ผู้รักษาสุดแกร่ง - บทที่ 615 ไฟแช็กอัญมณีเจ็ดสี
แน่นอนว่าใครที่เห็นไฟแช็กอันละห้าหมื่นแบบนี้ก็ต้องพูดดีกันทั้งนั้น ก็ระดับราคามันสูงขนาดนั้น
“ไฟแช็กอันละห้าหมื่นนี่มันแตกต่างจากอันอื่นนะ รู้สึกว่าสีเปลวไฟของมันไม่เหมือนกับอันอื่นเลยอะ?”
หลี่จินเฉิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอ่ย
“มันก็แน่นอนล่ะ ไฟแช็กทั่วไปใช้น้ำมันก๊าด แต่ไฟแช็กของฉันมันนี้ใช้น้ำมันดิบจากธรรมชาติ สีของเปลวไฟก็จะสวยกว่า และกลิ่นก็ดีกว่าด้วย”
“มันมีเชื้อเพลิงเกรดพรีเมี่ยมอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า น้ำมันวาฬทะเลน้ำลึก ซึ่งสกัดจากซากวาฬซึ่งหายากมาก เวลาที่จุดไฟเกิดการเผาไหม้นะ จะมีกลิ่นหอมสดชื่นแถมเปลวไฟจะเป็นสีฟ้าอีกด้วย”
“แต่ว่าไฟแช็กอันนี้ของฉันมันใช้เชื้อเพลิงแบบนั้นไม่ได้ มีเพียงไฟแช็กแบบพรีเมี่ยมเท่านั้นที่จะสามารถใช้เชื้อเพลิงราคาแพงแบบนั้นได้”
ตอนที่หลี่จินเฉิงพูดถึงสิ่งของเหล่านี้ ถึงแม้ว่าเขาก็ไม่ได้มีครอบครอง แต่มันก็ยังมีความรู้สึกเหนือกว่า
เพราะว่าเรื่องพวกนี้ถ้าเขาไม่พูดออกมา คนอื่น ๆ ก็คงไม่มีใครรู้เรื่องนี้ การที่รู้เรื่องพวกของแบรนด์เนมแพง ๆ แบบนี้ได้ ก็ถือว่าเหนือกว่าแล้ว
พอเอ่ยแนะนำเรื่องพวกนั้นเสร็จ หลี่จินเฉิงก็หันมามองฉินจุน พร้อมกับเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นต่อ
“เป็นไงล่ะ ไฟแช็กของฉัน ชาตินี้นายน่าจะไม่เคยเห็นมาก่อน นายคิดว่าคนฐานะอย่างนายคู่ควรกับหวังตงเสวี่ยไหม?”
ฉินจุนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะอย่างสมเพช
“ก็แค่ไฟแช็กอันเดียว มันทำให้นายรู้สึกเหนือกว่าคนอื่นขนาดนั้นเลยเหรอ นายเองก็คงไม่ได้ผ่านโลกมาเยอะอะไรนักหรอก”
พูดจบ ฉินจุนก็หยิบไฟแช็กอีกอันที่แวววาวยิ่งกว่ามาวางลงบนโต๊ะ
ทันใดนั้นไฟแช็กอันนี้ก็สะกดทุกสายตาให้หันมามองทันที
ทุกคนจ้องไปที่ไฟแช็กและมองดูอัญมณีที่แวววาวบนนั้นด้วยความตะลึง
“นี่มัน……ST?!”
ไฟแช็กดูปองท์ถือป็นสินค้าหรูหราในหมู่ไฟแช็กด้วยกัน เทียบได้กับไฟแช็กของพวกแบรนด์ระดับไฮเอนด์
แถมไฟแช็กดูปองท์STยังเป็นแรร์ไอเท็มในหมู่ไฟแช็กมาก ๆ ไฟแช็กดูปองท์STอันนี้ของฉินจุนไม่เหมือนกับคนอื่น เห็นได้ชัดว่าเป็นการคัสตอมทำขึ้นมาโดยเฉพาะ
เพราะถ้าหากเป็นการผลิตจำนวนมากจริงๆ แม้ว่าจะเป็นรุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น ก็จะไม่ใส่อัญมณีล้ำค่าราคาแพงแบบนี้
เจ้าอ้วนสวีตกใจมากเมื่อเห็นไฟแช็กนี้
“นี่มัน……ดูปองท์STรุ่นเจ็ดสีแบบคัสตอมเอง?”
เพื่อนคนอื่น ๆ ต่างงงกันเป็นแถม พวกเขาไม่เคยได้ยินอะไรแบบนี้มาก่อน กับไอ้แค่ไฟแช็กอันเดียว มีชื่อมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ?
