ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 505 คุณหนูตระกูลเศรษฐี
“มีคนหลายคนเขาว่ากันว่า บางคนอยู่เพื่อใช้ชีวิต แต่บางคนอยู่เพื่อมีชีวิต”
“พี่รองแต่ก่อนพี่เป็นถึงคุณหนูเศรษฐีเชียวนะ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะตกอับ แต่ก็ไม่น่าจะขัดสนถึงขนาดนี่มั้ง”
เกาฟางอ้าปากพูดก็เปรียบเทียบถังหมิ่นกับชีวิตเมื่อก่อน ถังหมิ่นแต่ก่อนนั้นสูงส่ง เป็นถึงคุณหนูรองแห่งตระกูลถัง มีทั้งเงินและอิทธิพล ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
แต่ว่าตอนนี้กลับกลายเป็นแค่คนธรรมดา ขนาดตระกูลถังยังไม่ยอมรับเธอเลย ครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกต้องมาใช้ชีวิตกันอยู่ในบ้านเล็กเท่ารูหนูแบบนี้ ใช้ชีวิตธรรมดาอย่างสุด ๆ
ถังหมิ่นกลอกตาอีกครั้ง เอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่
“ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วสิ เทียบกับน้องสามไม่ติดหรอก พวกเราใช้ชีวิตกันอย่างคนธรรมดา ๆ ก็พอใจแล้ว เดี๋ยวแนะนำก่อนนะ นี่เป็นหลานชายของฉัน ฉินจุน”
ฉินจุนเอ่ยทักทายป้าสามอย่างสุภาพ นี่ถือเป็นการควบคุมอารมณ์ตัวเองแล้วถือว่าได้รับการสั่งสอนจากที่บ้าน
เกาฟางชะงัก “นี่มันคุณชายฉินนั่นน่ะเหรอ?พวกเธอยังติดต่อกันอยู่อีกเหรอ พี่สองพี่นี่สุดยอดจริง ๆ เลยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลฉินล่ะก็……เห้อช่างเถอะ”
คนอย่างเกาฟางไม่เข้าใจเรื่องครอบครัวหรอก ในสายตาของเธอ มีเพียงคนที่มีประโยชน์ต่อเธอเท่านั้นถึงจะนับเป็นญาติ
อย่างฉินจุนอย่างนี้ ทำให้เธอต้องโดนไล่ออกจากตระกูลถัง ถ้าเปลี่ยนเป็นเกาฟางเจอแบบเธอ ก็คงตัดขาดกับฉินจุนไปนานแล้ว
ที่ด้านหลังของเกาฟางยังมีอีกสองคนตามมาด้วย เป็นชายคนหญิงคน ต่างก็ยังเป็นวัยรุ่นกันทั้งคู่ เขามาในบ้านตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เกาฟางจึงเอ่ยแนะนำ
“นี่คือถิงถิง เป็นลูกสะใภ้ของฉันเอง ถิงถิง ถ้านับตามญาติแล้วหนูต้องเรียกเขาว่าป้าสอง”
ถิงถิงเพียงแค่เหลือบมองถังหมิ่นนิ่ง ๆ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “สวัสดีค่ะ”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างขมวดคิ้วมุ่น ยัยถิงถิงคนนี้นี่ไม่มีมารยาทเลย ขนาดแนะนำแล้วว่าเธอมีฐานะเป็นป้าสอง เธอกลับเอ่ยแค่สวัสดี
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่กลับทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเธอไม่ให้ความเคารพ
เกาฟางยิ้มบาง ๆ “พวกเธออย่าตำหนิเลย พอดีที่บ้านของลูกสะใภ้ฉันมีกฎค่อนข้างเข้มงวด ถ้าไม่ได้เป็นญาติกันโดยตรง ก็ห้ามนับคนอื่นว่าเป็นญาติกัน”
หลินเยวี่ยเหยาชะงักเธอไม่เข้าใจ
“ทำไมกันคะ?”
เกาฟางยิ้มแล้วเอ่ย “ก็ลูกสะใภ้ของฉันมาจากตระกูลเศรษฐี ถ้าหากมีคนมาพูดซี้ซั้วว่าเป็นญาติกัน ใช้ชื่อของเธอไปทำเรื่องอะไรไม่ดี มันก็จะส่งผลกระทบต่อตระกูลของเธอ”
หลินเยวี่ยเหยากลอกตามองบน เธอล่ะเอือมระอาหมดคำจะพูดจริง ๆ อันที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องถามคำถามนี้ แต่เพื่อเปิดโอกาสให้เกาฟางได้โอ้อวดเสียหน่อย
ตระกูลเศรษฐีที่ไหนกัน ต้องเว่อร์ขนาดนี้เชียวเหรอ?
