ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 595 พลาดโอกาสที่จะลุกขึ้นใหม่
พอพูดถึงหลิ่วชิงชิงขึ้นมา ทุกคนก็ต่างแสดงท่าทีชื่นชมและเคารพขึ้นมาทันที
“ว้าว มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศ!”
ตอนนี้หลิ่วชิงชิงเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน อีกอย่างเธอยังเป็นเศรษฐินีที่ทั้งสวยทั้งสาวอีกด้วย
หลายปีที่ผ่านมา เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศถ้าไม่เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ค้าน้ำมัน ก็มักจะเป็นเจ้าของเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
แต่ปีนี้เหนือความคาดหมายสุด ๆ ไม่คิดเลยว่าธุรกิจเครื่องสำอางจะมาม้ามืด กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของประเทศ
หลิ่วชิงชิงนั่นเพิ่งกลายมาเป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถือว่าทำให้เห็นว่าชายหญิงเริ่มมีความเท่าเทียมกันในสังคม
“เสี่ยวฟู้ เธอรู้จักกับเศรษฐินีอันดับหนึ่งจริง ๆ เหรอ?”
“พูดอะไรไร้สาระ ประธานฟู้เป็นถึงตัวแทนหลักประจำภาคใต้ของเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินนะ จะไม่ได้รู้จักเจ้านายตัวเองได้ยังไง?”
“หลิ่วชิงชิงสวยมากเลยไหม?”
‘……’
ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน พอพูดถึงหลิ่วชิงชิงต่างก็พากันให้ความสนใจ
ไม่ว่าจะทั้งชายหรือหญิงต่างก็มโนเพ้อฝันเกี่ยวกับเศรษฐินีอย่างหลิ่วชิงชิง
ฟู้เสียวเซวี่ยชอบความรู้สึกที่มีคนมารุมล้อมแบบนี้มาก ถึงแม้ว่าสิ่งที่ทุกคนสนใจจะเป็นเรื่องของหลิ่วชิงชิง แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร เพราะถึงอย่างไรเธอกับหลิ่วชิงชิงก็ไม่ใช่คนระดับเดียวกันไม่มีอะไรไปเทียบอยู่แล้ว
ได้รู้สึกกับหลิ่วชิงชิงนั้น ก็ทำให้เธอโดดเด่นในเหล่าเพื่อน ๆ ทำให้เธอรู้สึกเหนือกว่ามาก ๆ
“ฮ่าฮ่า ประธานหลิ่วน่ะเหรอ ฉันเจอแค่ปีละครั้ง ถ้าพูดไปพวกเธออาจจะไม่เชื่อนะ แต่แต่ก่อนน่ะประธานหลิ่วหน้าตาอัปลักษณ์มาก”
“อะไรนะ!”
ฟู้เสียวเซวี่ยพูดจบ ทุกคนก็ต่างตกใจช็อก หลิ่วชิงชิงนั้นมีชื่อเสียงขึ้นมาก็เพราะความสวย ได้ขึ้นปกนิตยสารแฟชั่น แถมยังพาดหน้าปกหนังสือเลยว่าเธอเป็นตัวแทนความงามแบบฉบับผู้หญิงภาคตะวันออกมากที่สุด
ความสวยของหลิ่วชิงชิงนั้นเป็นที่ประจักษ์ตาของทุกคน ฟู้เสียวเซวี่ยดันมาบอกว่าหลิ่วชิงชิงหน้าตาอัปลักษณ์ ?
“เสี่ยวฟู้เธอล้อเล่นหรือไงกัน?”
ฟู้เสียวเซวี่ยหัวเราะ เผยรอยยิ้มยากที่จะคาดเดาออกมา เหมือนกับว่าในสายตาของเธอคนพวกนี้เป็นแค่พวกที่อยู่ในกะลาไม่รู้เรื่องอะไร
“พวกเธอไม่เชื่อฉันเหรอ เธอรู้ไหมทำไมหลายปีก่อนหน้านี้เจ้านายฉันถึงไม่เคยเป็นข่าว หรือไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใด ๆ ?เป็นเพราะว่าเจ้านายฉันน่ะมีสิวเห่อเต็มไปหมดทั้งหน้า ลามไปทั้งตัวเลยล่ะ”
“ทุกครั้งเวลาเธอประชุมกับพวกฉันนะ ก็จะต้องใส่หน้ากาก ใส่หมวก ใส่แว่นตา ปกปิดคลุมไปทั้งตัวเลยล่ะ”
“มีครั้งหนึ่งฉันบังเอิญเจอเธอที่ห้องน้ำ ถึงได้รู้ว่าทั้งตัวของท่านประธานเต็มไปด้วยสิว”
“แต่ว่าปีนี้น่ะ ท่านประธานของพวกฉันได้ไปพบกับผู้มีพระคุณคนหนึ่งเข้า เห็นว่ากันว่าเป็นแพทย์อัจฉริยะ เขาได้ทำการผ่าตัดให้ท่านประธาน กำจัดเม็ดสิวที่อยู่ตามตัวออกไปให้หมด ทำให้ท่านประธานกลายเป็นสาวงาม ผิวพรรณของเธอเนียนละเอียดมาก ๆ ใคร ๆ ต่างก็อิจฉากัน!”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ ผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทเราที่เพิ่งเปิดตัว ที่เป็นตัวที่ช่วยลบเลือนรอยแตกลายและรอยแผลเป็นนั้น ก็เป็นสูตรยาที่นายแพทย์อัจฉริยะท่านนั้นเป็นคนมอบให้”
“ถ้าไม่ใช่เพราะผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ประธานหลิ่วก็ไม่มีทางกลายเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งได้ในพริบตาหรอก”
พอฟู้เสียวเซวี่ยพูดจบ ทุกคนก็ต่างตะลึงอ้าปากตาค้างตกอยู่ในอาการช็อก
นี่มันเป็นความลับสุดยอดเลยนะเนี่ย ถ้าไม่ใช่คนในเป็นคนเอามาเล่าแบบนี้ พวกเขาไม่มีทางเชื่อเลย
หลิ่วชิงชิงสวยขนาดนั้น ไม่คิดเลยว่าแต่ก่อนจะขี้เหร่ !
แบบนี้มันเรียกว่าเจอผู้มีพระคุณจริง ๆ นะ ไม่ใช่แค่สามารถรักษาอาการป่วยของหลิ่วชิงชิงให้หายได้ แต่ยังทำให้ธุรกิจของเธอให้ไปอยู่ในจุดสูงสุด
ฉินจุนที่นั่งฟังอยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกสนใจ
ดูเหมือนว่าฟู้เสียวเซวี่ยจะเป็นผู้บริการระดับสูงของเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินจริง ๆ ความลับแบบนี้เธอยังรู้เลย น่าจะเคยเจอหลิ่วชิงชิงตัวเป็น ๆ จริง ๆ ไม่น่าจะใช่เรื่องโม้
พอเห็นฉินจุนยิ้ม ฟู้เสียวเซวี่ยก็ขมวดคิ้ว
“ฉินจุนนายยิ้มอะไร?”
ฉินจุนชะงัก “หึหึ เปล่า ก็แค่เห็นเธอรู้เยอะดี”
“ทำไม?นายไม่เชื่อเหรอ?”
ฉินจุนแค่พูดไปอย่างนั้น แต่ในสายตาของฟู้เสียวเซวี่ยแล้ว เธอมองว่าท่าทางของเขาดูราวกับว่าเขาไม่เชื่อมัน ทำให้เธอไม่ค่อยพอใจ
“เอ่อ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อ……” ฉินจุนเอ่ยอธิบาย
ฟู้เสียวเซวี่ยกลับทำหน้าไม่พอใจ “นายไม่ต้องอธิบายแก้ตัว นายไม่เชื่ออะไร!คนระดับอย่างนายน่ะ คงไม่ได้สัมผัสกับเรื่องพวกนี้หรอก ไม่เชื่อก็ไม่แปลก”
พอฟู้เสียวเซวี่ยพูดจบ คนทั้งห้องก็เงียบลงทันที
เหล่าเพื่อน ๆ ต่างเผยสีหน้านึกสนุก โดยเฉพาะเจียงห่าว ที่ยักคิ้วหลิ่วตาอย่างกับกำลังจะได้เห็นอะไรสนุก ๆ
มาแล้ว ๆ !เสี่ยวฟู้จะลงมือแล้วโว้ย!
ตอนนั้นฉินจุนทำร้ายจิตใจของเธอขนาดนั้น เธอจะต้องไม่พอใจมาก ๆ แน่นอน วันนี้ได้มาเจอหน้าฉินจุนอีกครั้ง ฐานะของทั้งสองคนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ครั้งนี้เสี่ยวฟู้จะต้องแก้แค้นเรื่องในอดีตให้สาสม
ทุกคนรอคอยฉากนี้มาเนิ่นนาน
ฉินจุนหัวเราะเบาๆ “หึหึ”
เขาเพียงแค่หัวเราะสองทีแล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ
เอื้อมไม่ถึงคนระดับนี้?
หลิ่วชิงชิงเป็นแฟนของเขา ถ้าหากว่าทุกคนในที่นี้รู้ว่าหลิ่วชิงชิงเป็นแฟนตัวจริงของเขาล่ะก็ เกรงว่าพวกเขาคงจะตกใจจนตาถลนออกมา!
“เอาล่ะ พวกเรามากินข้าวกันก่อนดีกว่า ประธานฟู้ เมื่อกี้พวกเราสั่งไปแต่อาหารยังไม่ได้สั่งเหล้า เธอสั่งเองเลยแล้วกัน พวกฉันสั่งไม่เป็น”
เครื่องดื่มในร้านอาหารแบบนี้ต้องราคาแพงมากแน่นอน อีกอย่างงานเลี้ยงวันนี้ฟู้เสียวเซวี่ยก็เป็นคนจัด เพราะฉะนั้นก็ให้เจ้าภาพเป็นคนสั่งเอง
ฟู้เสียวเซวี่ยเอ่ย “ไม่ต้องสั่งหรอก ในรถฉันมีอยู่เดี๋ยวฉันเดินไปหยิบมา”
ฉินจุนเอ่ย “เหมือนในรถฉันก็มีอยู่เหมือนกัน ฉันไปหยิบมาสักหน่อย ทุกคนดื่มเต็มที่”
เมื่อตอนฉินจุนมาถึง เขาเห็นแวบ ๆ ว่ามีวิสกี้อยู่หายขวดที่ท้ายรถ ในเมื่อมีติดรถไว้พอดีก็เอาออกมาให้ทุกคนดื่มละกัน
ฉินจุนและฟู้เสียวเซวี่ยเดินออกมาหน้าประตู ฟู้เสียวเซวี่ยก็เดินไปที่รถBMW x5 ของเธอเพื่อจะเปิดท้ายรถ ขณะที่เธอเสียบกุญแจรถ เธอก็มองไปที่ฉินจุนแล้วเผยสีหน้าราวกับว่าตัวเองเหนือกว่า
ภายในใจก็รู้สึกหยิ่งยโส รถBMW x5คันนี้ไม่ใช่คนธรรมดาจะสามารถขับได้ ฟู้เสียวเซวี่ยขยันตรากตรำทำงานเก็บเงินเพื่อซื้อมันมา
แต่ก่อนสมัยที่ฉินจุนเป็นคุณชายตระกูลฉิน ไปไหนมาไหนก็มีรถหรูไปรับไปส่ง แต่ตอนนี้ล่ะ……
ติ๊ด ๆ
ฉินจุนเปิดท้ายรถออดี้Q7ที่จอดอยู่ข้าง ๆ ทันใดนั้นสีหน้าของฟู้เสียวเซวี่ยก็นิ่งไปทันที
Q7?
ฉินจุนขับรถอย่างดีขนาดนี้เลยเหรอ?
