ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 509 Supreme
มีรถขับเข้ามาอีกครั้ง และคนที่ลงจากรถก็คือเมิ่งเหวินกัง
“ไม่เจอกันนานเลยนะครับประธานหลิ่ว”
ทั้งสองก็จับมือและทักทายกันแบบง่ายๆ ทั้งคู่ก็เป็นนักธุรกิจของตงไห่ แน่นอนว่าพวกเขาก็ไปมาหาสู่กันบ้าง
เมิ่งเหวินกังพูด “ผมเป็นตัวแทนของครอบครัวฝ่ายชาย นำสินสอดมาให้ครับ”
งานคัดลายมือ และภาพวาดล้ำค่าทุกชนิด นาฬิกาล้ำค่า หยกทองและเงินเป็นตั้ง สินสอดทองหมั้นมากมาย
หลังจากส่งมอบเสร็จ เมิ่งเหวินกังก็รีบบอกให้คนขับรถขับรถออกไป อย่าขวางทางตรงนี้
จากนั้นก็ตามมาด้วยผู้บริหารซุน เถียนเจียอิ้น หวังจินไห่ เหลยหง ต้วนเป่าตง เพ่ยเหลียง
ผู้คนจากทุกสาขาอาชีพมาเพื่อมอบของสินสอดทองหมั้น และทั้งลานก็เต็มไปด้วยทรัพย์สิน เหมือนจัดนิทรรศการอัญมณีล้ำค่า
ชิวหยวนฮวาตะลึง นี่มันอะไรกัน นี่มันฟุ่มเฟือยเกินไปหรือเปล่า?
เหอเนี่ยนอิง เมิ่งเหวินกัง เถียนเจียอิ้น ผู้ประกอบการรายใหญ่เหล่านี้อยู่ในระดับเดียวกับหลิ่วชิงชิง
พวกเขาเปลี่ยนขึ้นมาเป็นบุคคลที่รวยที่สุดเกือบทุกสองหรือสามปี และหากธุรกิจใดมีผลิตภัณฑ์ยอดนิยม ก็จะกลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุด สลับกันไปมา ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาจึงอยู่ในระดับเดียวกัน
ไม่ต้องพูดถึงผู้บริหารซุน และหวังจินไห่ ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาเลย ทำได้แค่คอยประจบเขาเท่านั้น
ผู้คนเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้าได้กดตระกูลหลิ่วลงได้อย่างสมบูรณ์
ความรู้สึกเหนือกว่าของชิวหยวนฮวาได้หายไปอย่างสมบูรณ์
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าภูมิหลังของฉินจุนจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้!
“คุณยังมีความลับที่ฉันไม่รู้อีกเยอะแค่ไหน?”
ฉินจุนยิ้มบางๆ “คุณรู้จักผมดีเหรอไง?”
หลิ่วชิงชิงมองไปที่ดวงตาของฉินจุนด้วยแววตาสดใส
“ฉันต้องการรู้จักคุณอย่างช้าๆ”
ฉินจุนผงะ “ช้าๆ เหรอ? ช้าแค่ไหน?”
ทันใดนั้นหลิ่วชิงชิงก็คว้ามือของฉินจุนไว้ แก้มของเธอก็แดงขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้ก้มศีรษะลง สบตากับเขา และทั้งสองก็มองหน้ากัน
“ต้องใช้เวลาทั้งชีวิต”
…….