ต่อให้เป็นสี่ตระกูลใหญ่แบบในอดีตก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย?
เกาฟางรู้สึกว่าสถานการณ์มันเริ่มอึดอัด เธอจึงเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม
“พวกพี่กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ?เมื่อกี้ตอนเดินเข้ามาฉันได้ยินเสียงพวกพี่คุยกันครึกครื้นเชียว?”
ถังหมิ่นเอ่ย “กำลังคุยกันเรื่องแต่งงานของหลานชายฉันน่ะ หลานชายฉันจะไปสู่ขอแล้ว”
เกาฟางได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
“อ๋อ?จะแต่งงานแล้ว?ฐานะทางบ้านผู้หญิงเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”
ลูกชายของเกาฟางได้แต่งงานกับหญิงสาวตระกูลเศรษฐี เพราะฉะนั้นเธอจึงรู้สึกสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ
เธอรู้สึกว่าถ้าหากคนอื่นไปแต่งงานกับหญิงสาวครอบครัวธรรมดา ๆ ถือว่าไร้ความสามารถ
ถังหมิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง “ฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน กำลังคุยกันเรื่องนี้พอดี เสี่ยวจุน รีบบอกมาเลยนะแฟนคนนี้ของหลานที่บ้านเขาทำอะไร?”
ฉินจุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่อยากพูดออกไป
เพราะถึงอย่างไรหลิ่วชิงชิงก็เป็นคนมีชื่อเสียง ถ้าหากเกาฟางเอาไปพูดมั่วซั่วออกไป อาจจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อคนอื่นได้ง่าย
“ก็ครอบครัวธรรมดานี่ล่ะครับ ผมเองก็ไม่ค่อยรู้มาก”
ที่ฉินจุนพูดก็ไม่ได้ถือว่าโกหก บ้านของหลิ่วชิงชิงทำอาชีพอะไรเขาก็ไม่รู้จริง ๆ
แต่ว่าหลิ่วชิงชิงสามารถกลายเป็นนักธุรกิจสาวที่มีชื่อเสียงโด่งดังขนาดนี้ตั้งแต่อายุยังน้อยได้ ก็คงจะได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวไม่น้อย
ไม่มีนักธุรกิจรุ่นใหม่เจ้าของธุรกิจชั้นนำคนไหนที่จะสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ด้วยมือเปล่า มีแต่ในนิยายไร้สาระเท่านั้นที่คนอายุยี่สิบกว่าจะสามารถสร้างธุรกิจมีทรัพย์สมบัติหลายร้อยล้าน
อย่างวัยอย่างหลิ่วชิงชิงแบบนี้ ตอนเริ่มแรกจะต้องให้ครอบครัวช่วยเหลือแน่นอน
ฐานะของครอบครัวของหลิ่วชิงชิงคงจะไม่แย่ แต่ก็อาจจะแค่มีฐานะปานกลางไม่แย่ น่าจะยังห่างไกลจากตระกูลเศรษฐีมากอยู่
แต่พอหลิ่วชิงชิงก้าวหน้า คนในครอบครัวก็สุขสบายไปด้วย ตอนนี้ตระกูลหลิ่วก็ถือว่าเป็นตระกูลเศรษฐีไปด้วย
ใบหน้าของเกาฟางของเผยรอยยิ้มอย่างนึกสนุก “ครอบครัวธรรมดา ๆ ไม่ได้หรอกนะ สมัยนี้หาคู่ ถึงแม้ว่าเขาบอกว่าให้หาคู่ที่ฐานะเท่าเทียมกัน แต่ว่าเป็นผู้ชายน่ะนะก็ควรหาคนที่เขามีฐานะครอบครัวดีกว่า จะได้ไม่ต้องลำบากหลายปี”
“เธอดูลูกชายของฉันสิ ได้ถิงถิงมาเป็นคู่ชีวิต ครอบครัวของเราก็กลายเป็นครอบครัวเศรษฐีไปเลย แต่ก่อนก็อยู่บ้านธรรมดา ๆ แบบนี้แหละ แต่ตอนนี้ได้อยู่คฤหาสน์แล้ว จริงไหมจ๊ะ?”
