ผู้ใหญ่จิกับนางพิมพ์ - ตอนที่ 106
ตอนที่ 106 เหมือนว่ามี(ลูก)แล้ว
พิมพ์ลดาดิ้นอยู่สองที แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคืออ้อมกอด ที่รัดแรงยิ่งขึ้นของเขา ขณะที่หมดหนทาง เธอจําเป็นต้อง หยุดดิ้น ยอมให้จิรฐาพาเธอเดินไปข้างนอก
รถแล่นเข้าเขตชุมชน พวกเขาก็ยังมึนตึงไม่พูดจาเห็น ว่าพอลงจากรถพิมพ์ลดาก็เดินทางลิฟต์ ไม่คิดจะรอเขาสัก นิด จิรฐาคิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้อารมณ์เสียแล้ว เหมือนว่า จะจัดการได้ยากเล็กน้อยเสียจริง
เข้าประตูบ้านไป เห็นว่าพิมพ์ลดากำลังจะเข้าไปในห้อง นอน จิรฐารีบเปลี่ยนรองเท้าให้เสร็จก็ตามขึ้นไปดึงเธอไว้
พอรู้สึกแน่นตึงที่แขน พิมพ์ลดาหันมามองเขา “ ทำ อะไร? ” ในกระเพาะของเธอรู้สึกไม่สบายเป็นระยะๆ รีบไป ห้องน้ำ
จิรฐากำลังจะเปิดปากพูดว่า “ พวกเราคุยกันสักหน่อย แต่เห็นคิ้วที่ขมวดขึ้นเล็กน้อยของเธอ เหมือนจะไม่ค่อย สบาย รีบนําคําพูดที่มาถึงข้างปากแล้วเก็บกลับไป เปลี่ยน เป็นถามว่า “ กระเพาะมีปัญหาหรือ? ”
คำพูดของเขาเพิ่งจะเงียบลง พิมพ์ลดากลับทนไม่ไหว แล้ว สะบัดเขาออกอย่างรวดเร็ว วิ่งเข้าไปในห้องน้ำ
เป็นอีกครั้งที่เธอผะอืดผะอมอยู่นาน แต่กลับไม่ได้อ้วก
อะไรออกมา
จิรฐานทนําให้เธอเสร็จสรรพ ยื่นเข้าไป ประคองให้เธอ บ้วนปาก “พิมพ์ลดา คุณไม่ได้ทานอะไรมาทั้งวันใช่มั้ย?
น้าใสๆที่สําลักออกจากปาก พิมพ์ลดาวางแก้วลง ไม่ได้ ตอบคําถามของเขา แต่ตัวเองกลับนับวันอยู่ตรงนั้น
* สามเจ็ดยี่สิบเอ็ด สี่เจ็ดยี่สิบแปด…”
“พิมพ์ลดา คุณกำลังนับอะไร? ”
*สามสิบสาม สามสิบสี่ สามสิบห้า…”
จิรฐายังอยากถามเธอว่ากำลังนับอะไร กลับได้ยินพิมพ์ ลดาร้องตะโกนออกมา “ แย่แล้ว!”
สองมือวางบนร่างกายส่วนหน้า เธอดึงเสื้อผ้าตัวเอง แรงๆ เงยหน้าขึ้น มองตัวเองผ่านกระจกบนกำแพงที่อยู่ตรง หน้า จากนั้นก็มองไปทางจิรฐาที่ยืนอยู่ด้านหลังของตัวเอง
“ พิมพ์ลดา? ” เห็นว่าเธอมองตัวเองอย่างเฉื่อยชา จิรฐา ร้องเรียกเธอ ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าขณะที่ภรรยาของเขา กำลังโกรธอยู่นั้น อยู่ดีๆก็เฉื่อยชามึนงงไปแล้วล่ะ?
