ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 504 คุยเรื่องแต่งงาน
ฉินจุนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองหน้าหลิ่วชิงชิงอยู่พักใหญ่ เขารู้สึกว่าวันนี้ผู้หญิงคนนี้พูดจา……หวานกว่าปกติ?
เขาจ้องมองเธอจนทำเอาหลิ่วชิงชิงหน้าแดง
“คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ พอดีว่าฉันมีเรื่องอยากจะขอให้คุณช่วย”
ฉินจุนพอได้ยินน้ำเสียงแบบนี้แล้วก็เผยรอยยิ้มแบบขมขื่นออกมาทันที
“หมายความว่าอะไร คุณจะให้ผมช่วยแกล้งเป็นแฟนปลอม ๆ ให้อย่างนั้นเหรอ?”
หลิ่วชิงชิงยิ้ม “คุณนี่ฉลาดจริง ๆ เลยนะคะ คุณรู้ได้ยังไงคะ?”
ฉินจุนหมดคำจะพูด เขาจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเป็นแฟนกำมะลออยู่แล้ว เป็นปลอมตัวเป็นแฟนให้คนตั้งหลายคน แถมยังต้องแกล้งเป็นพี่เขยให้คนอื่นอีก เรื่องแบบนี้ฉินจุนทำมาหลายครั้งหลายครามาก เรียกได้ว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเป็นแฟนกำมะลอก็ไม่เกินจริง
ฉินจุนเอ่ย “ช่วยแกล้งเป็นแฟนของคุณมันไม่กดดันไปหน่อยเหรอ?”
คนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ที่เขาแกล้งเป็นแฟนกำมะลอให้ต่างก็เป็นแค่คนธรรมดา ต่อให้เป็นหญิงสาวจากตระกูลเศรษฐีก็มีแค่ระดับจู้หลินหลินเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ถือว่าเป็นมหาเศรษฐีคนใหญ่คนโตอะไร
แต่กลับหลิ่วชิงชิงนั้นมันไม่เหมือนกัน เธอเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศและเป็นมากกว่าเศรษฐีด้วยซ้ำ
ถ้าช่วยเป็นแฟนปลอม ๆ ให้เธอมันต้องกดดันไม่น้อยแน่ ๆ
หลิ่วชิงชิงหลบสายตาเอ่ยอย่างรู้สึกเขิน ๆ
“ความกดดันสูงแต่ก็ไม่มีทางเลือกค่ะ ถ้าจะให้ไปขอคนอื่น……ก็คงไม่ได้ เพราะว่าฉันบอกกับที่บ้านไปแล้วค่ะ ว่าแฟนของฉันคือคุณ”
ฉินจุนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ที่แท้ผู้หญิงคนนี้ก็วางแผนมาอย่างรอบคอบแล้ว
“ก็ได้ผมจะยอมเป็นไอ้แมงดาเกาะคุณ ให้ผมทำอะไรบ้าง?”
“อะแฮ่ม…” หลิ่วชิงชิงมีท่าทางแปลกๆ ขึ้นมาเล็กน้อย และพูดกับฉินจุนอย่างเขินอาย
“งานนี้ค่อนข้างลำบากค่ะ ครั้งนี้เราต้อง……คุยกันเรื่องแต่งงาน”
ฉินจุนชะงัก “คุยกันเรื่องแต่งงาน?นี่มันหมายความว่าอะไร?”
หลิ่วชิงชิงเอ่ย “เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกไปว่าเป็นแฟนกับคุณ แน่นอนว่าตอนนั้นฉันแต่โกหกออกไป ต่อมาคนที่บ้านถามฉันว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง คบกันไปถึงไหนแล้ว ฉันเลยบอกว่าคุย ๆ เรื่องแต่งงานกันแล้ว”
“เพราะฉะนั้นพวกเขาก็เลยอยากจะเจอหน้าพ่อแม่กับญาติ ๆ ของคุณ……”
ฉินจุนขมวดคิ้วเข้าหากัน “พ่อแม่ผมเสียไปแล้วทั้งคู่ ญาติ ๆ ก็เสียกันไปหมดแล้ว ถ้าหากจะคุยกันเรื่องแต่งงาน……ก็คงมีแค่ป้ารองของผมคนเดียว”
ฉินจุนไม่เหลือคนในครอบครัวแล้ว อารองก็ถูกท่านอาจารย์พาตัวไปแล้ว คาดว่าคงจะไม่กลับมาอีกสักพักใหญ่ ถ้าหากจะคุยกันเรื่องแต่งงานจริง ๆ ก็คงต้องเป็นป้ารองที่จะตัดสินใจ
หลิ่วชิงชิงเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นคงจะต้องรบกวนป้ารองของคุณแล้วล่ะค่ะ”
พอหลิ่วชิงชิงพูดจบ ฉินจุนก็ได้สติขึ้นมาทันที
“นี่คุณหมายความว่า นอกจะผมจะต้องปลอมตัวเป็นแฟนให้คุณแล้ว ผมยังต้องพาป้ารองของผมไปด้วยเหรอ?”
