ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 612 กระเป๋าใบละสองแสนกว่า
พอมาเทียบกันแล้ว ต่ำแหน่งของฉินจุนก็ตกลงไปไม่น้อย
ดูคนอื่นเขาสิ เจอหน้ากันก็ให้กระเป๋าแล้วทั้งที่ไม่จำเป็นว่าจะต้องรู้จักหรือไม่รู้จัก ท่านประธานใหญ่ต้องใจกว้างแบบนี้สิถึงจะถูก!
เดาว่าลูกเศรษฐีจอมปลอมแบบฉินจุนคงจะไม่กล้าทำอะไรแบบนี้
หลังจากแบ่งกระเป๋าให้แต่ละคนเรียบร้อย จี้กั๋วจวินก็เผยสีหน้าเป็นต่อ เขามองหน้าหวังตงเสวี่ยแล้วเอ่ย
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมถือมาขาดไปใบหนึ่ง เลยไม่มีให้คุณเลย”
หวังตงเสวี่ยออกอาการทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที เธอรีบโบกไม้โบกมือ “ไม่เป็นไรค่ะ ๆ ฉันไม่เอาหรอกค่ะ”
หวังตงเสวี่ยนั้นไม่ได้อยากได้ของจากจี้กั๋วจวินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่พอเขานำของมามอบให้ทุกคน แต่ไม่ให้หวังตงเสวี่ยแบบนี้ มันก็เห็นได้ชัดว่าสองมาตรฐาน เขาต้องการจะโจมตีเธอ ทำให้เธออับอายต่อหน้าคนอื่น สิ่งนี้มันทำให้เธอไม่พอใจสักเท่าไหร่
ยะหยาก็มองหน้าหวังตงเสวี่ยอย่างอวดดี ใบหน้าเผยความเป็นต่อออกมา งานปาร์ตี้วันนี้ เธอต้องการให้หวังตงเสวี่ยรู้ว่า ใครกันแน่ที่เป็นอันดับหนึ่ง เทียบกันแล้ว เธอจะต้องอยู่เหนือหวังตงเสวี่ยในทุก ๆ ด้าน
เหล่าสาว ๆ อดใจไม่ไหวจนต้องเปิดถุงดู พอเห็นกระเป๋าด้านในก็ตะลึงกันหมดเลย
“รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นเลยเหรอคะท่านประธานจี้?”
เดิมทีพวกเธอคิดว่าคนให้ของ แค่ให้รุ่นทั่วไปก็สุดยอดมากแล้ว นี่คนตั้งสิบกว่าคนเชียวนะ ให้รุ่นทั่วไปคนละใบก็แสนสองแสนแล้ว
ไม่คิดเลยว่าเขาจะให้เป็นรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นมาให้ขนาดนี้ กระเป๋าของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ราคาที่ถูกที่สุดก็ยังห้าหมื่นอัพเลย
ใจป้ำมากนี่เขาลงทุนเกินไปหรือเปล่า?
จี้กั๋วจวินยิ้มบาง ๆ “ก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ ผมทำธุรกิจด้านนี้อยู่แล้ว จะให้ของขวัญพวกคุณทั้งที ก็ต้องให้สมน้ำสมเนื้อหน่อย”
คำพูดของจี้กั๋วจวินทำให้ผู้คนต่างรู้สึกดีในตัวเขา ทุกคนต่างลูบไล้กระเป๋าของตัวเองอย่างชื่นชอบแทบไม่อยากจะวางลง
กลุ่มสาว ๆ พวกนี้ค่อนข้างรู้เรื่องพวกของแบรนด์เนมพวกนี้พอสมควร โดนเฉพาะพวกกระเป๋าแบรนด์เนม แค่พวกเธอจับดูก็รู้ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม
ทั้งผิวสัมผัสของหนัง ลวดลาย สี และพวกวัสดุต่าง ๆ ก็ทำออกมาอย่างพิถีพิถัน
จี้กั๋วจวินนั้นทำธุรกิจในด้านนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเอาของปลอมมาหลอกคนพวกนี้ อีกอย่างพวกเธอก็รู้เรื่องพวกนี้แค่นิดเดียว จึงเชื่อสนิทใจว่ากระเป๋าพวกนี้จะต้องเป็นรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นแน่นอน
“ประธานจี้มอบกระเป๋าดี ๆ ให้พวกเราขนาดนี้ แล้วท่านมอบอะไรให้ยะหยาเหรอคะ?”
จี้กั๋วจวินยิ้มบาง ๆ ใบหน้าเผยความภาคภูมิใจออกมา
“พวกคุณอย่าอิจฉานะครับ ของขวัญที่ผมมอบให้ยะหยาต้องใส่ใจเป็นพิเศษ”
พูดจบจี้กั๋วจวินก็หยิบกระเป๋าสีเงินขาวส่งให้ยะหยา
“ยะหยา ใบนี้ผมให้คุณ”
ยะหยาชะงัก ก่อนจะเผยสีหน้าอย่างดีใจสุด ๆ ออกมา
“จริงเหรอคะ?ขอบคุณมากนะคะประธานจี้!”
พอเห็นกระเป๋าใบนี้เข้า สาว ๆ ต่างก็อิจฉาตาร้อน
“นี่มันกระเป๋าถือ FENDI รุ่น Selleria เลยนี่!”
ตอนแรกพวกเธอคิดว่าเขาให้Louis Vuitton รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นกับพวกเธอก็หรูหรามากแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่ากระเป๋าที่เขามอบให้ยะหยาจะหรูหรายิ่งกว่าอีก
กระเป๋าถือ FENDI รุ่น Selleria สีเงินขาวสวยงามใบนี้ ราคามันแพงมาก ๆ
สาเหตุที่มันแพงนั้นก็เป็นเพราะว่า กระเป๋ารุ่นนี้ทำมาจากหนังเซเบิลและหนังกระรอกจากอเมริกาใต้ที่แพงและหายากที่สุด วัสดุมีความละเอียดอ่อนและผิวสัมผัสจะนุ่มเป็นพิเศษ
ราคาในตลาดปัจจุบันนั้นอยู่ที่ราว ๆ 250,000 หยวน
กระเป๋าใบละสองแสนห้า มันถือว่าเป็นอะไรที่แพงมาก ๆ เงินเท่านี้สามารถซื้อบ้านมือหนึ่งในหลาย ๆ เมืองได้เลยนะ
“ประธานจี้นี่ใจป้ำจริง ๆ เลยนะคะ ฉันเพิ่งเคยเห็นกระเป๋าใบละสองแสนห้าเป็นครั้งแรกเลย”
“นั่นสิ ต่อให้ท่านประธานจี้จะทำธุรกิจเกี่ยวกับของแบรนด์เนมอยู่แล้ว แต่อันนี้ก็ถือว่าใจป้ำสุด ๆ เลยค่ะ ยะหยานี่โชคดีจริง ๆ ”
“พวกเราเองก็โชคดี เป็นเพราะพึ่งใบบุญของยะหยา พวกเราเลยได้กระเป๋าลิมิเต็ด เอดิชั่นมาหนึ่งใบ ต้องขอบคุณประธานจี้อีกครั้งนะคะ”
“……”
ต่างคนต่างแสดงความคิดเห็น เยินยอจี้กั๋วจวิน เพราะถึงอย่างไรพวกเธอก็ได้ของมาจากเขา แต่ละคนต่างก็มีความสุขหน้าตาชื่นบาน
จี้กั๋วจวินมองหน้าฉินจุนด้วยสีหน้าเหนือกว่าและท้าทาย แล้วเอ่ยถามฉินจุน
“แล้วนายล่ะฉินจุน จะว่าไปนายก็เป็นท็อปสเปนเดอร์อันดับหนึ่ง ไม่ซื้อกระเป๋าให้บล็อกเกอร์ของนายบ้างเหรอ ขี้งกเกินไปหรือเปล่า?”