“ จิรฐา…” ในที่สุด เธอเรียกชื่อเขาอย่างลังเล
วันนี้ ตั้งแต่หลังจากที่เขาพบเธอที่โรงพยาบาลในตอน บ่าย ตอนแรกเธอยังเรียกชื่อเขาอย่างนุ่มนวลอ่อนหวาน แบบนี้
จิรฐาประคองสองมือของพิมพ์ลดาไปด้านหน้า ครอบ สองมือน้อยๆที่ดึงเสื้อผ้าตัวเองของพิมพ์ลดาไปด้านหน้า กอดเธอจากด้านหลัง หันหน้ามองใบหน้าด้านข้างของเธอ ถามว่า “ เป็นอะไรไป? หรือว่าจะไม่สบายหนัก? ”
“ฉัน…” นลิ้นออกเลียริมฝีปากที่แห้งผากเล็กน้อยของ ตัวเอง พิมพ์ลดาพูดเบาๆว่า “ฉัน ประจําเดือน…เดือนนี้ของ ฉันยังไม่มา เลยเวลามาครึ่งเดือนแล้ว ”
ประ…ประจําเดือน? ตั้งแต่ครั้งแรกที่ตัวเองพาพิมพ์ลดา เข้ามาอยู่ที่บ้าน หลังจากได้ยินคำนี้จากปากเธอแล้ว จิรฐา จำมันไว้ แต่อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ พิมพ์ลดาก็ไม่เคยพูด เรื่องนี้กับเขาอีก
เลยเวลามาครึ่งเดือนแล้วก็ยังไม่มา? รอบเดือนผิดปกติ แล้ว? แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกระเพาะมีปัญหาอย่างไรล่ะ?
อยู่ดีๆ ในหัวสมองของจิรฐาก็มีข้อมูลส่วนหนึ่งปรากฏขึ้น
พิมพ์ลดา ” เขาคลายเธอออก จับไหล่ทั้งสองข้างของ เธอไว้ก็จับหมุนให้เธอยืนเผชิญหน้ากับตัวเอง สองมือ ประคองใบหน้าเรียวเล็กของพิมพ์ลดาขึ้นอย่างระมัดระวัง จิรฐามองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย ถามเธออย่าง ดีใจและตื่นเต้น “ ที่รักครับ คุณหมายความว่า พวกเรามีลูก ด้วยกันแล้ว? ”
“ฉัน ฉันก็ไม่อาจแน่ใจได้ ” เรื่องนี้พิมพ์ลดาไม่มีทางแน่ใจ ได้จริงๆ เธอยังไม่เคยตั้งครรภ์เลยนี่นา แค่เคยอ่านนิยายดูโทรทัศน์อะไรทำนองนั้น ก็ไม่เหมือนในนิยายในละคร ทั้งหมดสักหน่อย
พิมพ์ลดาเองก็ยังไม่ตอบสนองกลับมา ก็ถูกจิรฐาดึงเข้า ในอ้อมอกแน่นๆ เขา ใจเหมือนเป็นเด็กหนุ่ม ตอนที่กอด พิมพ์ลดาไว้ ร่างกายเหมือนจะสั่นด้วยความตื่นเต้น
“ พิมพ์ลดา ขอบคุณนะ ขอบคุณนะครับ! ” คำพูดที่ไม่ตรง ประเด็นนี้ของท่านผู้ใหญ่ ทำให้พิมพ์ลดาทำตัวไม่ถูกเล็ก น้อย
ตอนนี้เวลานี้ เขากล่าวขอบคุณอย่างไม่มีที่มาที่ไป
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ในห้องรับแขก เสียงฝีเท้าของ ชายหนุ่มดังขึ้นทางนั้นทีทางนี้ทีอย่างช้าๆ
จิรฐาไปซื้อที่ตรวจครรภ์หลังจากได้รับการเตือนจาก พิมพ์ลดาเมื่อครู่นี้ ตั้งแต่หลังจากที่พิมพ์ลดาหยิบของสิ่ง นั้นเข้าห้องน้ำไปแล้ว เขาก็เริ่มเดินทอดน่องในห้องรับแขก ความรู้สึกนี้ ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่เขารอผลสอบเอนทรานซ์ ในตอนแรกหรืออะไรทำนองนั้นเยอะเลย
คนที่อยู่ด้านนอก แต่ใจทั้งดวงของเขาล้วนแขวนอยู่ใน ห้องอาบนํา
เดินไปเดินมาในห้องรับแขก ในใจดวงนี้ของเขาก็ไม่มี ทางสงบลงได้ คิดแล้ว จิรฐารีบหันหลัง เดินเข้าห้องนอนไป เขาก็อยากเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องอาบน้ำ มีเพียงประตูกระจกทึบแสงชั้นนั้นกั้นไว้
ในที่สุด ตอนที่จิรฐาถามเป็นรอบที่ห้า “ เป็นอย่างไร บ้าง? ผลออกมาแล้วหรือยัง? ” ประตูห้องอาบน้ำ ก็เปิดดัง แอ๊ดแล้ว
มองจิรฐา จ้องตัวเองด้วยท่าทางตื่นเต้นและมีสีหน้าตั้ง ตารอยิ่ง พิมพ์ลดาพลันกระแอมไปทีก็ยิ้มออกมา
เห็นรอยยิ้มของพิมพ์ลดา จิรฐายื่นสองมือก็อุ้มเธอขึ้นมา
ใต้ฝ่าเท้าพลันลอยขึ้นจากพื้น พิมพ์ลดากรีดร้องตกใจ ไปที รีบยื่นสองมือออกคล้องคอจิรฐาไว้
“ฮ่าๆๆ…” พอเห็นที่ตรวจครรภ์ในมือพิมพ์ลดาปรากฏขีด แดงสองขีด จิรฐาอยากรวมร่างเข้าไปจูบทีหนึ่งด้วยความ ตื่นเต้น พิมพ์ลดารีบหยิบออกไป “ อันนี้สกปรก! ”
พิมพ์ลดารู้สึกว่า ทำไมอยู่ดีๆจิรฐาก็กลายเป็นอีกคนไป แล้ว บ้าไปแล้ว!