เจ้าอ้วนสวีอธิบายอย่างใจเย็น “ปกติไฟแช็กดูปองท์STซีรีส์ก็เป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยมอยู่แล้ว ทำจากแพลตตินั่ม ทอง และโรสโกลด์”
“แต่อันนี้เป็นรุ่นเจ็ดสี มันจะเป็นการคัสตอมสั่งทำขึ้นมาเอง มีแค่เพียงสิบชิ้นในโลก มันจะมีอัญมณีเจ็ดสีประดับอยู่ อัญมณีแต่ละเม็ดถูกคัดเลือกมาอย่างดี แค่อัญมณีเม็ดเดียวก็ราคาสูงมากแล้ว”
“พอเอามาฝังประดับอยู่บนไฟแช็กอันนี้ เลยทำให้มันเป็นไฟแช็กที่พรีเมี่ยมหรูหราที่สุด”
เหล่าเพื่อน ๆ พอได้ยินแบบนั้นก็ช็อกไปเลย ของหรูหราระดับไฮเอนด์แบบนี้พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ไม่คิดเลยว่ามันจะมีของแบบนี้
ชีวิตของคนมีเงินนี่มันยากที่จะจินตนาการได้จริง ๆ !
เจ้าอ้วนสวีเอ่ยต่อ “ไฟแช็กดูปองท์STอันนี้ ราคาทั่วไปจะอยู่ที่79,000ดอลลาร์ แปลงเป็นเงินหยวนก็ประมาณ 500,000กว่าหยวน แต่รุ่นเจ็ดสีนี้มันยิ่งแพงกว่าเดิม น่าจะประมาณ 3 ล้านหยวนได้”
ซี้ด……
ทุกคนต่างซู้ดปากเมื่อได้ยินว่าไฟแช็กราคาอันละสามล้าน……นี่มันโคตรแพงเลยนะ!
มันต้องเป็นเศรษฐีจริง ๆ เท่านั้นถึงจะซื้อไฟแช็กอันละสามล้านได้?
หลี่จินเฉิงหน้าเจื่อนลงไปทันที เมื่อครู่เขาเพิ่งจะโอ้อวดไฟแช็กของตัวเองอยู่เลย มาตอนนี้กลับโดนฉินจุนตอกหน้าด้วยไฟแช็กที่เจ๋งกว่า
“มันเป็นไปไม่ได้!เท่าที่ฉันรู้ ไฟแช็กรุ่นนี้ในมณฑลฮั่นตงมีแค่อันเดียว ไอ้ไฟแช็กของนายอันนี้ต้องเป็นของปลอมแน่นอน!”
พูดจบหลี่จินเฉิงก็หยิบไฟแช็กไปแล้วเปิดมัน
เสียงของมันใสกังวานรื่นหูมาก จากนั้นก็เลื่อนลูกกลิ้ง
ฟึ่บ!
เปลวไฟก็ลุกขึ้นมาทันที
มันเป็นสีฟ้า!!
เปลวไฟสีฟ้าอันนี้ให้ความรู้สึกสวยงามแปลกตา แถมยังส่งกลิ่นหอมเหมือนกับกลิ่นของไม้กฤษณา ทำให้พอคนได้ดมเข้าไปแล้วจะรู้สึกสบายมาก ๆ ทำให้รู้สึกสงบ
ก่อนหน้านี้ที่หลี่จินเฉิงแนะนำว่ามีแค่ไฟแช็กที่เป็นระดับไฮเอนด์เท่านั้น ถึงจะใช้เชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดเปลวไฟสีฟ้าแบบนี้ ไม่คิดเลยว่าพอพูดจบทุกคนจะได้เห็นมันจริง ๆ
แบบนี้มันเหมือนโดนตบหน้าอยู่หน่อย ๆ นะ
ไฟแช็กของคนอื่นเขาแค่เห็นก็รู้ว่าเป็นของมีมูลค่าราคาแพง เปลวไฟก็ดีขนาดนี้แถมยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย
ตัวเองมีไม่ได้อย่างเขา ก็หาว่าของคนอื่นเขาเป็นของปลอมงั้นเหรอ?
หลี่จินเฉิงทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นำไฟแช็กกลับคืนที่เดิม
“ฮ่าฮ่า นายนี่มีระดับดีนะ ไฟแช็กอันนี้ไม่เลวเลย”
เขาจะพูดอะไรได้อีก ทำได้แค่เปลี่ยนเรื่อง
หลี่จินเฉิงพูดมาตลอดว่าฉินจุนไม่คู่ควรกับหวังตงเสวี่ย เอาแต่บอกว่าฉินจุนไม่มีเงินฐานะไม่ดี แล้วตอนนี้ล่ะ แค่ไฟแช็กของเขาก็ปาไปสามล้านแล้ว ?ยังกล้าจะบอกว่าคนอื่นจนอยู่ไหม?
หลี่จินเฉิงจ้องหน้าเจ้าอ้วนสวีอย่างเอาเรื่อง ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้อ้วนสวีมันพูดมา เขาคงไม่ต้องเสียหน้าขนาดนี้!
“เจ้าอ้วนสวี ไปหยิบเบียร์มาให้ฉันขวดสิ!”
เจ้าอ้วนสวีชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบเหล้าบนโต๊ะส่งให้เขา
“ประธานหลี่ ตรงนี้ก็มีไม่ใช่เหรอ?”