งานพบปะมอบสินสอดวันนี้กล่าวได้ว่ายิ่งใหญ่มาก การรวมตัวของผู้มีอิทธิพลจำนวนมากก็เป็นที่ฮือฮาไปทั่วประเทศแล้ว
หลังจากที่หลิ่วชิงชิงยุ่งกับการรับแขก คนเหล่านี้เดิมทีเป็นนักธุรกิจระดับเดียวกันที่มีโอกาสเคยได้มาร่วมมือกัน แต่ตอนนี้พวกเขากลับเป็นครอบครัวของฉินจุน เธอจึงไม่กล้าละเลย
เหอเนี่ยนอิงและคนอื่นๆ ก็ผ่อนคลายมาก ไม่มีการวางท่าใดๆ ราวกับว่าเป็นสมาชิกในครอบครัวปกติดื่มกับพ่อและลุงของหลิ่วชิงชิงอย่างเต็มใจ และมีความสุขมาก
ภาพความสุข และกลมเกลียวกันนี้ช่างน่าประทับใจจริงๆ
ฉินจุนคิดในใจว่าถ้าคนในตระกูลฉินยังมีชีวิตอยู่ก็คงจะดี
ทุกคนต่างก็ความสนุกสนาน ฉินจุนหยิบเหล้าขึ้นมาหนึ่งแก้ว มองดวงจันทร์ และดื่มจนหมดในคราวเดียว
เหล้าแก้วนี้ดื่มกับจันทร์เพื่อขอให้คนตระกูลฉินได้พักผ่อนอย่างสงบสุขในที่แสนไกล
หลังจากดื่มจนหมด จู่ๆ ร่างที่อ่อนนุ่มก็เอนตัวเข้ามา
หลิ่วชิงชิงมองมาด้วยสายตาลึกซึ้ง และพูดด้วยเสียงนุ่มนวล
“คุณมานั่งมองจันทร์อยู่คนเดียวที่นี่นี่เอง ไม่มาช่วยฉันรับแขกเลยนะ ฉันยุ่งจะตายแล้ว”
น้ำเสียงของหลิ่วชิงชิงมีความออดอ้อน เกรงว่าคงจะไม่มีใครเคยเห็นหญิงสาวที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศทำท่าออดอ้อน
ฉินจุนยิ้มและกล่าวว่า “คนพวกนั้นไม่จำเป็นต้องต้อนรับหรอก ปล่อยให้พวกเขาหากินเอง”
หลิ่วชิงชิงกลอกตาใส่ และพูดอย่างเคืองๆ
“นั่นเป็นเพื่อนคุณหนิ ฉันก็ต้องดูแลอย่างดีสิ ฉันมีมารยาท นั่นเป็นการไว้หน้าคุณนะ”
ฉินจุนมองหลิ่วชิงชิงที่ดูจริงจัง และพูดด้วยรอยยิ้ม
“แบบนี้พวกเราก็ถือว่า…เป็นเรื่องจริงแล้วใช่ไหม?”
หลิ่วชิงชิงอึ้งไปครู่หนึ่ง จับเอวของฉินจุน และแตะปลายจมูกเข้ากับปลายจมูกเขา
พูดอย่างอ่อนโยนว่า “คุณให้ชีวิตที่สองแก่ฉัน ฉันยินดีที่จะตอบแทนคุณด้วยชีวิตของฉัน คุณเต็มใจที่จะรับมันไหม?”
ฉินจุนช้อนคางของหลิ่วชิงชิงขึ้น มองตาของเธอแล้วพูดว่า
“ผมก็หวังว่าหัวใจของคุณจะเหมือนของผม ผมจะไม่มีวันทำให้คุณเสียใจ”
หลังจากพูดจบ ฉินจุนก็จูบที่ริมฝีปากของหลิ่วชิงชิง
วินาทีนี้เวลาเหมือนหยุดนิ่ง
……..
แม้แต่ฉินจุนเองก็ไม่คิดว่าจะได้มาแต่งงานกับหลิ่วชิงชิง
ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันบ่อย และทั้งคู่ต่างก็มีความสัมพันธ์แบบแพทย์และผู้ป่วย ในตอนแรกหน้าตาและผิวพรรณที่สวยงามของหลิ่วชิงชิง ล้วนถูกสร้างขึ้นโดยฉินจุน
แต่ความรู้สึกแบบนี้มันอธิบายยากมาก อาจเป็นอารมณ์ตอนนั้นที่ทำให้พวกเขากลายเป็นคู่รักกัน
ฉินจุนก็คิดว่ามันแปลกมาก บางทีตอนที่นำสินสอดมามอบให้ในวันนี้เขาอาจจะตัดสินใจอะไรได้บางอย่าง
หลังจากดื่มไปสามรอบ ชิวหยวนฮวาก็ยิ้มและดึงฉินจุนไปแนะนำ
“ลูกเขย ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จัก นี่คือลุงของชิงชิง นี่คือน้าของชิงชิง ต่อไปพวกเราทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน พวกคุณก็รู้จักไว้นะๆ”
ชิงหยวนฮวาเปลี่ยนคำพูดไปโดยสิ้นเชิง ท่าทางของเธอก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เรียกได้ว่าใจดีกับฉินจุนมาก เรียกลูกเขยๆ
ผ่านไปสักพัก ชิวหยวนฮวาก็ดูนาฬิกาของเธอ และพูดขึ้นทันที
“ชิงชิง ทำไมน้องชายแกยังไม่กลับ?”