อุ้มพิมพ์ลดาไว้ก็หมุนอยู่หลายรอบ ในที่สุดจิรฐาก็รวด วางเธอลงบนเตียงหลังใหญ่ในห้องนอนอย่างแผ่วเบา เขา โน้มตัวลงมา ครู่ต่อมาก็หาริมฝีปากของเธอพบ
จูบนี้ จิรฐาเหมือนจะทำอย่างอ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆ เขา ใช้ลิ้นเปิดปากเล็กๆของพิมพ์ลดาอย่างระมัดระวัง ลิ้นสำรวจ เข้าไป สัมผัสกับลิ้นของเธออย่างแผ่วเบา เกี่ยวเธอมาเสาะหา หยอกล้อกับตัวเอง
จูบหนึ่งผ่านไป จิรฐาคลายเธอออกบ้างสักพัก ก็อยากจะ เข้าไปใกล้อีกครั้ง ครั้งนี้ พิมพ์ลดาไม่ปล่อยให้ท่านผู้ใหญ่ สมหวังดั่งใจ ยกมือน้อยๆข้างหนึ่งขึ้น ขวางไว้ด้านหน้าริม ฝีปากของเขา เธอมองเขา ทำปากจู๋พูดว่า “ จิรฐา วันนี้ฉันไม่ ได้ทานข้าวกลางวัน ข้าวเย็นก็ไม่ได้ทาน หิวมากๆ ลูกชาย คุณพูดว่า เขาก็หิวมากเช่นกัน “
ได้ยินพิมพ์ลดาพูดแบบนี้ จิรฐาเปลี่ยนมาใช้มือลูบพวง แก้มขาวจัดนุ่มละเอียดของเธออย่างอารมณ์ดี เขาหัวเราะ ถามว่า “ คุณอยากทานอะไร? ”
ดังนั้น สิบนาทีต่อมา ในห้องครัว พิมพ์ลดายุ่งเป็นพัลวัน แต่จิรฐาตามเธออยู่ข้างกายไม่ห่าง จ้องมองไม่ให้คลาด สายตา บางทีเขาก็สามารถช่วยเธอหยิบเครื่องปรุง ช่วยล้าง ผักอะไรทำนองนั้นได้ แต่เขาจ้องขนาดนี้ ที่สำคัญที่สุดคือ กลัวว่าพิมพ์ลดาจะไม่ระวังจนทำให้ตัวเองบาดเจ็บ
ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป พิมพ์ลดาก็เป็นคนสำคัญใน ครอบครัวของเขา…จิรฐาที่ต้องปกป้องดูแล
ไม่ ไม่ใช่สิ แต่ก่อนเธอก็เป็นคนสำคัญที่ต้องปกป้อง ดูแล ควรจะพูดว่านับจากคืนนี้เป็นต้นไป เธอเป็นคนที่สำคัญ ที่ต้องปกป้องดูแลในคนสำคัญที่ต้องปกป้องดูแลอีกที
จิรฐาตามอยู่ข้างกายตัวเองขนาดนี้ ทุกครั้งที่หันหน้าไป พิมพ์ลดาก็สามารถมองเห็นรอยยิ้มเซ่อซ่าของเขา ข้างริมฝีปากของเธอก็โค้งรอยยิมขืนโดยไม่รู้ตัว
