ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 558 มงกุฏราชินี
กล่องถูกเปิดออก มงกุฎอันงดงามวางอยู่ด้านใน
ราวกับดอกบัวที่บานสะพรั่ง เป็นสีทองระยิบระยับ ด้านบนมีมรกตและอัญมณีล้ำค่าฝังอยู่
เช่นเดียวกับสร้อยข้อมือก่อนหน้านี้ เป็นงานฝีมือที่ตอนนี้ไม่มีใครทำแล้ว
กล่องถูกเปิดออก และมงกุฎที่สวยงามยิ่งวางอยู่ข้างในอย่างเงียบๆ
เหมือนดอกบัวที่บานสะพรั่ง เป็นสีทอง มีมรกตและอัญมณีล้ำค่าฝังอยู่
เช่นเดียวกับสร้อยข้อมือในตอนนี้ ยังเป็นงานฝีมือแบบฝังมือที่หลากหลายซึ่งตอนนี้ได้สูญหายไป
ประธานข่ากล่าวว่า “มงกุฏนี้ถูกทำขึ้นโดยศาสตราจารย์จิมมี่ และมีเพียงศาสตราจารย์จิมมี่เท่านั้นที่สามารถทำงานฝีมืออย่างนี้ได้”
“ในชีวิตของอาจารย์จิมมี่มีผลงานที่ประสบความสำเร็จเพียงสองชิ้นเท่านั้น หนึ่งคือมงกุฎ และอีกชิ้นคือสร้อยข้อมือที่ทำจากชิ้นส่วนของมงกุฎซึ่งมอบให้กับนางกำนัลคนโปรดของเธอ”
หลังจากประธานข่าพูดจบ ทุกคนก็เงียบทันที
จู่ๆ บรรยากาศก็แปลกมาก
ก่อนหน้านี้สร้อยข้อมือให้ความรู้สึกหรูหรามาก แทบจะเป็นสิ่งที่มีมูลค่าที่สุดในบรรดาเครื่องประดับ
เป็นงานฝีมือระดับสูง และยังเป็นของโบราณ เป็นของจากราชวงศ์ที่ประเมินค่ามิได้
แต่ทันทีที่มงกุฎนี้ปรากฏขึ้น เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองชิ้นแล้ว พวกเขาก็พบว่ามันแตกต่างกันมาก
มงกุฎนี้ราชินีเป็นผู้สวมใส่ แต่สร้อยข้อมือเส้นนั้นนางกำนัลเป็นผู้ใส่
มงกุฏถูกทำขึ้นจากวัสดุหลัก แต่สร้อยข้อมือถูกทำขึ้นจากเศษวัสดุที่เหลือใช้
หลังจากที่รู้เรื่องนี้แล้ว คงไม่มีใครอยากใส่ของเหลือใช่ไหม?
หลังจากที่ประธานข่าแนะนำแล้ว ชิวหยวนฮวาก็ถอดสร้อยข้อมือออก และวางไว้ข้างๆ อย่างเงียบๆ ทันที
เมื่อมีมงกุฎนี้แล้ว สร้อยข้อมือก็ถูกบดบังทันที
“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้ นี่มันของปลอ…”
เจียงเหลียงอยากจะพูดว่านี่เป็นของปลอม แต่เขาก็ยังพูดไม่จบ แต่นี่ประธานข่าเป็นคนมามอบให้ด้วยตัวเองเลยนะมันจะเป็นของปลอมได้เหรอ?
หรือว่าจะสงสัยความสามารถของประธานข่า?
เมื่อได้จับมงกุฏนี้ ชิวหยวนฮวาก็ชอบจนวางไม่ลงแล้ว เธอไม่กล้าลองต่อหน้าผู้คนมากมายอย่างนี้ เธอจึงบิดไปมาด้วยความเคอะเขิน
“ขอบคุณมากนะลูกเขย ฉันเข้าบ้านก่อนนะ พวกคนหนุ่มสาวคุยกันไปนะ”
หลังจากรับของขวัญนี้ ชิวหยวนฮวาก็เปลี่ยนไปทันที ยิ้มให้ฉินจุน และเรียกเขาว่าลูกเขยอย่างสนิทสนม
หลังจากที่ชิวหยวนฮวาเข้ามาในบ้าน เจียงเหลียงก็หน้าเสียมาก จากเดิมที่เขานั่งอยู่บนรถเข็นก็ทำให้รู้สึกด้อยกว่าอยู่แล้ว ในขณะนี้ฉินจุนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาด้วยท่าทางหยิ่งยโสก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
ฉินจุนหัวเราเยาะ และพูดนิ่งๆ
“อ้อ
ถ้ามีอะไรที่ไม่ยอมรับ วันนี้ก็พูดออกมาให้หมดเลยนะ”
เขาดูออกว่าเจียงเหลียงเป็นเพียงแมลงวันตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น ถ้าไม่จัดการให้เขายอมจำนนเหตุการณ์แบบนี้ก็อาจเกิดขึ้นอีกได้ในอนาคต เคลียร์กันมาให้ชัดเจนในครั้งเดียวเลยดีกว่า จะได้ทำให้เขาเลิกคิดมายุ่งวุ่นวายอีก
เจียงเหลียงกำหมัดแน่น กัดฟันและพูดว่า
“ไอ้แซ่ฉินแกอย่ามาอวดดี พวกแกอย่ามาบีบบังคับฉันเลยจะดีกว่า!”
“ชิงชิง คุณก็น่าจะรู้ว่าพ่อของผมกับรองประธานธนาคารตงไห่เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสาบานกัน!”
หลิ่วชิงชิงขมวดคิ้ว “คุณหมายความว่ายังไง?”
แน่นอนว่าเธอรู้เรื่องนี้ดี พ่อของเจียงเหลียงและรองประธานธนาคารเป็นพี่น้องกันมาตั้งแต่เด็กๆ และต่อมาเมื่อได้ขึ้นเป็นรองประธานแล้ว เขาก็ได้ช่วยพ่อของเจียงเหลียงไว้ไม่น้อยเลย ดังนั้นธุรกิจของครอบครัวเขาจึงได้เจริญรุ่งเรือง
หลิ่วชิงชิงได้ยินน้ำเสียงของเจียงเหลียง ที่ดูเหมือนกำลังข่มขู่เธอ?
เจียงหลียงแค่นหัวเราะ “ชิงชิงผมรู้ว่าช่วงนี้บริษัทของคุณยื่นขอสินเชื่อจำนวนมาก ตอนนี้ผมจะบอกคุณให้ชัดเจนเลยนะ ให้คุณเลิกกับเขาเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นสินเชื่อจากธนาคารเหล่านั้นจะปฏิเสธคุณ”
“คุณ……”
หลิ่วชิงชิงพูดไม่ออกทันที
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเจียงเหลียงจะไร้ยางอายขนาดนี้ เอาเรื่องนี้มาขู่เธองั้นเหรอ?
ช่วงนี้บริษัทของหลิ่วชิงชิงต้องการกู้เงินก้อนใหญ่จริงๆ ถ้าหากจู่ๆ ธนาคารระงับเงินกู้กะทันหัน ก็เกรงว่าบริษัทจะมีปัญหาได้
ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติแล้วหลิ่วชิงชิงจะไม่ยอมให้บริษัทของเธอประสบกับวิกฤตเช่นนี้ แต่ตอนนี้เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินเป็นบริษัทด้านความงามที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศจีน และหลิ่วชิงชิงก็เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ!
จะเป็นไปได้อย่างไรที่ธนาคารจะไม่อนุมัติเงินกู้?
เว้นแต่จะมีคนทำให้จงใจปฏิเสธ
แน่นอนว่าธนาคารมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ ถ้าหากไม่ซื่อสัตย์กับพวกเขา
แต่ตอนนี้มีความซื่อสัตย์แล้วยังไง?
หลิวชิงชิงพูด
“เจียงเหลียง คุณก็น่าจะรู้ว่าฉันเป็นใคร ฉันไม่ใช่คนที่คุณจะมาข่มขู่ได้”
เจียงเหลียงเยาะเย้ย “คนที่ผมข่มขู่ไม่ได้งั้นเหรอ? ได้ งั้นรอดู!”
หลังจากพูดจบ เจียงเหลียงก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดโทรออก
“สวัสดีครับคุณอาข่งใช่ไหมครับ? ผมเจียงเหลียงนะครับ ผมมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากคุณอาหน่อยน่ะครับ! บริษัทเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินได้ไปขอยื่นเงินกู้กับพวกคุณหรือเปล่าครับ? คุณอาช่วยปฏิเสธเงินกู้ทั้งหมดของพวกเขาได้ไหมครับ… ใช่ครับ มีปัญหากันนิดหน่อยน่ะครับ… โอเคครับ ขอบคุณมากนะครับคุณอาข่ง!”
