงแม้ว่าฉินจุนจะเป็นเขยคนใหม่ แต่ดู ๆ แล้วไม่ใช่คนที่ได้รับการต้อนรับมากที่สุดในบ้าน
เฉินเหยียนซือผู้เป็นพ่อของเฉินหยวน เหลือบมองฉินจุน เดิมทีเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ว่าพอมาคิดดูแล้วเขาเป็นแค่หมอธรรมดา แถมยังขับแค่รถโฟล์คสวาเกนพาสสาทเท่านั้นเอง จึงส่ายหน้าไม่พูดอะไรออกมา
“พรุ่งนี้มีการจัดงานเลี้ยงการประชุมสมาคมอุตสาหกรรมประจำจังหวัด ทุกคนได้ยินเรื่องนี้แล้วใช่ไหม?”
ทุกคนต่างพยักหน้า เดิมทีเมืองหลวงก็มีชื่อเสียงว่าเป็นเมืองอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมหนักมีความก้าวหน้าอย่างมาก เพราะฉะนั้นงานประชุมสมาคมอุตสาหกรรมนี้จึงเกือบจะเป็นองค์กรที่สำคัญที่สุดในเมืองหลวง
ตระกูลเฉินเองก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับถ่านหิน เพราะฉะนั้นจึงค่อนข้างให้ความสำคัญกับพวกกิจกรรมของสมาคมอุตสาหกรรม
ถึงแม้ว่าตระกูลเฉินจะทำธุรกิจถ่านหิน ฟังดูเหมือนจะร่ำรวย แต่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย
ในเมืองหลวงมีเหมืองถ่านหินขนาดเล็กใหญ่เต็มไปหมด สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจถ่านหินได้นั้นถือว่ามีเงิน แต่ว่า อย่างตระกูลเฉินนี้ไม่ได้เป็นผู้ขุดเอง เพียงแค่เป็นผู้รับเหมาถ่านหินที่คนอื่นขุดนำไปขนส่งแล้วก็ขายออก
และตระกูลเฉินก็เป็นแค่ผู้รับเหมาเจ้าเล็ก ๆ ในหมู่ผู้รับเหมา
ถือว่าเป็นพวกใช้จมูกคนอื่นหายใจ
น้องสาวของเฉินหยวนชื่อว่าเฉินหลิง ส่วนน้องเขยชื่อว่าหวังต้าตง ทั้งสองคนเองก็ทำธุรกิจด้านนี้
เฉินหลิงเอ่ย “พ่อคะ งานเลี้ยงสมาคมอุตสาหกรรมนี้พวกเรารู้อยู่แล้ว แต่ว่าพวกเราเป็นแค่ผู้รับเหมา เกรงว่าจะไม่มีสิทธิ์ได้เข้าไปหรือเปล่า?”
เฉินเหยียนซือพยักหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมา
เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ครอบครัวของพวกเราก็แค่ผู้รับเหมาเจ้าเล็ก ๆ ปริมาณถ่านหินที่ขนส่งและขายได้ต่อปีมีเพียงหมื่นตัน ส่วนยอดขายรวมก็แค่เพียง 3-5 ล้านเท่านั้น หักต้นทุนไปแล้วก็เหลือกำไรแค่ประมาณหนึ่งล้านหยวน
ฟังดูเหมือนจะเยอะ แต่ว่าครอบครัวมีคนตั้งมากมายขนาดนี้ ไหนยังต้องให้เงินเดือนลูกจ้างอีก จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ร่ำรวยอย่างที่เห็นภายนอก
ฟังดูแล้วเหมือนพวกเขาจะเก่งกาจ แต่แท้จริงแล้วก็อาศัยคนอื่นเขา
เฉินเหยียนซือเอ่ย “แต่พ่อได้ยินมาว่า งานเลี้ยงนี้มีตั๋วขายบางส่วนอยู่นะ พวกเราซื้อไว้หน่อยดีไหม?”
เฉินหลิงขมวดคิ้ว “ซื้อตั๋ว?พ่อคะตั๋วเข้างานนี้หนูได้ยินว่าใบละเป็นล้านเลยนะ มันสิ้นเปลืองเกินไปค่ะถ้าเราซื้อตั๋วแพงขนาดนี้?”
รายได้ของพวกเขาทั้งครอบครัว ทั้งปียังไม่สามารถซื้อตั๋วหนึ่งใบได้เลย อีกอย่างซื้อไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร เข้าร่วมงานประจำปีแบบนี้เพื่อพิสูจน์ว่าครอบครัวของเราเจ๋งแบบนั้นน่ะเหรอ?
ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย
เฉินเหยียนซือเอ่ย “อย่าพูดแบบนั้นสิ ตระกูลเฉินของเราไม่เติบโตเสียที สาเหตุหลักเป็นเพราะเรายังมีเครือข่ายคอนเนกชั่นไม่มากพอ ครั้งนี้ถ้าเราสามารถไปเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ได้ ผูกมิตรพวกคนชั้นสูงเอาไว้ ถ้ารู้จักคนพวกนี้เอาไว้แค่พูดคำเดียวก็ได้ออเดอร์แล้วไม่ใช่หรือไง?”
มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ พวกเขาทำธุรกิจนี้มันก็เป็นเพียงแค่การรับจ้างคนอื่น
ถ่านหินที่ถูกขุดออกมาพวกนั้นจำเป็นที่จะต้องได้รับการขนส่งและทำการขาย ส่วนจะให้ใครขายก็เหมือนกันหมด จะให้งานนี้กับใครก็แค่ท่านประธานใหญ่พูดมาคำเดียวเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ?