ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 553 อวดดี
หลังจากที่ครอบครัวของหวังหรงหรงกลับไป ครอบครัวของซูฮวนก็ไม่มีอะไรต้องกังวล
ถึงแม้ว่าครอบครัวของซูฮวนหวังตงเสวี่ยจะเป็นคนใจเย็นกัน แต่พอเจอสองแม่ลูกนั่นก็ทำให้หัวเสียพอสมควร พวกเธอไม่เคยเจอญาติที่ไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อน
มาขอให้คนอื่นช่วยแล้วยังทำท่าทางแบบนั้น ไม่ถนอมน้ำใจที่คนอื่นเขาหยิบยื่นมาให้เอาเสียเลย
“เสี่ยวจุนจ้ะ ทำให้เราลำบากแย่เลย น้าเองก็ไม่รู้ว่าพวกหล่อนจะเป็นคนแบบนั้น”
ฉินจุนยิ้ม “ไม่เป็นไรครับคุณน้า ต่อไปก็อย่าไปข้องแวะกับญาติแบบนี้บ่อยเลยนะครับ ไม่อย่างนั้นช่วยเธอไปก็ไม่มีดีอะไรขึ้นมา”
พูดจบฉินจุนกับหวังตงเสวี่ยก็กลับไป พอส่งหวังตงเสวี่ยถึงบ้านเสร็จ ฉินจุนก็ได้รับโทรศัพท์จากหลิ่วชิงชิง
“เกิดอะไรขึ้นคะ มีเรื่องทะเลาะกับพวกญาติ ๆ เหรอ?”
พอผู้จัดการซุนกลับไปแน่นอนว่าก็ต้องทำการรายงานให้หลิ่วชิงชิงทราบ เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่นั่นบ้างหลิ่วชิงชิงต่างกระจ่างหมดแล้ว
“หึหึ ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้ว่างแล้วเหรอ?ให้ฉันไปหาเธอไหม?”
“อื้ม พี่มาเลยค่ะ เดี๋ยวฉันรอ”
ไม่นานฉินจุนก็มาถึงบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน ตอนนั้นหลิ่วชิงชิงก็มารออยู่ที่ชั้นล่างอยู่แล้วพอดี
หลิ่วชิงชิงยืนอยู่ข้างรถออดี้Q7สีดำคันหนึ่ง ในมือของเธอถือกุญแจรถรอฉินจุนอยู่
พอเห็นฉินจุนมาแล้ว หลิ่วชิงชิงก็ยิ้มออกมาทันที เธอโยนกุญแจรถไปให้
ฉินจุนรับกุญแจรถมาแล้วก็ชะงัก
“นี่คือ?”
หลิ่วชิงชิงยิ้มแล้วเอ่ย “ฉันได้ยินมาว่าพี่โดนดูถูกเพราะว่าไม่มีรถ?ฉันเลยยกรถคันนี้ให้พี่ขับ”
ฉินจุนหัวเราะแห้ง ๆ ไม่ต้องถามก็รู้ว่าผู้จัดการซุนต้องเป็นคนบอก
“จริง ๆ แล้วฉันมีรถ เพียงแต่ว่าไม่สะดวกขับก็เท่านั้น”
ฉินจุนไม่เคยซื้อรถ ก่อนหน้านี้มีคนมอบรถสปอร์ตให้เขาเป็นของขวัญ แต่เป็นเพราะว่าทางไปบ้านของหวังตงเสวี่ยนั้นเป็นทางชนบท เพราะฉะนั้นจึงไม่สะดวกถ้าขับไป
ไม่คิดเลยว่าเรื่องจะไปถึงหูหลิ่วชิงชิงเข้าจนมอบรถให้เขา
หลิ่วชิงชิงยิ้ม “รถคันนี้ของฉันว่าง ๆ ไม่ค่อยได้ใช้งานพอดีค่ะ เลยให้พี่เอาไว้ขับ”
“เอ่อ จริง ๆ ฉันโทรบอกเถียนเจียอิ้นให้ส่งรถมาให้สักคันก็จบแล้วนะ”
เถียนเจียอิ้นเป็นถึงท่านประธานใหญ่แห่งตงฉีกรุ๊ป ทำเหมือนรถคันนึงเป็นของเล่น แค่ฉินจุนโทรไปคุยนิดหน่อย เถียนเจียอิ้นก็มอบรถโฟล์คสวาเกนพาสสาทให้แล้วคันหนึ่ง
ถ้าหากว่าฉินจุนอยากได้เอง เถียนเจียอิ้นจะต้องมอบรถระดับไฮคลาสให้แน่นอน
หลิ่วชิงชิงกลอกตาใส่เขา “ทำไมกัน ฉันไม่ได้ซื้อรถไม่ไหวสักหน่อย ทำไมจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น?หรือว่าพี่ไม่อยากจะใช้เงินของผู้หญิง?ตรรกะชายเป็นใหญ่?”
