ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 517 จับโจรต้องจับหัวหน้าก่อน
เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ทุกคนตกใจมาก
นั่นคือเจ้านายของพวกเขานะ !
ประธานเหยา เหยาซิงฮุย เจ้าของ ซิงฮุยคาสิโน
ที่มาเก๊าแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองดั่งพระอาทิตย์กลางท้องฟ้า ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ ไม่คาดคิดว่าจะต้องมาร้องขอชีวิตในกำมือของฉินจุน !
เหยาซิงฮุยเองก็เป็นบุคคลที่ทรงพลังมากเช่นกัน เขาได้ผ่านเรื่องราวมามากมายในชีวิต แม้แต่กับดาบและปืนจริงเขาก็ไม่เคยหวาดกลัว
แต่เมื่อได้พบกับฉินจุน เขากลับต้องร้องขอความเมตตา
ในตอนที่ฉินจุนบีบคอและยกตัวเขาลอยขึ้น มือของฉินจุนก็เปรียบดั่งคีมเหล็กขนาดใหญ่
ห้านิ้วบีบอยู่บนคอของเขาแน่น แค่ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็หักทันที
เหยาซิงฮุยรู้สึกถึงความกลัวตายขึ้นมาและเข้าใจความรู้สึกตอนที่จะตายจริงๆ ดังนั้นเขาจึงใช้ประโยชน์จากช่องว่างเล็กๆ นี้รีบตะโกนออกมา
ฉินจุนยิ้มเยาะ “ขอชีวิตเป็นแล้ว ? ปอดแหกเป็นแล้ว ? งั้นผมก็จะให้โอกาสคุณ ”
หลังจากพูดจบ ฉินจุนก็เหวี่ยงเหยาซิงฮุยลงไปที่พื้น
หลังจากที่เหยาซิงฮุยล้มลงกับพื้น เขาไอสองสามครั้ง และลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หันหลังและรีบวิ่งไปด้านหลัง
หลังจากวิ่งไปไม่กี่ก้าว เขาก็ถูกล้อมรอบไปด้วยบอดี้การ์ดอยู่ด้านหลัง
จนในที่สุดเมื่อเหยาซิงฮุยรับประกันความปลอดภัยของตนเองได้ เขาก็ตะโกนว่า “จัดการมัน ! ”
ทุกคนลุกฮือขึ้นมาอีกครั้ง !
หลิ่วเสี่ยวเฉียงดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆก็พูดไม่ออก เขาไม่เคยเจอพี่เขยที่โง่ขนาดนี้มาก่อน มีโอกาสจับเจ้านายของอีกฝ่ายหนึ่งได้แล้ว จะปล่อยเขาไปทำไม ?
แบบนี้ก็ติดกับมันน่ะสิ ?
อย่างที่ว่ากันว่าจับโจรให้จับหัวหน้าก่อน แต่หัวหน้าของพวกมันถูกปล่อยไปแล้ว พวกมันจะต้องเล่นงานเราแน่
ในตอนที่คนเหล่านั้นกำลังพุ่งตรงเข้ามา ฉินจุนผลักด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปปะทะกับกลุ่มคนเหมือนกับนักกีฬาเล่นรักบี้
ปัง ปัง ปัง !
คนที่ตัวสัมผัสกับฉินจุนต่างถูกผลักกระเด็น ราวกับกระทิงพุ่งเข้าใส่ฝูงชนอย่างไรอย่างนั้น
พวกที่อยู่ด้านหน้าๆ ถูกฉินจุนผลักจนตัวกระเด็นลอยออกมาชนกับคนอื่นๆ ฝูงชนถูกแหวกเป็นทางจนฉินจุนผลักทุกคนออกและพุ่งไปถึงตรงหน้าเหยาซิงฮุยได้
ฉินจุนเผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายอีกครั้ง และยื่นมือออกไปบีบคอเหยาซิงฮุยทันที
“อ่อก…… ”
เหยาซิงฮุยหน้าซีดอีกครั้ง มือทั้งสองของเขาจับข้อมือของฉินจุนไว้แน่น แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถแยกตัวออกจากฝ่ามือที่เหมือนกับเหล็กของฉินจุนได้
เมื่อเหยาซิงฮุยถูกบีบคออีกครั้ง ทุกคนก็ตกตะลึง
มันจะเหมือนในหนังเกินไปหรือเปล่าเนี่ย ?