ที่จริงแล้ววันนี้จิรฐาก็ไม่ได้ทานข้าวแบบจริงๆจังๆเลยสัก มื้อ ตอนนี้เพราะรีบมาถึงหน่วยงานเทศบาล แม้แต่อาหาร เช้าที่พิมพ์ลดาเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะเขาก็ไม่ทันได้ทาน สักคำ ตอนกลางวันเขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการดูแลจันวิภา ดัง นั้นจึงไม่มีเวลาทานข้าวแบบจริงๆจังๆ แต่ช่วงบ่าย หลังจาก ที่เขาได้พบพิมพ์ลดา ในใจก็ถูกทำให้สับสนแล้ว
เขาเห็นเธอถูกผู้ชายคนนั้นเข้ามายุ่งเกี่ยวที่โรงพยาบาล แม้จะได้ยินบทสนทนาของพวกเขาในตอนนั้นไม่ถนัด แต่ มองดูท่าทางของผู้ชายคนนั้น มองดูการตอบสนองของ พิมพ์ลดาในตอนนั้นแล้ว จิรฐาก็รู้ว่า ระหว่างพวกเขา บางที อาจเคยมีความหลังร่วมกันในอดีต
แต่เขาคิดว่า เรื่องนั้นล้วนเป็นอดีตไปแล้ว แต่ดูจาก การตอบสนองของพิมพ์ลดาในตอนนั้นแล้ว เธอก็ไม่คิดจะ เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นอีก ดังนั้นเขาเลือกที่จะช่วย เธอกันเรื่องยุ่งยากออกไป แต่ก็ไม่ได้ถามถึงความสัมพันธ์ ระหว่างเธอกับผู้ชายคนนั้น
อาหารจานสุดท้ายออกจากกระทะแล้ว เห็นว่าพิมพ์ลดา ต้องใช้มือเดียวยกกระทะที่หนักขนาดนั้นขึ้นมา จิรฐารีบ ห้ามเธอไว้ “ ผมทำเอง ” ท่านผู้ใหญ่ทำอาหารไม่เป็น แต่เท อาหารออกจากกระทะ ตักใส่จานอะไรทำนองนั้น เขายังทำ เป็น
พิมพ์ลดาก็ไม่ได้แย่งจากมือเขา ปล่อยให้เขาทำไป ตัวเองตักข้าวสำหรับสองคนแล้วเดินไปวางทีมุมโต๊ะกินขาว เสร็จสรรพ
อาหารหนึ่งมื้อ เหมือนเป็นเพราะการมาถึงของชีวิตน้อยๆ ชีวิตหนึ่ง จึงทานอย่างเอร็ดอร่อยยิ่งขึ้น
พิมพ์ลดากลัวการคลอดลูกมาตลอด แต่รู้จริงๆว่าตัวเอง กำลังจะเป็นแม่คนแล้ว ที่แท้ก็เป็นความรู้สึกมีความสุขเช่นนี้ ได้
เธอพลันรู้สึกโชคดีที่หัวสมองของตัวเองมักจะเลอะเลือน มักจะหลงๆลืมๆ ดังนั้นเธอจึงลืมไปซื้อยาคุมกำเนิดมาตลอด
ถ้าเธอไม่ลืม บางทีเด็กคนนี้ ก็อาจจะมาไม่ได้แล้วล่ะมั้ง?