หลิ่วชิงชิงก็เหลือบมองนาฬิกา และขมวดคิ้ว
“น่าจะกลับมานานแล้วนะ หรือว่าเที่ยวบินจะดีเลย์?”
หลิ่วชิงชิงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรไปที่เบอร์บริษัทสายการบิน
“ฉิันหลิ่วชิงชิงนะคะ ตรวจสอบเที่ยวบินของน้องชายฉันหน่อยค่ะ”
หลิ่วชิงชิงเป็นลูกค้าคนพิเศษ สายการบินจึงให้สิทธิพิเศษมากมายกับเธอ การสอบถามเกี่ยวกับเที่ยวบินของน้องชายของเธอแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา
ไม่กี่นาทีต่อมาก็มีโทรศัพท์โทรกลับมา
หลังจากหลิ่วชิงชิงฟังไปสักพัก ใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“แม่ เที่ยวบินของน้องปกติ แต่เขาไม่ได้ขึ้นเครื่อง!”
“ห๊ะ? ทำไมเสี่ยวเฉียงไม่ขึ้นเครื่อง? เรื่องสำคัญของพี่สาวขนาดนี้ทำไมเขาถึงไม่กลับมา?”
หลิ่วชิงชิงรู้สึกกังวลเล็กน้อย หลิ่วเสี่ยวเฉียงเป็นน้องชายของเธอ เขาเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย และตอนนี้ไม่มีอะไรทำ เขาอยากจะไปทางเหนือและใต้เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม และดูว่าเขาอยากทำอะไร
สุดท้ายก็ไปมาเก๊า และไม่กลับมาอีกเลย โดยบอกว่าได้งานทำแล้ว
การพบกันของหลิ่วชิงชิงและครอบครัวของสามีเธอในวันนี้ ถือว่าเป็นงานใหญ่ของตระกูลหลิ่ว หลิ่วเสี่ยวเฉียงจะต้องมาด้วย หลิ่วเสี่ยวเฉียงเป็นคนเจ้าเล่ห์อาจจะตั้งตารอโอกาสนี้เพื่อจะขออั่งเปาพี่เขยคนใหม่ของเขา
แต่สุดท้ายหลิ่วเสี่ยวเฉียงไม่ได้ขึ้นเครื่องด้วยซ้ำ ต้องเกิดเรื่องอะไรแน่ๆ
หลิ่วชิงชิงโทรไปตั้งหลายสาย แต่ก็ไม่สามารถติดต่อหลิ่วเสี่ยวเฉียงได้ เธอจึงกังวลทันที
“เสี่ยวเฉียงน่าจะมีเรื่องอะไรสักอย่าง เราไปมาเก๊ากันเถอะ!”
ฉินจุนขมวดคิ้ว “อย่าเพิ่งกังวล หาคนไปสืบก่อน หวังจินไห่”
หวังจินไห่อยู่ที่นั่นพอดี หลังจากได้ยินอย่างนั้นเขาก็เดินออกไปเพื่อให้คนไปตรวจสอบ
แม้ว่าโทรศัพท์ของหลิ่วเสี่ยวเฉียงจกปิดอยู่ แต่จีพีเอสของทหารนั้นแม่นยำมาก และสามารถวางตำแหน่งได้ภายในห้าเมตร
ถ้าไม่ใช่เพราะเส้นสายของฉินจุน แม้ว่าหลิ่วชิงชิงที่เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุด ก็ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงเช่นนี้
ประมาณสิบนาทีต่อมา ก็พบตำแหน่งของโทรศัพท์ของหลิ่วเสี่ยวเฉียง
“ตำแหน่งอยู่ในคาสิโนในมาเก๊า จากที่ผมดู หลิ่วเสี่ยวเฉียงน่าจะถูกคนกักตัวอยู่ในคาสิโน”