พอเห็นท่าทางขี้เล่นและน้ำเสียงบ่น ๆ ของหลิ่วชิงชิง ฉินจุนก็ยิ้มอย่างจนใจ
เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรพวกนี้อยู่แล้ว อย่าว่าแต่ใช้เงินผู้หญิงเลย ต่อให้โดนบอกว่าเกาะผู้หญิงกินฉินจุนก็ไม่ใส่อะไร เขาไม่สนใจว่าใครจะมองยังไงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
อีกอย่างในสายตาของหลิ่วชิงชิงแล้ว เธอมองว่าฉินจุนไม่ได้มีเงินมากมายเท่าเธอ
เพราะถึงอย่างไรหลิ่วชิงชิงก็เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ เรียกได้ว่าภายในประเทศจะหาคนที่มีเงินมากกว่าหลิ่วชิงชิงนั้นไม่มีอีกแล้ว นอกเสียจากฉินจุนที่เป็นอภิมหาเศรษฐีที่ปกปิดตัวตน
ฉินจุนหยิบกุญแจของหลิ่วชิงชิงขึ้นมา ตอนนี้มันก็ถือว่าเป็นรถคันใหม่ของเขาแล้ว รถคันนี้ไม่เลวเลยทีเดียว ทั้งใหญ่ทั้งมีระดับ สะดวกสบายมาก ๆ
พอทั้งสองขึ้นมานั่งบนรถ เตรียมจะขับออกไปทานอาหาร จู่ ๆ โทรศัพท์ของหลิ่วชิงชิงก็ดังขึ้น
พอเห็นชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ หลิ่วชิงชิงก็ขมวดคิ้วมุ่น เธอไม่ค่อยอยากจะรับเสียเท่าไหร่
เนื่องจากรถคันนี้เชื่อมบลูทูธของหลิ่วชิงชิงเอาไว้ ฉินจุนจึงเห็นชื่อที่โทรเข้ามาบนหน้าจอแสดงผลของรถ เป็นชื่อของผู้ชาย
ชื่อว่า “เจียงเหลียง”
ฉินจุนเองก็ไม่ได้หลีกเลี่ยงอะไรเอ่ยถามออกไปตรง ๆ “ทำไมไม่รับล่ะ?แฟนเก่าเหรอ?”
หลิ่วชิงชิงกลอกตาใส่เขา ก่อนจะกดรับสาย
“เจียงเหลียง โทรหาฉันมีอะไรหรือเปล่า?”
ทันใดนั้นปลายสายก็มีเสียงผู้ชายดังออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ชิงชิง ฉันกลับมาแล้วนะ ฉันไปเรียนเมืองนอกมาตั้งห้าปี ในที่สุดก็ได้กลับมาแล้ว อยากเจอเธอจัง”
หลิ่วชิงชิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ฉันไม่อยากเจอนาย ฉันกับแฟนกำลังจะออกไปทานข้าว”
เจียงเหลียงชะงักก่อนจะตอบกลับมา
“ชิงชิงเธอยังโกรธฉันอยู่ใช่ไหม เธอจงใจทำให้ฉันโกรธ เธอจะไปมีแฟนมาจากไหน?แฟนของเธอไม่ใช่ฉันหรือไง?”
หลิ่วชิงชิงขมวดคิ้วเข้าหากัน “นายอย่ามาหน้าด้าน”
พูดจบเธอก็กดตัดสายทันที
ฉินจุนนั่งฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด แต่ไม่ได้พูดแทรกอะไรออกไป ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตกลงคบกันแล้ว แต่ว่าเขาไม่เคยถามเรื่องความรักที่ผ่านมาของหลิ่วชิงชิงเลย
“แฟนเก่าเหรอ?”