แต่พูดทีละเรื่อง เมื่อคืนเอนพิงหัวเตียง พิมพ์ลดาเห็นจิร ฐาเดินออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็นำนิตยสารในมือ ที่เดิมทีกำลังพลิกอ่านอยู่วางลง
ที่เธออ่าน ยังเป็นนิตยสารที่มีรูปถ่ายโปรโมตของ ร้านMy Wedส่วนหนึ่งที่อ่านไปเมื่อวันนั้น
จิรฐาเช็ดผมให้แห้ง นั่งบนที่นอน ดึงผ้าห่มออกก็เข้าไป ใกล้พิมพ์ลดา ยกแขนยาวขึ้นกอดรัดเธอเข้าในอ้อมอก ” พิมพ์ลดา เมื่อครู่นี้ผมคิดไว้ว่า พรุ่งนี้เช้า ผมจะพาคุณไป ตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอย่างละเอียดรอบหนึ่ง หนึ่งคือ ทำให้แน่ใจว่ามีลูกแล้วจริงๆใช่มั้ย สองคือ พวกเราสามารถ ดูได้ว่าลูกที่กำลังเจริญเติบโตแข็งแรงดีหรือเปล่า สามคือ ก็เป็นเรื่องที่สําคัญที่สุด ” เขามองดวงตาทั้งคู่ของเธอ หัวเราะแล้วพูดว่า ” ผมต้องรู้ว่าแม่ของลูกชายของผมแข็ง แรงมากหรือเปล่า ”
“ อืม ” พิมพ์ลดาพยักหน้าตกลง เว้นช่วงสักพัก เธอก็เงย หน้ามองจิรฐาอีกครั้ง “ ท่านนายกเทศมนตรี? ”
ขณะที่ได้ยินพิมพ์ลดาเรียกตัวเองว่านายกเทศมนตรี ครู ต่อมาจิรฐาก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย “ ทำไมถึงเรียกผมแบบนี้? ”
พิมพ์ลดาสูดจมูก ถามอย่างตั้งใจ “ ทำไมวันนี้คุณถึง มาอยู่ที่โรงพยาบาลได้? คุณบอกฉันว่าคุณไปที่หน่วยงาน เทศบาลไม่ใช่หรือ? คุณยังพูดอีกว่าไม่นานคุณก็จะมาหาฉัน ที่ร้านMy Wedไม่ใช่หรือ? ”
ยกมือปัดเส้นผมที่แตกกระจายบนหน้าผากของเธอออก จิรฐาถามว่า “ ยังโกรธผมเพราะเรื่องนี้อยู่หรือ? ”
ที่พูดว่าไม่โกรธคือโกหก แต่พิมพ์ลดาไม่อยากอารมณ์ เสียใส่เขาจริงๆ ดังนั้นเธอจึงถามเขา เธอหวังว่าเขาจะให้คำ อธิบายอย่างหนึ่งกับเธอได้ คำอธิบายที่เหมาะสมสมเหตุสม ผลอย่างหนึ่ง
พิมพ์ลดารู้ว่า ที่เขาปรากฏตัวขึ้นที่โรงพยาบาลต้องไม่ ได้เป็นเพราะสมาชิกครอบครัวพยุงพงษ์ท่านไหนไม่สบาย ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาต้องพาเธอไปด้วยอย่างแน่นอน
พิมพ์ลดา ” ดึงมือขวาของพิมพ์ลดามากมไว้ในมือ จิรฐาก็พูดกับเธออย่างจริงจัง “ ผมไม่ได้โกหกคุณ วันนี้ผมไปท หน่วยงานเทศบาลจริงๆ แต่ระหว่างทางที่ผมรีบไปร้านMy Wed พลันได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง หลังจากนั้นก็เปลี่ยน เส้นทางแล้ว รีบไปโรงพยาบาล ผมโทร.หาคุณแล้ว แต่ตอน นั้นคุณติดสายอื่นอยู่ ”
” โกหก! ” ไม่รอให้จิรฐาพูดจบ พิมพ์ลดาก็เด้งตัวขึ้นมา อย่างบ่มกลั้นไว้ไม่อยู่ “ ฉันเคยโทร.หาคุณแล้ว เพราะคุณก็ เคยติดสายอื่นอยู่ หลังจากนั้นฉันก็โทร.หาคุณ ก็ไม่มีคนรับ ตลอดช่วงสายฉันมัวแต่โทร.หาดณ ไม่เคยรับสายจากคน อื่นเลย ”
“ผมไม่ได้โกหกคุณ ไม่ได้โกหกจริงๆ ” จิรฐารู้สึกว่า การ คบหาดูใจสมัยมหาวิทยาลัยของเขา เหมือนว่าก็ไม่เคยถูก เถียงเรื่องการโกหกระหว่างคนสองคนเหมือนในขณะนี้มา ก่อน
