ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 481 ฉินฮ่าว, ปรมาจารย์ฉิน
เมื่อฉินฮ่าวได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างและเอ่ยตอบ
“สวมรอยเป็นปรมาจารย์ฉินเหรอ ? คุณกำลังพูดอะไรไร้สาระ คุณคิดว่าตัวตนของผมสามารถถูกคนอื่นสวมรอยได้ง่ายๆงั้นเหรอ ? ”
ฉินจุนจึงตอบว่าที่พูดไปก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น และทุกคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกับพูดอย่างขุ่นเคือง
“ก็ใช่น่ะสิ ใครมันจะกล้ามาสวมรอยเป็นปรมาจารย์ฉิน คุณนี่มันจริงๆเลยนะ ”
“ปรมาจารย์ฉินเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนเชียวนะ จากสองประโยคที่พูดไปเมื่อครู่นี้พวกเราก็ได้รับความรู้ตั้งมากมาย จะเป็นตัวปลอมได้อย่างไร ปรมาจารย์ยังไงก็คือปรมาจารย์ ”
“ปรมาจารย์ฉิน ท่านพอจะสละเวลามาทานอาหารด้วยกันกับพวกเราได้ไหม ? ”
ฉินฮ่าวยิ้มบาง ๆ สายตาของเขามักจะล่องลอยออกไปหยุดที่ร่างของหลินเยวี่ยเหยา และทันใดนั้นเขาก็เอ่ยตอบ
“ทานข้าวเหรอ ได้สิ ไม่รู้ว่าคุณเยวี่ยเหยาว่างหรือเปล่าครับ ? ”
หลินเยวี่ยเหยาชะงักไป เธอไม่คิดว่าปรมาาจารย์ฉินจะเจาะจงถามเธอคนเดียวและใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ดูเหมือนว่าปรมาจารย์ฉินเองยังคงมีความรู้สึกรักใคร่กับเธออยู่
เธอพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ว่างค่ะ เราไปกันเถอะ ”
“ได้ ”
ฉินฮ่าวเดินออกไปท่ามกลางวงล้อมของทุกคน ขณะที่ทุกคนต่างก็กำลังเข้าแถวเดินออกจากสถานที่แห่งนั้นอย่างเป็นระเบียบ เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมา
“ข้างหน้าหลีกทางให้หน่อย ! ให้ปรมาจารย์ฉินออกไปก่อน ! ”
เมื่อทุกคนได้ยินว่าเป็นปรมาจารย์ฉิน พวกเขารีบหันกลับมามองและเห็นฉินฮ่าวถูกรายล้อมไปด้วยฝูงชน จากนั้นพวกเขาก็หลีกทางให้
หลายๆคนไม่เคยเห็นปรมาจารย์ฉินมาก่อน เคยเห็นแต่เขาตอนสวมหน้ากาก และคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงหลังจากลงจากตำแหน่ง
เมื่อพวกตำรวจหันกลับมามอง จึงพบว่าฉินจุนเองก็อยู่ในฝูงชนด้วย แน่นอนว่าพวกเขารู้จักปรมาจารย์ฉินดี เมื่อกี้ฝูงชนตะโกนดังขนาดนั้น พวกเขาจึงรีบมาดู และก็เป็นตามที่คาดไว้ปรมาจารย์ฉินกำลังออกมาจริงๆ จึงรีบจัดระเบียบฝูงชนเพื่อหลีกทางให้เขา
และด้วยเหตุนี้ ทุกคนที่รายล้อมรอบๆฉินฮ่าวที่กำลังเดินออกมา แม้ว่าฉินจุนจะอยู่ในฝูงชนด้วย แต่เขาก็ไม่ได้เป็นที่สังเกตของผู้คน
ฉินฮ่าวชอบความรู้สึกนี้มาก สาวสวยรายล้อมเขาทั้งหน้าทั้งหลัง โดยเฉพาะหลินเยวี่ยเหยาที่ตอนนี้อยู่ข้างกายเขา รูปร่างหน้าตาแบบนี้น่าชื่นชมจริงๆ