หลี่จินเฉิงถลึงตาใส่ก่อนจะคว้าเบียร์มาโยนทิ้งลงไปทันที!
เพล้งง ขวดเบียร์โดนเขวี้ยงลงที่พื้น จนกระเด็นมาโดนตัวของเจ้าอ้วนสวี
“ฉันจะเอาเบียร์เย็น ๆ แกเอาอะไรมาให้ฉัน!”
การกระทำของหลี่จินเฉิงทำให้คนอื่น ๆ ต่างขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
ถึงแม้ว่าเจ้าอ้วนสวีจะเป็นคนกระจอก ๆ แต่อย่างไรก็เป็นเพื่อนกัน แบบนี้มันรังแกคนอื่นชัด ๆ
เจ้าอ้วนสวีหน้าเสีย แต่สุดท้ายก็ทนฝืนเดินไปหยิบเบียร์เย็น ๆ มาให้
หลี่จินเฉิงส่งเสียงเย็นชา “รินให้ฉันด้วย”
หวังตงเสวี่ยทนดูต่อไปไม่ไหว
“หลี่จินเฉิงนายรังแกคนอื่นมากไปหรือเปล่า ถึงแม้ว่าเหล่าสวีจะเป็นคนซื่อ แต่นายจะมารังแกคนอื่นแบบนี้ไม่ได้นะ?”
หลี่จินเฉิงหัวเราะเบา ๆ “ฉันรังแกอะไรมัน?ฉันก็เรียกใช้มันตามปกติ มันทำงานกับฉัน อาศัยฉันหากิน มันก็ต้องดูแลฉันดี ๆ ไม่ใช่เหรอ?”
เจ้าอ้วนสวียิ้มออกมา ถึงแม้ว่าจะเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่น แต่ว่าเขาก็ต้องทนฝืนพูดออกมา
“ไม่เป็นไรหรอก ประธานหลี่พูดถูก ฉันต้องพึ่งพาอาศัยประธานหลี่หากิน มาๆ ประธานหลี่ ฉันรินเบียร์ให้”
หวังตงเสวี่ยเห็นแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น เธออยากจะพูดอะไรสักหน่อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
ฉินจุนเข้าใจความหมายของหวังตงเสวี่ยดี เขาจึงเอ่ยถาม
“เจ้าอ้วนสวี นายทำธุรกิจอะไรเหรอ?”
เจ้าอ้วนสวีชะงักก่อนจะเอ่ยตอบอย่างยิ้มแย้ม
“ทำธุรกิจเกี่ยวกับจิวเวลรี่เล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ล่ะ อาศัยประธานหลี่เอา ฮ่าฮ่า เป็นตัวแทนของบริษัทประธานหลี่อีกที ขายได้เยอะแต่ได้กำไรไม่เท่าไหร่หรอก”
ทุกคนต่างทำสีหน้าสงสาร ถึงแม้ว่าจะทำธุรกิจเกี่ยวกับจิวเวลรี่อัญมณี แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เป็นเถ้าแก่ใหญ่ อย่างเจ้าอ้วนสวีอย่างงี้ที่ต้องอาศัยลมหายใจคนอื่น เป็นคนชนชั้นล่างที่ต้องทำงานอย่างลำบากยากเข็ญ
ฉินจุนได้ยินดังนั้นก็เอ่ย “นายรู้จักเจียซินจิวเวลรี่ไหม?”
เจ้าอ้วนสวีชะงัก “รู้จักแน่นอน เจียซินจิวเวลรี่เรียกได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการของเราเลย ฉันต้องรู้จักแน่นอน พี่ฉินก็รู้จักเจียซินจิวเวลรี่เหรอครับ?”
ฉินจุนเอ่ย “ฉันรู้จักหูเจียซินที่เป็นเจ้าของประธานใหญ่ ถ้านายต้องการความช่วยเหลืออะไร ฉันช่วยคุยให้นายได้”
เจ้าอ้วนสวีตกใจช็อกทันที พี่ฉิน จริงเหรอครับพี่?พี่รู้จักท่านประธานหูเจียซินเหรอ?”
สีหน้าของหลี่จินเฉิงเปลี่ยนไปทันที เขาส่งเสียงอย่างไม่พอใจ
“นายเลิกขี้โม้สักทีจะได้ไหม อย่างนายเนี่ยนะจะรู้จักหูเจียซิน ทำไมไม่รู้จักหลิ่วชิงชิงไปด้วยเลยล่ะ!แค่มีไฟแช็กอันเดียว ต้องอวดสร้างภาพขนาดนี้เลยเหรอ ถ้านายรู้จักหูเจียซินจริง ฉันจะกินจานข้าวเลยเอาสิ!”
ฉินจุนมองหน้าหลี่จินเฉิงก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ
“ถ้าอย่างนั้นนายก็เตรียมตัวให้ดี ๆ จานใบนี้ ถ้านายกินไม่หมด ฉันจะไม่ยอมยกโทษให้”
พูดจบ ฉินจุนก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออกเบอร์ของหูเจียซิน