บางทีพวกเขาอาจไม่รู้ว่า ระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังติดสาย อยู่นั้น ที่จริงแล้วเป็นเพราะต่างกันต่างกำลังโทร .หากัน
“ หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับสาย เพราะผมทํามือถือหล่นไว้ ในรถ ” อยู่ดีๆจันวิภาก็ตื่นขึ้น จิรฐาพูดว่าไม่ประหลาดใจคือ เรื่องโกหก พูดว่าไม่เป็นกังวลก็เป็นเรื่องโกหก ” สำหรับ เรื่องที่ว่าทำไมผมถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้… ” ขมวดคิ้ว เล็กน้อย เขาทำการตัดสินใจ “ พรุ่งนี้ตอนที่พวกเราไปโรง พยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย ผมค่อยบอกคุณ ดีมั้ย? ”
สักวันหนึ่งก็ต้องให้พิมพ์ลดารู้ จิรฐาก็ไม่อยากปิดบังเธอไว้
แม้จะต้องทําการตรวจร่างกาย แต่พิมพ์ลดายังอยากไป รับสะปันออกจากโรงพยาบาลด้วยตัวเอง ดังนั้น เธอก็ให้จิร ฐาไปรับสะปันกับเธอก่อน จากนั้นค่อยไปตรวจร่างกาย
ถึงชั้นหนึ่งของแผนกผู้ป่วยใน จิรฐาพูดว่า “ พวกคุณ รอผมอยู่ที่นี่ก่อน ผมไปทำพิธีการออกจากโรงพยาบาลให้ เรียบร้อยก่อน ”
แม้สะปันจะมีรอยยิ้มมาตลอด แต่พิมพ์ลดาก็รู้ว่ารอย ยิ้ม ของเธอ เป็นรอยยิ้มที่ฝืนดึงขึ้น เดิมทีพิมพ์ลดาอยาก บอกเรื่องที่ตัวเองตั้งครรภ์กับเธอ แต่พอคิดได้ว่าตอนนี้เธอ อารมณ์ไม่ดี ดังนั้นจึงตัดสินใจว่าจะบอกเธอช้าหน่อยจะดี กว่า
ตอนที่สะปันกับพิมพ์ลดาเดินไปทางเก้าอี้นั่งรอ ทันใด นั้น มีคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาจากปากประตูแผนกผู้ป่วยใน พวกเขาเข็นสัมภาระกองโต สำหรับคนอื่นแล้ว ดูเหมือนเข้า พักในโรงแรม ไม่เหมือนนอนโรงพยาบาลเลยสักนิด
มือถือในกระเป๋าของสะปันดังขึ้น เธอหยิบออกมาก็เห็น ว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่บ้านของพิมพ์ลดา คิดว่าเป็นหนูนา ที่โทร.มา เธอกำลังตัดสินใจจะรับสาย พอมือลื่น มือถือก็ ร่วงลงบนพื้น ก็เป็นตอนที่สะปันกำลังก้มตัวลงเก็บมือถือ มี คนเดินมาถึงด้านหน้าเธอ เท้าเตะโดนมือถือของเธอออกไป อย่างไม่คาดคิด
“นี่! คุณ… ” เพลิงพิโรธกองนี้ในท้องของสะปันกำลังลุก โชนอย่างควบคุมไม่ได้ มีคนมายั่วโมโหตัวเองพอดี
ตอนนั้นธนัทกำลังรีบเดินไปข้างหน้า เขาไม่ได้ตั้งใจจะ เตะมือถือของสะปันจริงๆ แม้กระทั่งเขาก็ไม่ได้สนใจว่าตัว เองเตะมือถือของเธอออกไปไกลหลายเมตรแล้ว
รู้สึกได้ในทันทีว่ามีคนดึงตัวเองไว้จากด้านหลัง ธนัท ก็ชะงักฝีเท้า แต่พอเขาหันหน้ามาเธอก็พลันตวาดใส่เขา อย่างไม่กลัวตาย “คุณมีตาหรือเปล่า! ”
คิดว่าประธานใหญ่อย่างเขา ตั้งแต่เล็กจนโต จะมีใคร กล้าตะคอกดูถูกดูแคลนเขาแบบนี้อีกมั้ย? ครู่ต่อมา เพลิง พิโรธส่วนนั้นในร่างกายของธนัทก็มอดลงอยู่ครู่หนึ่ง จาก นั้นก็ถูกเสียงตวาดนั้นของสะปันทำให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
“ คุณผู้หญิงครับ จะพูดอะไรก็ระวังหน่อย