พวกของเสอเกอที่อยู่ไกลๆเมื่อได้เห็นภาพนั้น พวกเขาก็เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังขึ้นมาทันที
“คนคนนั้นคือปรมาจารย์ฉินใช่ไหม ! ”
“ต้องเป็นเขาแน่ มีคนมากมายล้อมตัวเขาอยู่ แล้วก็เป็นชายหนุ่มด้วย ต้องเป็นปรมาจารย์ฉินแน่ๆ ”
“ดี พวกเราเฝ้ามันอยู่ตรงนี้แหละ ส่งคนลงไปดูหน่อย ถ้าใช่ปรมาจารย์ฉินจริงๆ เราค่อยหาโอกาสจับเขากัน ”
เสอเกอออกคำสั่งและลูกน้องคนหนึ่งก็แอบเข้าไปในฝูงชนอย่างเงียบ ๆ ทุกคนล้อมรอบตัวปรมาจารย์ฉินเต็มทางเดินไปหมด ต่างก็พากันถามคำถามเกี่ยวกับยาและสุขภาพ
หลังจากลูกน้องคนนั้นได้ฟังไปสองประโยค เขาก็ยืนยันได้ว่าคนนี้คือปรมาจารย์ฉิน จากนั้นจึงแอบส่งข้อความถึงเสอเกอ
ขณะที่ส่งข้อความอยู่นั้น ฉินจุนยืนอยู่ข้างหลังเขาและเห็นเนื้อหาข้อความบนโทรศัพท์ทั้งหมด และมุมปากของเขาก็กระตุกเพราะนึกอะไรสนุกๆออก
“ทุกคนขึ้นรถเถอะ ฉันจองร้านอาหารไว้แล้ว ไปกันได้เลย ”
หลังจากที่ฉินฮ่าวพูดจบ เขาก็พูดกับหลินเยวี่ยเหยาว่า “เยวี่ยเหยา คุณนั่งกับผมไหม ”
หลินเยวี่ยเหยาลังเลอยู่ครู้หนึ่ง เธอก็อยากนั่งไปรถคันเดียวกันกับปรมาจารย์ฉิน แต่ก่อนหน้านี้เธอเองก็รู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องของซูถิงถิง ดังนั้นเธอจึงยังคงลังเลอยู่
ในขณะเดียวกันฉินจุนก็ก้าวมาข้างหน้า จับมือของหลินเยวี่ยเหยาไว้และกล่าวว่า
“น้องฉันก็ไปกับฉันเถอะ ”
และตอนที่หลินเยวี่ยเหยากำลังลังเล ฉินจุนก็ดึงเธอขึ้นมาด้วยทันที
ทั้งสองขึ้นรถแท็กซี่คันเดียวกัน ส่วนฉินฮ่าวอยู่ในรถอีกคัน และทุกคนก็รีบมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารกันอย่างพร้อมเพรียง
ระหว่างทางฉินจุนและหลินเยวี่ยเหยาก็ไม่ได้คุยกันเลย เขาดูออกว่าหลินเยวี่ยเหยาเป็นกังวลมาก เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือและไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
ฉินจุนก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน และเธออาจจะไม่เชื่อหากเขาบอกความจริงกับเธอตอนนี้
ติ้งต่อง
โทรศัพท์มือถือของหลินเยวี่ยเหยาดังขึ้นและเมื่อมองมันก็พบว่าเป็นข้อความจากฉินฮ่าว
“เยวี่ยเหยา อีกสักครู่ทานข้าวเสร็จคุณจะมีเวลาเดินเล่นกับผมสักหน่อยไหม ? ”
หลินเยวี่ยเหยาถือโทรศัพท์และครุ่นคิดอยู่นาน ในสมองนึกถึงแต่เรื่องของเขากับปรมาจารย์ฉินเมื่อก่อน
เธอสงสัยว่ารูปนั้นบนไทม์ไลน์ของซูถิงถิงนั้นเป็นของจริงหรือไม่ ด้วยนิสัยขอปรมาจารย์ฉิน เธอตกหลุมรักคนอย่างเขาได้อย่างไร ?