ฉินจุนยิ้มไปถามไป
หลิ่วชิงชิงกลอกตามองบน “จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่เชิง พวกเราเป็นเพราะสมัยมัธยมต้น”
หลิ่วชิงชิงค่อย ๆ เล่าเรื่องความรักของเธอในอดีต การมีความรักในสมัยมัธยมต้น มันไม่ถือว่าเป็นความรักด้วยซ้ำ
ถือว่าเปิดการเปิดประสบการณ์ ถือเป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ
สมัยเรียนมัธยมต้น หลิ่วชิงชิงกับเจียงเหลียงนั่งข้างกัน ทั้งสองคนค่อนข้างสนิทกัน ชอบเขียนข้อความส่งกันไปกันมาผ่านสมุดโน้ต
ต่อมาความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ค่อย ๆ พัฒนา ถือเป็นความรักครั้งแรกที่เลือนราง แต่อย่างไรตอนนั้นมันก็แค่ช่วงมัธยมต้น ไม่มีแม้แต่การจับมือ มีเพียงมิตรภาพที่ค่อนข้างไม่ราบรื่นก็เท่านั้น
หลิ่วชิงชิงในตอนนั้นไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนี้ เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดา ๆ
วันเวลาผ่านไป ก็เริ่มมีเม็ดสิวขึ้นบนตัวของหลิ่วชิงชิงมากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มจากที่ตัวแล้วค่อย ๆ ลามไปบนใบหน้า
เจียงเหลียงก็รังเกียจเธอขึ้นมาทันที มีครั้งหนึ่งไปทานอาหารด้วยกัน กินไปกินมาเขาบังเอิญเห็นสิวที่คอของหลิ่วชิงชิงเข้า ก็รู้สึกขยะแขยงจนอ้วกออกมา หลังจากนั้นก็รีบย้ายที่นั่ง ให้หลิ่วชิงชิงไปนั่งหน้าคนเดียว แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีใครนั่งเรียนข้างเธออีกเลย
ประสบการณ์นี้ ถึงแม้ว่าดู ๆ แล้วมันจะไม่มีอะไร แต่ว่ามันเป็นบาดแผลในใจของหลิ่วชิงชิงในตอนนั้นอย่างมาก
ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว เจียงเหลียงไม่เคยติดต่อมาหาเธออีกเลย
จนกระทั่งช่วงก่อนหน้านี้ หลิ่วชิงชิงได้ขึ้นปกวารสาร มีรูปของเธอที่หน้าปก
พอเห็นรูปนั้นเข้า เจียงเหลียงก็ตกใจช็อกทันที
ไม่คิดเลยว่าอาการป่วยของหลิ่วชิงชิงจะหายดีแล้ว!
สมัยเรียนมัธยมปลาย เจียงเหลียงเคยไปหาหลิ่วชิงชิงอยู่ครั้งหนึ่ง แต่พบว่าอาการป่วยของหลิ่วชิงชิงนั้นรุนแรงยิ่งกว่าเดิม เรียกได้ว่าเป็นสิวเกือบทั้งหน้า เจียงเหลียงในตอนนั้นก็ตัดใจทันที
ทันทีที่ทั้งสองพบกัน หัวใจที่อ่อนแอของหลิ่วชิงชิงก็เจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง
ต่อมาเจียงเหลียงไปต่างประเทศ ทั้งสองคนก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก
แต่ว่าไม่คิดเลยว่าอาการป่วยของหลิ่วชิงชิงจะหายดี อีกอย่างเธอกลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน
นี่มันครบสูตร สวย รวย ขาว เลยนะ!
พอเจียงเหลียงรู้ข่าวนี้เข้า ก็อยากจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ หลาย ๆ ที ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเธอจะสวยขึ้นขนาดนี้แถมยังรวยขนาดนี้ ตอนแรกเขาจะทิ้งเธอไปได้ยังไง?
เห้อ โลกนี้ช่างยากที่จะคาดเดาได้
แต่ว่าเจียงเหลียงนั้นมั่นใจว่าตัวเองนั้นเป็นถึงรักแรกของหลิ่วชิงชิง เทียบกับผู้ชายคนอื่นแล้วย่อมมีภาษีดีกว่า เพราะยังไงแล้วรักแรกก็ลืมยาก โดยเฉพาะกับผู้หญิงแล้ว
เพราะฉะนั้นเจียงเหลียงจึงหน้าด้านกลับมา เตรียมจะไปหาหลิ่วชิงชิง เพื่อดูว่าจะรื้อฟื้นคืนวันเก่า ๆ ได้ไหม
หลิ่วชิงชิงนั่งอยู่ข้างคนขับ กำลังคุยกับฉินจุนว่าจะไปทานอาหารที่ไหนกับดี ไม่ได้เก็บเรื่องของเจียงเหลียงมาใส่ใจเลยด้วยซ้ำ
ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามา
“หลิวฮว๋าฮว๋า?”
หลิ่วชิงชิงกดรับสายก่อนจะเอ่ยถาม
“ฮว๋าฮว๋า มีอะไรเหรอ?” หลิวฮว๋าฮว๋าเป็นเพื่อนสมัยเรียนของหลิ่วชิงชิง ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาลัยของเธอ ภายหลังก็ยังติดต่อกันอยู่แต่ไม่บ่อย
“ชิงชิง เธออยู่ที่ถนนกุ้ยหลินหรือเปล่า เหมือนฉันจะเห็นเธอเลย?”
หลิ่วชิงชิงยิ้มแล้วเอ่ย “เปล่านะตอนนี้ฉันอยู่ที่ถนนฮุ่ยจ่าน กำลังจะไปกินปลาไนต้มผักดองเสฉวน เธอจะมาไหม?”
“เอาสิ ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกัน ฉันอยู่ที่นี่พอดี”