เห็นว่าธนัทหยุดลง คนที่หลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก ที่เข็นสัมภาระกองโตกลุ่มนั้นก็หยุดลงด้วย หนึ่งในนั้นเดิน เข้ามา ถามด้วยความเคารพ “ท่านประธานครับ พวกเรา…
ธนัทผายมือ ดวงตาเฉี่ยวคู่นั้นจ้องสะปันเขม็ง กลับพูด กับผู้ชายคนนั้นว่า “ พวกคุณส่งของไปที่ชั้นสิบเก้าก่อน ”
เขาเหมือนยังมีเรื่องให้ต้องอธิบายอยู่ที่นี่นิดหน่อย
เห็นสะปันพุ่งเข้ามาดึงผู้ชายคนนั้นไว้ เดิมทีพิมพ์ลดาอยากเข้าไปดึงเธอไว้ก่อน แต่พอเห็นมือถือที่ถูกเตะออกไป ไกลมากเครื่องนั้น เธอออกไปเก็บมันก่อนจะดีกว่า
“สะปัน…” เห็นว่าสะปันกับคนนั้นยังมีปากเสียงกันไม่เลิก พิมพ์ลดารีบเข้าไปดึงเธอ “ สะปัน ร่างกายของเธอยังไม่ แข็งแรงดี มือถือไม่ได้เสียหายอะไร โทร.กลับหาหนูนาก่อน เถอะ
พิมพ์ลดารู้ว่าฝีปากนั้นของสะปันยอดเยี่ยมแค่ไหน มี ปากเสียงกับเธอ ถ้างั้นก็ไม่จบไม่สิ้นแล้ว แม้พูดว่าผู้ชายคน นี้เตะมือถือของเธอเข้าให้แล้วก็ไม่ถูก แต่เดิมทีวันนี้เธอก็มี เรื่องไม่สบอารมณ์อยู่แล้ว พิมพ์ลดาคิดว่าก็ไม่อาจปล่อยให้ เธอแพร่กระจายความโกรธใส่เขาได้
พิมพ์ลดากำลังยุ่งอยู่กับการดึงสะปันไว้ ชายหนุ่มด้าน ข้างกลับพลันเงียบเสียงไป หันมาร้องเรียกเธอไปที “ อ้าว! พี่สะใภ้ ”
ได้ยินคำว่าพี่สะใภ้นี้ พิมพ์ลดาพลันนิ่งอึ้งไป เธอหัน หน้ามา พอเงยหน้าขึ้นก็สบประสานดวงตาเฉี่ยวคู่นั้น
เดิมทีธนัทยังไม่ได้สนใจพิมพ์ลดา จนกระทั่งเธอวิ่งมา ข้างตัวสะปัน เขาจึงจะจำได้
ที่จริงแล้วเป็นเขา?
“ ท่านประธาน ” แม้เขาจะเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ แต่พิมพ์ลดา รู้สึกว่าพวกเธอก็ไม่ได้สนิทกันจนถึงขั้นที่เธอจะสามารถเรียกเขาว่าธนัทตรงๆได้
“ ฮ่ม! พิมพ์ลดา เธอรู้จักกับคนเลวพรรค์นี้ได้อย่างไร? ” เห็นว่าพิมพ์ลดาเหมือนจะรู้จักกับผู้ชายไม่มีมารยาทตรง หน้า สะปันก็เดือดยิ่งกว่าเดิม
พอได้ยินคำพูดของเธอ ฝ่ายธนัทกลับยื่นมือดึงพิมพ์ ลดาเข้ามาอยู่ข้างตัวเอง ถลึงตาใส่สะปัน “ เป็นไงล่ะ? เธอ เป็นพี่สะใภ้ของผมจริงๆ ” ว่าแล้ว เขาก็มองไปทางพิมพ์ลดา อีกครั้ง “ พี่สะใภ้ คุณรีบอยู่ห่างจากแม่สาวเจ้าอารมณ์คนนี้ หน่อย เพื่อไม่ให้เธอลดคุณค่าในตัวคุณได้ ”
“ แม่สาวเจ้าอารมณ์? คนเลวอย่างคุณกล้าว่าฉันเป็นแม่ สาวเจ้าอารมณ์จริงหรือ! ” ว่าแล้ว สะปันก็รีบยื่นมือออกจะดึง พิมพ์ลดากลับมา “รีบส่งพิมพ์ลดาคืนให้ฉัน! ”
“เป็นไงล่ะ? แม่สาวเจ้าอารมณ์ คุณยังตั้งตัวเป็นศัตรูอยู่
หรือ? ”
มองดูสองคนตรงหน้าเถียงกันอย่างดุเดือดจนจับแยกไม่ ได้ ขณะนี้พิมพ์ลดาก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีแล้ว
ธนัทคนนั้น ประธานบริษัทเจ.เอส.กรุ๊ปจำกัดผู้เพียบพร้อม อย่างเขา ทำไมถึงได้มีเวลาปะทะกับแม่สาวน้อยคนนี้อย่าง สะปันอยู่ที่นี่ได้?
จิรฐา คุณรีบมา! ฉันแบกรับไว้คนเดียวไม่ไหว!