สีหน้าของคนอื่น ๆ เองก็มีความเยาะเย้ย ไหน ๆ ก็ได้ของมาจากจี้กั๋วจวินแล้ว ก็ต้องช่วยเขาพูด
“นั่นน่ะสิคะ คุณชายฉิน ต่อให้ไม่ได้ซื้อกระเป๋าลิมิเต็ดให้ อย่างน้อยก็ต้องจะซื้อกระเป๋ารุ่นทั่วไปให้หรือเปล่า?”
“เอ๊ะ?ฉันจำได้ว่าตอนที่หวังตงเสวี่ยเดินเข้ามาข้างใน เธอถือกระเป๋าเข้ามาใบหนึ่งนี่?เป็นแบบไหนกัน?”
“หึหึ จะเป็นแบบไหนได้ล่ะ ก็คงจะเป็นแบรนด์ธรรมดาทั่วไปนั่นแหละ ถ้าเป็นLouis Vuitton พวกเราคงสังเกตเห็นตั้งนานแล้ว”
“ก็จริง คุณชายฉินนี่ขี้งกเกินไปหรือเปล่าคะ แค่นี้ก็ไม่ยอมควักเงินเหรอ?”
“……”
ทุกคนต่างพูดจาวิพากษ์วิจารณ์ทำให้จี้กั๋วจวินพอใจอย่างมาก เขาหัวเราะชอบใจก่อนจะเอ่ย
“ช่างมันเถอะครับ อย่าไปทำให้เขาลำบากใจเลย ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถซื้อกระเป๋าราคาแพงแบบนี้เป็นของขวัญได้ทุกคน”
ฉินจุนได้ยินดังนั้นก็ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเอ่ย
“ก็แค่กระเป๋าปลอม ทำไมผมจะซื้อไม่ได้ล่ะครับ”
พอขาพูดจบ ภายในห้องก็เงียบลงทันที เงียบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มนาฬิกา
ทุกคนชะงักไปหลายวินาที จากนั้นจี้กั๋วจวินก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
“นายพูดบ้าอะไร นายพูดมาเลยกระเป๋าปลอม?”
พอฉินจุนพูดมาแบบนั้น หญิงสาวคนอื่น ๆ ก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะเช็กกระเป๋าที่อยู่ในมือของตัวเองอย่างละเอียด ดูแล้วก็รู้สึกว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็ด่าชี้หน้าต่อว่าฉินจุน
“นี่ นายอย่ามาพูดจาซี้ซั้วนะ?นายรู้เรื่องกระเป๋านักหรือไงถึงได้มาพูดมั่ว ๆ แบบนี้ ฉันเคยเป็นพนักงานแนะนำสินค้าในช็อปLouis Vuitton มาครึ่งปี ฉันควรจะรู้ดีกว่านายด้วยซ้ำไหม?ขนาดฉันยังดูไม่ออกแล้วนายจะมาดูออกได้ยังไง?”
“หึหึ หมอนี้ก็แค่ทำเป็นอวดรู้น่ะสิ ท่านประธานจี้เขาทำธุรกิจด้านนี้โดยเฉพาะ จะเอาของปลอมมาให้ได้ยังไง?แบบนั้นมันไม่เท่ากับว่าตบหน้าตัวเองเหรอ?”
หลังจากพูดไม่กี่ประโยค หญิงสาวก็ยืนขึ้นชี้ไปที่กระเป๋าแล้วพูดถึงดีเทลของมัน
“นายดูนี่นะ ถ้าเป็นของจริง ลวดลายตรงตะเข็บจะต้องสมมาตรกัน คุณภาพหนังก็ต่างกับของปลอมมาก ไหนจะพวกวัสดุพวกนี้ ลายนูนที่แกะสลักบนวัสดุอีก กระเป๋าใบนี้เป็นของแท้แน่นอน ต่อให้เป็นของก๊อปเกรดเอก็ไม่มีทางลอกเลียนแบบได้ถึงขนาดนี้แน่นอน นายอย่ามาพูดมั่ว ๆ รีบขอโทษท่านประธานจี้ซะ!”