เมื่อกี้เหยาซิงฮุ่ยร้องขอความเมตตา และฉินจุนก็ปล่อยเขาไป แต่หลังจากปล่อยเขา เขาก็เรียกให้คนจัดการฉินจุนทันที ผลสุดท้ายเขาถูกฉินจุนจับและชีวิตของเขาก็ตกอยู่ในกำมือของฉินจุนอีกครั้ง
เหยาซิงฮุยกลัวมากจนขาอ่อนและริมฝีปากสั่น
เขาฉวยโอกาสที่ฉินจุนกำลังจะบีบคอของเขา ตะโกนอย่างรวดเร็ว
“ผมผิดไปแล้ว ไว้ชีวิตผมเถอะ ผมไม่กล้าทำอีกแล้ว ! ”
ฉินจุนวางเหยาซิงฮุยลง และบนใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มขี้เล่น
“คุณไม่คิดว่าตัวเองเจ๋งแล้วเหรอ ? ผมจะให้โอกาสคุณอีกครั้งก็ได้ ”
หลังจากพูดจบฉินจุนก็ปล่อยเหยาซิงฮุยไปอีกครั้ง
เหยาซิงฮุยลูบคอของตัวเองและไอ เขาคุกเข่าอยู่บนพื้นกว่าครึ่งนาทีจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและกึ่งวิ่งกึ่งคลานเข้าไปข้างใน
เขาวิ่งเข้าไปในเห้องวีไอพีและปิดประตูล็อก เขายืนอยู่ที่หน้าหน้าต่างสูงจากพื้นแล้วมองลงมาดู จากนั้นจึงหยิบวิทยุสื่อสารออกมาแล้วพูดอย่างเย็นชา
“ฆ่ามัน ฆ่ามันเดี๋ยวนี้ ! ”
ฉินจุนผู้นี้เป็นอันตรายต่อเขามากจริง ๆ ผู้คนมากมายรอบตัวเขาขนาดนั้น เขายังสามารถฝ่าวงล้อมมาจับเหยาซิงฮุยได้ ฝีมือแบบนี้แข็งแกร่งเกินไปและต่อให้มีบอดี้การ์ดหลายสิบคนก็ไม่สามารถปกป้องเขาได้ คนแบบนี้อันตรายมากจริงๆ
แต่ตอนนี้เหยาซิงฮุยถือว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว เขาอยู่ในห้องสังเกตการณ์แบบวีไอพี ล้อมรอบด้วยกระจกกันกระสุน แม้ว่าจะมีปืนกลยิงรัวมาไม่หยุด แต่กระจกกันกระสุนนี้ต้องใช้เวลายิงนานสามถึงห้านาที และคนทั่วไปไม่สามารถทำลายมันได้
เหยาซิงฮุยที่อยู่ในห้องลับตอนนี้เขารู้สึกปลอดภัยอย่างมาก และเขาแทบรอไม่ไหวที่ผู้คนมากมายข้างนอกนั่นจะรีบฆ่าฉินจุนให้เขา
แต่ทว่าสิ่งที่เหยาซิงฮุยไม่คาดคิดก็คือคำสั่งของเขามันไม่ได้ผล หลังจากที่ออกคำสั่งแล้ว ลูกน้องของเขายังคงนิ่งเฉย
“อะไรน่ะ ! พวกแกมัวทำอะไรอยู่ เป็นบ้ากันไปหมดแล้วหรือไง ! ”
ไม่ว่าเหยาซิงฮุยจะตะโกนอย่างไร ลูกน้องของเขาก็ยังคงไม่ขยับเขยื้อน
ล้อเล่นหรือไง ฉินจุนโหดร้ายขนาดนั้น ใครมันจะกล้าไปสู้ด้วย ?
ฆ่าคนได้ด้วยมือเปล่า คนที่แข็งแรงอย่างเหยาซิงฮุยยังสามารถบีบคอเขาจนตัวลอยขึ้นด้วยมือเดียว และคนเป็นสิบถูกผลักจนลอยกระเด็นชนกันมั่วไปหมด ถ้าพวกเขาขึ้นไปสู้ไม่เท่ากับสังเวยชีวิตตัวเองหรือไง ?