“ได้ค่ะ ”
หลังจากลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า หลินเยวี่ยเหยาก็ตอบตกลง เธออยากจะรู้ว่าจริงๆ แล้วปรมาจารย์ฉินเป็นคนแบบไหนกันแน่
ฉินจุนนั่งอยู่ที่นั่งด้านหน้าของรถแท็กซี่และมองย้อนกลับไปผ่านกระจกมองหลัง มีรถสองสามคันแอบตามมาอย่างเงียบๆ
แน่นอนว่ามันไม่ได้ตามรถแท็กซี่ของฉินจุน แต่เป็นรถของฉินฮ่าวที่อยู่ข้างหน้าเขาต่างหาก
ฉินฮ่าวคิดว่าการได้สวมรอยเป็นปรมาาจารย์ฉินนั้นเป็นเรื่องดี ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็จะให้เขาได้ลิ้มรสความรู้สึกของการเป็นตัวตายตัวแทนสักหน่อยแล้วกัน
ไม่นาน เมื่อพวกเขามาถึงทางเข้าร้านอาหาร ฉินจุนและหลินเยวี่ยเหยาก็ลงจากรถ และเพื่อนร่วมชั้นก็พากันมาถึงตามลำดับ
ฉินจุนกวาดสายตามองผู้คนที่มารอบ ๆ นั้น และพูดกับเพื่อนร่วมชั้นเหล่านั้น
“เข้าไปกันก่อนเถอะ อีกสักครู่ปรมาจารย์ฉินจะตามมา”
ทุกคนไม่คิดอะไรมาก และตามฉินจุนเข้าไปในร้านอาหาร
ฉินจุนรอให้ทุกคนเดินเข้าไปก่อน จากนั้นด้านหลังเขาก็มีรถสองสามคันขับมาล้อมรอบ
เสอเกอเดินลงมาพร้อมกับลูกน้องสองสามคนและนำถุงผ้าสีดำมาด้วย มาหยุดตรงหน้าฉินฮ่าว
ฉินฮ่าวกำลังส่งข้อความถึงหลินเยวี่ยเหยาด้วยโทรศัพท์มือถือของเขา เมื่อเขาเห็นเสอเกอ เขาก็ผงะไปทันที
“พวกคุณจะทำอะไร ? ”
เสอเกอพูดอย่างเย็นชา “แกคือปรมาจารย์ฉินใช่ไหม ? ”
ฉินฮ่าวยืดอกของเขาและพยักหน้า
“ใช่ ผมคือปรมาจารย์ฉิน คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า ? ”
เสอเกอยิ้มเยาะ “มาหาแกนั่นแหละ ”
หลังจากพูดจบ เสอเกอก็ครอบดำบนหัวของเขา และลูกน้องก็พาฉินฮ่าวไปที่รถตู้ของพวกเขาทันที
“เฮ้ยๆ……”
ฉินฮ่าวตะโกนออกมาสองสามคำ แต่เขาไม่สามารถส่งเสียงได้มากเพราะหัวของเขาถูกคลุมอยู่ จึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกเขาพาตัวออกไป
หลังจากขึ้นรถ เสอเกอก็หยิบถุงเท้าขึ้นมาสองข้างและยัดเข้าไปอุดปากของฉินฮ่าวไว้ ทำให้เขาไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
ฉินฮ่าวรู้สึกคลื่นไส้จนอยากจะอาเจียน แต่ก็ยังอาเจียนไม่ได้ หลังจากดึงถุงออกแล้ว เขามองไปที่คนสองสามคนที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความกลัว เขาสั่นศีรษะและดิ้นรน
เสอเกอยิ้มเยาะ
“ปรมาจารย์ฉินใช่ไหม ? เก่งมากนักใช่ไหม ? ฆ่าพี่เฉินของพวกเราได้ ไม่ธรรมดาเลยนะ ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉินฮ่าวก็ตัวสั่นไปทั้งตัว สมองของเขามึนงง และความรู้สึกกลัวก็ก่อตัวขึ้นมา
“คุณจับผิดคนแล้ว ! ”
ฉินห่าวอยากจะตะโกนออกไป แต่ดันไอ้ถุงเท้าที่ยัดเข้าอยู่ในปากของเขา เขาจึงไม่สามารถตะโกนออกมาได้
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าการที่เขาสวมรอยเป็นปรมาจารย์ฉิน ชีวิตของเขาจะต้องตกอยู่ในอันตรายแบบนี้ และได้รู้อีกด้วยว่าปรมาาจารย์ฉินทำเรื่องบ้าๆ แบบนั้น
เขารู้ว่าเกาเฉินเป็นใคร เขาเป็นผู้คุมเมืองหลวงของมณฑลในช่วงปีแรกๆ และเขาเป็นบุคคลสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้
คนที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้นี้ถูกปรมาจารย์ฉินฆ่าจริง ๆ เหรอ ?
ซวยแล้ว ตอนนี้ลูกน้องเขามาล้างแค้นแล้ว อย่างนั้นเขาก็ต้องถูกฆ่าน่ะสิ ?
เกาเฉินพาฉินฮ่าวไปยังพื้นที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง และก็พบหลุมศพดินที่อยู่ในป่าลึก
ลูกพี่ผู้สง่างามของเมืองหลวงซึ่งตอนนี้ตายไปแล้ว ทำได้แค่เพียงฝังในสถานที่แบบนี้
เสอเกอมองดูสุสานดินนี้ และในใจเขาก็รู้สึกเศร้าอย่างยิ่ง
“พี่เขย ฉันจับฆาตกรที่มันฆ่าพี่ได้แล้ว ฉันจะล้างแค้นให้วันนี้แหละ ! ”