ยะหยาเองก็ไม่พอใจ เธอได้กระเป๋าใบละสองแสนห้ามา กลับมาโดนคนบอกว่ามันเป็นของปลอม แถมยังเป็นผู้ชายของหวังตงเสวี่ยอีก มันยิ่งทำให้เธอไม่โอเคมาก ๆ
“นายคนแซ่ฉิน นายเป็นคนพูดผิด ก็รีบขอโทษท่านประธานจี้ของพวกเราซะ นายต้องขอโทษแล้วก็โค้งคำนับด้วย พวกเราถึงจะยกโทษให้!”
ฉินจุนหัวเราะอย่างสมเพชแล้วก็เอ่ย
“เขาเอาของปลอมมาหลอกพวกเธอเป็นกองขนาดนี้ ยังจะให้ฉันขอโทษหมอนี่อีกเหรอ ตลกสิ้นดี”
จี้กั๋วจวินตบโต๊ะดังลั่น โมโหคอแข็งขึ้นมาทันที
“ไอ้เด็กเวร แกอย่ามาพูดพล่อย ๆ นะ ฉันทำธุรกิจด้านนี้มาตั้งกี่ปี แกกล้ามาบอกว่าของของฉันเป็นของปลอม?เจ๋งนักแกก็เอาของจริงออกมาโชว์ให้ฉันดูเลยสิ!อย่ามาทำตัวโง่แล้วอวดฉลาด ทำตัวขายหน้าที่นี่!”
สีหน้าของยะหยาเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน “นั่นสิคะ ถ้านายเก่งขนาดนั้น ทำไมไม่ให้กระเป๋าของแท้ล่ะ?ทำไมปล่อยให้หวังตงเสวี่ยใช้กระเป๋ากระจอก ๆ ธรรมดา?ไหน หวังตงเสวี่ย เธอเอากระเป๋าเธอกระจอก ๆ ของเธอออกมาให้พวกฉันดูสิ!”
พูดไปยะหยาก็เดินไปหาหวังตงเสวี่ย ก่อนจะหยิบกระเป๋าที่หวังตงเสวี่ยถือไว้แน่น เอามาวางบนโต๊ะ
เดิมทีหวังตงเสวี่ยเป็นคนถ่อนตัวไม่โอ้อวดอยู่แล้ว เธอจึงไม่ได้ถือมันขึ้นมา สุดท้ายกลับโดนยะหยาแย่งมันเอาไปวางบนโต๊ะ
ทันใดนั้นคนในเหตุการณ์ต่างก็เงียบกันหมด
กระเป๋าถือ FENDI รุ่น Selleria สีเงินขาว
เหมือนกับกระเป๋าที่จี้กั๋วจวินมอบให้ยะหยาเป๊ะ ๆ
ตอนแรกที่หวังตงเสวี่ยถือมัน ไม่ได้มีใครให้ความสนใจ เพราะไม่มีใครคิดว่าหวังตงเสวี่ยจะถือกระเป๋าราคาแพงขนาดนั้น จึงสนใจแค่ใบหน้าของเธอ
ตอนนี้พอกระเป๋าสองใบมาวางเทียบกัน ก็เกิดการเปรียบเทียบทันที แต่มันดันเหมือนกันเป๊ะ ๆ
หวังตงเสวี่ยจะซื้อกระเป๋าใบละสองแสนห้าไหวเหรอ?
ยะหยาเองก็ผงะ “เป็นไปไม่ได้ ของปลอม กระเป๋าของเธอมันต้องเป็นของปลอมแน่ ๆ !”
พูดจบ ยะหยาก็รีบพลิกกระเป๋าดูมองหาเลขซีเรียลนัมเบอร์ที่อยู่ด้านใน
คนอื่น ๆ ก็หยิบกระเป๋าของยะหยาออกมามองหาเลขซีเรียลนัมเบอร์ที่อยู่ด้านใน
ที่ยิ่งกว่าละครก็คือ เลขซีเรียลนัมเบอร์ที่อยู่ด้านในของกระเป๋าทั้งสองใบนี้มันเป็นเลขเดียวกัน
นั่นก็หมายความว่า ในสองใบนี้ มีใบหนึ่งที่เป็นของปลอม