แม้ว่าบอดี้การ์ดจะเป็นพวกนักเลงอันธพาล แต่ก็ส่งขึ้นไปตายไม่ได้นะ
แถมเจ้านายยังซ่อนตัวอยู่ในห้องคนเดียว แล้วส่งให้พวกเขาไปตายอีก แบบนี้มันไร้มนุษยธรรมเกินไปจริงๆ
เมื่อเห็นทุกคนไม่เคลื่อนไหว สีหน้าของเหยาซิงฮุยก็เริ่มดูไม่ดี แต่โชคดีที่ยืนอยู่ข้างในนี้เขาอย่างปลอดภัย
ฉินจุนยิ้มจาง ๆ และเดินไปที่ด้านหน้ากระจกกันกระสุน
เหยาซิงฮุยที่อยู่ด้านในหัวเราะอย่างเยาะเย้ย เขาหยิบเครื่องส่งสัญญาณวิทยุออกมา และพูดกับเครื่องส่งสัญญาณวิทยุว่า
“เด็กน้อย แกอย่าพึ่งดีใจไป สักวันหนึ่งฉันจะไปชำระบัญชีแค้นนี้กับแก ! ”
กระจกกันกระสุนนั้นหนามาก ถ้าไม่ใช้เครื่องส่งสัญญาณวิทยุก็จะไม่ได้ยินเสียงคนพูดที่อยู่ข้างใน
บอดี้การ์ดคนหนึ่งถอดหูฟังออก คือคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉินจุน และเขาตัวสั่นเล็กน้อย
“เอ่อ…… เจ้านายของเราบอกว่า อย่าพึ่งดีใจไป…… ”
ยังไม่ทันที่บอดี้การ์ดจะพูดจบ ฉินจุนก็ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า
“ไม่ต้องพูดซ้ำ ฉันจะเข้าไปถามเขาเอง ”
เมื่อสิ้นเสียงลง ฉินจุนก็เตะกระจกกันกระสุน
เพล้ง !
การเตะกระจกกันกระสุนก็เหมือนกับการเตะรั้วเหล็ก มีเสียงดังลั่น และจากนั้นก็ปรากฏรอยร้าวบนกระจก
ฉินจุนเตะกระจกจนทะลุเป็นวงกว้าง !
บอดี้การ์ดที่อยู่รอบๆ ต่างพากันตกใจ และเหยาซิงฮุยที่อยู่ข้างในนั้นยิ่งกลัวมากขึ้นไปอีกจนเขานั่งลงกับพื้น เขาตกตะลึงและมองด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ
หลิ่วเสี่ยวเฉียงที่อยู่ข้างๆเขาเองก็ประหลาดใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“พี่เขย โคตรเจ๋ง ! ”
ตอนแรกเขาคิดว่าพี่เขยคนนี้ก็เป็นแค่แพทย์แผนจีนธรรมดาๆ ไม่นึกเลยว่าจะเล่นพนันเก่งขนาดนี้ และฝีมือของเขาก็ยอดเยี่ยมมาก ได้มีพี่เขยแบบนี้มันสุดยอดมากเลย !
หลังจากเตะกระจกกันกระสุนเป็นรู ฉินจุนก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกมา และฉีกกระจกกันกระสุนทั้งแผ่นด้วยมือเปล่า !
ภาพตรงหน้าทำให้ทุกคนตกใจอีกครั้ง
แน่นอนว่าหากพวกเขาเคยได้เห็นเหตุการณ์ที่ฉินจุนบังคับรถไฟให้หยุดด้วยมือของเขา เหตุการณ์นี้ก็จะไม่ได้ดูทรงพลังมากนัก
เมื่อเข้ามาในห้อง ฉินจุนก็ยืนอยู่ตรงหน้าเหยาซิงฮุยอีกครั้ง มองดูท่าทางของเขาด้วยใบหน้านึกสนุก
“ยังต้องการให้ฉันให้โอกาสคุณอีกไหม ? ”
เหยาซิงฮุยขาอ่อนลง และกางเกงของเขาก็อุ่นขึ้นทันที จากนั้นก็มีน้ำอุ่นไหลออกมาจากเป้ากางเกงของเขา
หลิ่วเสี่ยวเฉียงถึงกับพูดไม่ออก
“ปอดแหกขนาดนี้ เปิดคาสิโนได้อย่างไรเนี่ย ? พี่เขย ไว้ชีวิตน้อยๆของเขาเถอะ อย่าทำให้มือพี่สกปรกเปล่าๆเลย ”
ฉินจุนยิ้มและตอบว่า “ถึงยังไงฉันมาที่นี่เพื่อช่วยนาย ถ้านายตัดสินใจอย่างนั้นก็ได้ ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหยาซิงหุยก็คุกเข่าลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว
“ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ฉันไม่ต้องการเงินแล้ว ได้โปรดทั้งสองท่านปล่อยให้ฉันมีชีวิตอยู่เถอะ ! ”