ถิงถิงยิ้มบาง ๆ เธอนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางวางมาด ว่าตัวเองเป็นคุณหนูมาจากตระกูลเศรษฐี ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก
สายตาที่เธอมองพวกฉินจุน มันเหมือนกับมังกรที่มองเหล่าฝูงมด ทั้งดูถูกและสมเพช
“ก็ไม่ได้หมายความว่าตระกูลเศรษฐีจะดีไปหมดหรอกนะ ตระกูลเศรษฐีก็มีเรื่องให้ต้องกลุ้มใจ อีกอย่างก็ไม่ใช่ว่าผู้ชายทุกคนจะมีความสามารถหาแฟนเป็นคุณหนูจากตระกูลเศรษฐีได้ คุณแม่คะ คุณแม่อย่าเอาความคาดหวังของคุณแม่ไปคาดหวังคนอื่นเลยค่ะ”
เกาฟางหัวเราะออกมาด้วยความพอใจ ลูกสะใภ้คนนี้นี่ทำให้เธอได้หน้าจริง ๆ
“ฮ่าฮ่า ถิงถิงพูดถูกจ้ะ เสี่ยวจุนเอ้ย ป้าก็ถือว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ของเธอ เดี๋ยวป้าจะช่วยสแกนแฟนที่เธอหามาให้ เรื่องพวกนี้น่ะป้าสามอย่างฉันน่ะถนัดเลยแหละ แต่ว่าถ้าหากว่าฐานะไม่ดี ต่อให้หน้าตาสวยก็ไม่โอเคนะ เข้าใจไหม?”
เสี่ยวจุนขมวดคิ้ว ภายในใจก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เธอเป็นใครกัน?
ถ้าไม่ใช่เพราะป้ารองแนะนำให้รู้จัก เขาก็ไม่รู้จักคนคนนี้ด้วยซ้ำ
คนอย่างเธอ มีสิทธิ์อะไรมาเข้ามาก้าวก่ายเรื่องของฉินจุน?
แต่ว่ามันเป็นแบบนี้ก็ดี ยัยผู้หญิงคนนี้คิดว่าตัวเองเจ๋งมาก ยัยถิงถิงคนนี้ฉินจุนรู้สึกคุ้นหน้า น่าจะเคยเจอที่ไหนมาก่อน ถือว่าเป็นคุณหนูมีฐานะ แต่ไม่ถือว่าเป็นตระกูลเศรษฐี
เกาฟางเอาแต่โอ้อวด ทำให้คนอื่นเอือมระอามาก ๆ
ฉินจุนเอ่ย “ที่ป้าพูดมาผมก็เข้าใจครับ ผมคิดว่าบ้านของแฟนผมก็น่าจะฐานะไม่เลวนะ”
เกาฟางรู้สึกว่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เธออยากจะเปรียบเทียบถังหมิ่นมาก
“ดีนี่ ในเมื่อเป็นแบบนี้ วันไปสู่ขอฉันจะไปด้วย ฉันอยากจะช่วยพวกเธอสแกนหลานสะใภ้!”
ถังหมิ่นขมวดคิ้ว “น้องสามเธอจะไปเหรอ?ไม่ค่อยดีมั้ง เธอไม่ได้รู้จักใครเขาเสียหน่อย……”
เกาฟางเอ่ย “ไม่ดีตรงไหน ฉันเองก็ถือว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ของเสี่ยวจุนไหมล่ะ อีกอย่างฉันได้ยินมาว่าตระกูลฉิน……ตระกูลฉินไม่มีใครแล้วไม่ใช่หรือไง ครอบครัวของพวกเราไปด้วย จะได้ดูใหญ่โต นายคิดว่างั้นไหม?”
พอเห็นสีหน้านึกสนกของเกาฟาง ฉินจุนก็เพียงแค่ยิ้มบาง ๆ
“ในเมื่อป้าอยากไปก็ไปด้วยกันก็ได้ครับ”
ไปด้วยก็ไม่มีปัญหาหรอก ขอแค่อย่างเดียวอย่าช็อกจนตกใจตายล่ะ
……
คืนนั้นเกาฟางและคนอื่นๆ ไปเช่าโรงแรมที่ชั้นล่างนอน จริง ๆ แล้วบ้านของป้ารองก็มีพื้นที่เพียงพอ เพราะบ้านของป้ารองก็เป็นแบบสามห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก กว้างกว่าขนาดมาตรฐานด้วยซ้ำ
แต่หลัวถิงถิงบอกว่า พื้นที่มันแคบเกินไป เหยียดขาไม่ได้ ต้องนอนที่กว้าง ๆ ถึงจะโอเค
ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนเธอก็วางมาดคุณนายจากตระกูลเศรษฐี สุดท้ายก็เลยหาเปิดโรงแรมนอนถึงจะพอใจ
คืนนั้นฉินจุนติดต่อไปหาหลิ่วชิงชิง หลิ่วชิงชิงก็เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว
“พรุ่งนี้ฉันจะส่งคนไปรับพวกคุณ เขาเป็นหุ้นส่วนเล็กๆ ของบริษัทเรา แซ่หลัวค่ะ”