หลิ่วชิงชิงเอ่ยด้วยใบหน้ารู้สึกผิด “ใช่ค่ะ”
ฉินจุนหมดคำจะพูด ก่อนหน้านี้ที่เขาปลอมตัวเป็นแฟนกำมะลอ มากสุดก็แต่เขาต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่คิดเลยว่าตอนนี้กลับต้องพาป้ารองมาทำอะไรแบบนี้ด้วย?
หลิ่วชิงชิงเดินมาตรงหน้าของฉินจุนพร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้าขอร้อง
“ฉันเอก็โดนกดดันมาถึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากคุณ คุณก็คิดซะว่าช่วยเพื่อนคนหนึ่งได้ไหมคะ?”
ฉินจุนจนปัญญา “ก็ได้ ผมจะช่วยคุณ”
ถ้ากลับไปเขาจะพูดความจริงกับป้ารองก็คงไม่ได้ คงต้องบอกป้ารองว่าเขามีแฟนแล้ว
แต่ว่าป้ารองก็รู้ว่าแฟนของฉินจุนคือซูเหวินฉี แบบนี้ถ้าต้องอธิบายคงจะลำบากน่าดู……
หลังจากตกลงกับหลิ่วชิงชิงเสร็จเรียบร้อย ฉินจุนก็กลับมาที่บ้านของป้ารอง
“เสี่ยวจุนมาพอดีเลย มากินข้าวกันเร็วลูก”
“ครับ”
ฉินจุนเองก็ไม่ได้ทำตัวไร้เหตุผลอะไร เขาก็ทำเหมือนกลับบ้านตัวเอง รับประทานอาหารกันตามปกติ
ระหว่างทานอาหารกันอยู่นั้น จู่ ๆ ฉินจุนก็เปิดประเด็นเอ่ยปาก “ป้ารองครับ ผมมีเรื่องอยากจะรบกวนพวกป้าครับ”
ถังหมิ่นเอ่ย “ดูพูดเข้า เกรงใจอะไรกันลูก มีอะไรก็พูดมาเลย”
หลินเยวี่ยเหยาก็เอ่ยอย่างล้อเล่น “นี่พี่ชาย คงจะไม่ใช่ให้พวกเราไปช่วยคุยเรื่องสู่ขอหรอกใช่ไหม?”
ฉินจุนเงียบไปพักหนึ่งไม่เอ่ยอะไรออกมา
จากนั้น ครอบครัวของป้ารองทั้งสามคนก็วางตะเกียบลงทันที ทุกคนต่างตกตะลึง
“ฉันพูดถูกจริง ๆ เหรอ?พี่จะแต่งงานแล้วเหรอ?”
ใบหน้าของถังหมิ่นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “จริงเหรอลูก เยี่ยมไปเลย เดี๋ยวป้าจะเป็นญาติผู้ใหญ่ให้เราเอง!ต้องไปสู่ขอแล้วใช่ไหม พวกเราต้องเตรียมตัวดี ๆ เลยนะเนี่ย ฝั่งนู้นเขาเป็นถึงดาราดัง เราจะขายขี้หน้าไม่ได้”
หลินยู่เองก็เอ่ย “ถูกต้อง แม้ว่าพวกเราจะมีฐานะพอประมาณ แต่ก็เทียบกับฐานะดาราดังไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกเราต้องตั้งใจหน่อย แสดงให้พวกเขาเห็นถึงความจริงใจของพวกเรา”
พอเห็นว่าป้ารองและลุงเขยตื่นเต้นกันขนาดนี้ ฉินจุนก็กระแอมสองสามทีก่อนจะเอ่ย
“ป้ารองครับ ไม่ใช่ซูเหวินฉีแต่เป็นคนอื่น”
มือที่กำลังลุกลี้ลุกลนของป้ารองหยุดลงทันที ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ไม่ใช่ซูเหวินฉี ?เด็กคนนี้นี่มันอะไรกัน เราเลิกกับซูเหวินฉีแล้วเหรอ ?สาวน้อยคนนั้นก็นิสัยดีไม่ใช่เหรอ?”
หลินเยวี่ยเหยาพูดไม่ออก “พี่ฉินจุนพี่นี่จริง ๆ เลยนะ ซูเหวินฉีเป็นถึงผู้หญิงในฝันของชายหลาย ๆ คน สวยขนาดนั้นพี่ยังเลิกอีกเหรอ?”
ฉินจุนยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะเอ่ย
“จริง ๆ แล้ว คราวก่อนผมไม่ได้บอกกับพวกคุณป้า จริง ๆ แล้วผมกับซูเหวินฉีเราไม่ได้คบกันจริง ๆ ครับ มันเป็นแค่การสร้างกระแส พวกเราเป็นแต่เพื่อนกันเท่านั้น”
ถังหมิ่นขมวดคิ้วเข้าหากัน “เพื่อน?สร้างกระแส?แล้วทำไมเราไม่บอกป้าล่ะ หลอกให้ป้าดีใจเก้อ ขนาดป้าเรายังหลอกได้นะ!”
“โถ่ ป้ารองครับ ตอนนี้ผมก็มีแฟนใหม่แล้วไงครับ”
“ครั้งนี้ใครอีกล่ะ?เราบอกมาว่าใครป้าจะฟัง”
“แฟนของผมคนนี้ฐานะค่อนข้างไม่ธรรมดาครับ เธอคือ……”
ฉินจุนกำลังจะเอ่ย จู่ ๆ ที่หน้าประตูก็มีเสียงคนเคาะประตูดังขึ้น
ถังหมิ่นรีบวิ่งไปเปิดประตู พอเปิดประตูออกไป ก็พบว่าที่ด้านนอกมีคนจำนวนหนึ่งยืนอยู่ ทำเอาถังหมิ่นชะงัก
“น้องสาม?เธอมาได้ยังไง?”
หญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านนอกชื่อว่า เกาฟาง เป็นลูกพี่ลูกน้องคนที่สามของถังหมิ่น ถ้านับตามศักดิ์แล้ว ฉินจุนก็ควรเรียกว่าป้า หรือจะเรียกว่าป้าสามไปเลยก็ได้
เกาฟางเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ไม่ได้มาบ้านพี่เสียนาน ฉันก็เลยแวะมาเยี่ยมเสียหน่อย”
ถังหมิ่นเบ้ปาก แต่ก็ต้อนรับพวกเขาเข้ามาในบ้านอย่างกระตือรือร้น
เกาฟางเป็นลูกพี่ลูกน้องทางฝั่งแม่ของถังหมิ่น ตอนเด็ก ๆ พวกเธอวิ่งเล่นด้วยกันเป็นประจำ ต่อมาพอโตขึ้น ตระกูลถังได้ดองกับตระกูลฉิน ก็ทำให้ตระกูลถังมีหน้ามีตายกระดับขึ้น ทำให้ถังหมิ่นมีฐานะกลายเป็นคุณหนูรองผู้สูงส่ง อยู่เหนือเกาฟางหลายขั้น
เกาฟางนั้นอิจฉาริษยามาก ผ่านไปหลายปีพวกเธอก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน
ต่อมาตระกูลฉินถูกทำลาย ตระกูลถังก็ซวยไปด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นถังหมิ่นถูกขับไล่ออกจากตระกูล นับวัน ๆ ก็ยิ่งใช้ชีวิตลำบาก ตอนนั้นเองเกาฟางถึงเริ่มกลับมาติดต่อกับถังหมิ่น เพื่อจะเปรียบเทียบแสดงให้เห็นว่าเธออยู่เหนือกว่า
เดิมทีครอบครัวของเกาฟางนั้นเป็นครอบครัวธรรมดา ๆ แต่ว่าลูกชายของเธอแต่งงานกับตระกูลเศรษฐี ทำให้ฐานะทางบ้านดีขึ้นมาก ตอนนี้เธอจึงสามารถอวดร่ำอวดรวยได้
พอเดินเข้ามาในบ้าน เห็นการตกแต่งของบ้านก็เอ่ยขึ้น
“พี่รอง นี่มันตั้งกี่ปีมาแล้ว ทำไมพี่ยังอยู่บ้านเก่า ๆ แบบนี้ ทำไมไม่ย้ายไปคฤหาสน์ใหม่ ๆ ”
“พี่ดูเฟอร์นิเจอร์พวกนี้ของพี่สิ เก่าไปหมดแล้ว เดี๋ยวนี้มีเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ๆ ออกมาขายตั้งเยอะ ดี ๆทั้งนั้นเลยนะ”
ถังหมิ่นกลอกตามองบน ภายในใจเธอก็รู้สึกเอือมระอาขึ้นมาทันที แต่ว่าบนใบหน้าของเธอก็ยังยิ้มแย้มเหมือนเดิม
“พวกเราอยู่ที่นี่จนชินแล้ว ไม่อยากย้ายไปไหนจ๊ะ”
เกาฟางเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “นี่มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาพูดว่าชินไม่ชินนะ พวกบ้านของแบบนี้น่ะ ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ยิ่งดี ยิ่งพวกการตกแต่งนะ สามถึงห้าปีก็ควรจะเปลี่ยนใหม่สักหน่อย ไม่อย่างนั้นก็ซ้ำซากจำเจชะมัดน่ะสิ?”