หลังจากวางสาย เจียงเหลียงก็มีสีหน้าเยาะเย้ย
“ชิงชิง คุณอย่าเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”
ทันทีที่เจียงเหลียงพูดจบ โทรศัพท์ของหลิ่วชิงชิงก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นหมายเลขคนที่โทรเข้ามา หลิ่วชิงชิงก็ขมวดคิ้วทันที
“ฮัลโหลค่ะ หลิวชิงชิงค่ะ”
“สวัสดีครับ ผมเป็นผู้จัดการธุรกิจของธนาคารตงไห่นะครับ เรื่องเงินกู้ที่บริษัทของคุณยื่นมากับทางธนาคารเรา เราไม่สามารถอนุมัติให้ได้ในขณะนี้ ต้องขออภัยจริงๆ ครับ”
หลิ่วชิงชิงขมวดคิ้ว “ผู้จัดการคะ คุณลองคิดดูดีๆ ก่อนสิคะ เราคือบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินนะคะ”
ผู้จัดการก็รู้สึกลำบากใจมาก “ประธานหลิ่วครับ ผมรู้ครับว่าพวกคุณคือบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน แต่ไม่มีทางเลือกจริงๆ ครับ นั่นเป็นสิ่งที่ผมได้ตัดสินใจไปแล้วครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ”
หลังจากที่ผู้จัดการพูดจบ เขาก็วางสายไป
ไม่มีทางเลือก ผู้จัดการก็ไม่มีทางเลือก นี่คือคำสั่งจากรองประธาน การปฏิเสธการออกเงินกู้ให้กับบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน นี่ไม่เท่ากับว่าเป็นการทำให้หลิ่วชิงชิงไม่พอใจหรอกเหรอ?
หลิ่วชิงชิงเป็นลูกค้ารายใหญ่ เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศนะ! ในสายตาของพนักงานธนาคารแล้วคนประเภทนี้เป็นลูกค้าชั้นยอด การที่รองประธานปฏิเสธบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน ก็ไม่รู้จริงๆว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ใบหน้าของหลิ่วชิงชิงเคร่งขรึมทันที ตอนนี้เธอหงุดหงิดมาก
แม้ว่าเงินกู้นี้จะถูกปฏิเสธ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้ แต่มันทำให้เธอรู้สึกรังเกียจมาก
กู้เงินไม่ผ่านทำให้หลายโครงการไม่สามารถเริ่มได้ ดังนั้นจึงส่งผลกระทบต่อการสั่งของและการชำระเงินงวดสุดท้ายของบริษัท
เมื่อถึงตอนนั้นบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินคงจะสูญเสียความไว้วางใจกับทั้งสองฝ่ายไป คำพูดปากต่อปากคงจะลดลงมาก
เธอรู้สึกขยะแขยงเจียงเหลียงนี่จริงๆ
ฉินจุนยิ้มและพูดว่า “ไอ้แซ่เจียงแกก็เก่งจังเลยนะ ใช้วิธีนี้มาข่มขู่ ดีนะที่แกยังคิดออก”
“แต่น่าเสียดายที่ตำแหน่งรองประธานเล็กๆ ไม่ได้มีอำนาจมากพอ”
เจียงเหลียงแค่นหัวเราะ “แกอย่ามาอวดดี รองประธานไม่มีอำนาจมากพอ? งั้นแกก็หาคนที่ใหญ่กว่านี้มา! ฉันจะรอดูว่าแกจะทำยังไง! ฉันล่ะอยากจะเห็นจริงๆ ว่าปรมาจารย์ฉินผู้โด่งดังคนนี้จะโชคดี มีเส้นสายในทุกวงการเลยหรือเปล่า?”
“ถ้าแกมีความสามารถขนาดนั้นจริงๆ แกก็คงทำให้ครอบครัวฉันล้มละลายไปแล้วมั้ง?”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ไร้ยางอายของเจียงเหลียง ฉินจุนก็หัวเราะเยาะและพูดว่า
“ในเมื่อแกมีคำขอแปลกๆ แบบนี้อีกแล้ว งั้นฉันจะจัดให้”
หลังจากพูดจบ ฉินจุนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออก
“สวัสดีครับท่านประธานซุน?”
“คุณฉิน ทำไมคุณถึงได้โทรหาผมล่ะครับ มีอะไรให้รับใช้รีบสั่งมาได้เลยครับ?
“ผมได้ยินมาว่าสาขาตงไห่ของพวกคุณปฏิเสธเงินกู้กับบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินน่ะครับ ผมอยากจะถามว่าทำไมน่ะครับ?”
ปรธานซุนอึ้งไปชั่วครู่ เขารู้ข่าวนี้เพราะเมื่อกี้รองประธานข่งได้โทรมารายงานเขาแล้ว
มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร จะปฏิเสธหรือไม่ปฏิเสธก็ไม่ได้สำคัญอะไร แต่เมื่อฉินจุนถามอย่างนี้เขาก็จะต้องระวังขึ้นมาหน่อย
“คุณฉินครับผมขออนุญาตถามว่าระหว่างคุณกับบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินเป็น…”
ฉินจุนพูด “หลิ่วชิงชิงเป็นแฟนผม”
ประธานซุนเบอกตากว้าง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เขาจึงรีบพูดทันที
“คุณฉินไม่ต้องกังวลครับ เรื่องนี้ผมจะจัดการให้คุณเอง จัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ!”