รถออดี้Q7เป็นรถระดับพอ ๆ กับBMW x5ของเธอ ถึงแม้ว่าฟู้เสียวเซวี่ยจะซื้อไหว แต่ว่าในสายตาของเธอแล้ว ฉินจุนก็เป็นแค่คุณชายตกอับ เขาต้องไม่สามารถขับรถระดับนี้ได้สิ
ตระกูลฉินไม่เหลืออะไรแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน?
“รถของนาย?”
ฟู้เสียวเซวี่ยเดินมาตรงหน้าพร้อมกับมองน้าฉินจุน จากนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยใบหน้าสงสัย
ฉินจุนพยักหน้า “อืม”
พูดจบก็ปิดท้ายรถแล้วเดินถือขวดเหล้ากลับเข้าไปทันที
พอปิดกระโปรงหลังท้ายรถ ฟู้เสียวเซวี่ยก็เหลือบมองเลขทะเบียนรถ ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
“นี่มัน……รถของประธานหลิ่วไม่ใช่เหรอ?”
ถึงแม้ว่าฟู้เสียวเซวี่ยจะเคยนั่งรถของท่านประธานหลิ่วแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ว่าเธอรู้ว่าประธานหลิ่วมีรถออดี้Q7อยู่คันหนึ่ง ถึงแม้ว่าระดับฐานะอย่างหลิ่วชิงชิงแล้ว จะนั่งรถเบนท์ลี่ย์ โรลส์-รอยซ์ อะไรแบบนั้น แต่ในความทรงจำของเธอรถที่ประธานหลิ่วชอบที่สุดเหมือนจะเป็นออดี้Q7
เมื่อตอนเจอกันปีที่แล้ว ฟู้เสียวเซวี่ยจำเลขทะเบียนรถของประธานหลิ่วได้ มันเลขเดียวกันกับรถคันนี้เปีะ ๆ !
ฟู้เสียวเซวี่ยขมวดคิ้วก่อนจะกลับไปที่ร้านอาหาร
พอเดินเข้ามาในห้อง ฟู้เสียวเซวี่ยก็เอ่ยถาม
“ฉินจุน รถที่จอดอยู่หน้าร้านนั่น เป็นของนายจริง ๆ เหรอ?”
ฉินจุนเอ่ย “ของฉันเอง ทำไมล่ะ?”
ฟู้เสียวเซวี่ยส่งเสียงอย่างไม่พอใจ “ไม่ใช่ทะเบียนรถปลอมใช่ไหม?”
ฉินจุนขมวดคิ้ว “เธอหมายความว่าอะไร?”
พอเหล่าเพื่อนนักเรียนหญิงได้ยินแบบนี้เข้า ก็หัวเราะขึ้นมาทันที
“เสี่ยวฟู้ เธอเองก็เห็นแล้วใช่ไหม รถของเหล่าฉินน่ะเป็นรถเช่ามา เมื่อกี้พวกฉันก็คุยกันเรื่องนี้”
ฉินจุนผงะไปครู่หนึ่ง ออกอาการแปลกใจเขาไม่เข้าใจความหมายว่าคนพวกนี้ต้องการจะสื่ออะไร
เหล่าสาว ๆ ต่างหัวเราะคิกคักแล้วเอ่ย
“เหล่าฉิน นายไม่ต้องสร้างภาพแล้ว เมื่อกี้พวกเราเห็นหมดแล้ว ชื่อบนใบทะเบียนรถไม่ใช่ชื่อนาย เช่ามาก็เช่ามาสิ ทำไมไม่ยอมรับล่ะ”
“นั่นน่ะสิ เมื่อกี้พวกเราเห็นหมดแล้ว พอได้แล้วหน่าเหล่าฉิน พวกเราก็เพื่อนกันทั้งนั้น ไม่เห็นต้องมาสร้างภาพใส่กันเลย”
“ถึงแม้ว่าแต่ก่อนนายจะเป็นคุณชายเศรษฐี ตอนนี้ต้องกลับกลายมาเป็นแค่คนธรรมดา มันก็ไม่ได้มีอะไรน่าขายหน้าเสียหน่อย”
“นั่นน่ะสิเหล่าฉิน นายเลิกสร้างภาพได้แล้ว”