ช่วงเอวพลันแน่นตึง ตอนที่พิมพ์ลดากำลังนึกไปถึงผู้ กอบกู้สถานการณ์คับขัน น้ำเสียงอบอุ่นนั้นก็แว่วมาจากบน เหนือศีรษะของเธอจริงๆ
* ธนัท พอได้แล้ว หนุ่มใหญ่อย่างนายทําอะไรเนี่ย! ”
“ฉัน… ” ต่อหน้าจิรฐา อารมณ์ความโกรธนั้นของธนัท เหมือนจะอ่อนลงมาไม่น้อย ยกมือขึ้น เขายังอยากจะพูด อะไรสักหน่อย แต่ในที่สุดเขาก็ยังหายใจฟืดฟัดกลับไป
สะปันมักจะกลัวจิรฐาอยู่บ้าง แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาเป็น หัวหน้า เป็นเจ้านายระดับสูงของตัวเอง หรือว่าเป็นเพราะ อะไรกันแน่ พอเห็นจิรฐา คราวนี้เธอก็ไม่เปิดปากแล้ว เพียง รับมือถือจากในมือของพิมพ์ลดา หันมาใส่เข้าไปในกระเป๋า
ขณะที่คนในเหตุการณ์ไม่กี่คนนั้นนิ่งค้างไป อรัญญาแม่ ของพิมพ์ลดาก็มาถึงแล้ว เมื่อวานพิมพ์ลดาเคยพูดกับเธอ ว่าสะปันจะออกจากโรงพยาบาลในวันนี้ แต่ก็ไม่ได้บอกให้ เธอมารับสะปันไป
เห็นว่าคุณแม่มาแล้ว พิมพ์ลดารีบให้เธอพาสะปั้นกลับ ไปก่อน หนึ่งคือ เพื่อไม่ให้เธอแข็งกร้าวกับธนัทอยู่ที่นี่ต่อไป สองคือ อีกเดี๋ยวเธอก็ต้องไปตรวจร่างกายแล้ว สะปันกลับ ไปก่อน เธอก็จะได้ทำอะไรสะดวกขึ้นมาหน่อย
แม้ยังรู้สึกไม่พอใจ แต่สะปันก็ยังออกไปกับอรัญญาก่อน แต่ตอนที่เดินออกไปในตอนสุดท้าย ยังไม่ลืมหันมาทำตา
ขวางใส่ธนัทอย่างเหี้ยมโหด
เห็นว่าผู้หญิงที่กล้าว่าตัวเองคนนี้ออกไปแล้ว ธนัทก็ หายใจออกไปที่ หันมามองจิรฐา ถามว่า “ จิรฐา นายพาพี่ สะใภ้มาเยี่ยมจันวิภาด้วยหรือ? ”
จันวิภา?
ชื่อนี้พิมพ์ลดาได้ยินจนคุ้นหู ก็หันหน้าไปมองจิรฐานยืน ข้างๆตัวเอง เพียงเห็นเขาสั่นศีรษะ ยิ้มแล้วพูดว่า “ ไม่ใช่ ฉันพาพิมพ์ลดามาตรวจร่างกาย ”
ตรวจร่างกาย? ” ธนัทพูดทวนหนึ่งรอบ บนใบหน้าพลัน คลื่รอยยิ้ม เส้นสายตากวาดไปบนหน้าท้องของพิมพ์ลดา “ พี่สะใภ้ คุณคงไม่ได้…”
“ ทายถูกแล้ว ” ไม่รอให้พิมพ์ลดาตอบสนอง จิรฐาก็
ตอบแทนเธอ
แบบนี้มีที่ไหนบ้าง เขาจะได้เป็นพ่อคนแล้วก็ดีใจมาก เธอจะได้เป็นแม่คนแล้วก็ต้องดีใจมากไม่ใช่หรือ? ทำไมเขา ถึงได้ชิงประกาศความน่ายินดีส่วนออกไปคนเดียวแล้วล่ะ?
เห็นว่าธนัทเดินไปแล้ว จิรฐาจึงพาพิมพ์ลดาไปยังแผนก เฉพาะทางที่นัดไว้ล่วงหน้าแล้ว
พิมพ์ลดาก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบเสาะหาความจริงมาแต่ ไหนแต่ไรแล้ว แต่เมื่อครู่นี้ได้ยินชื่อนั้นที่ธนัทพูดถึง เธอมัก จะรู้สึกติดอยู่ในใจจนดึงไม่ออกเหมือนสิวเม็ดหนึ่ง
เดินข้างจิรฐา เธอเงยหน้ามองเขา ถามว่า “ จิรฐา จันวิภา คือใครหรือ? ”
ได้ยินพิมพ์ลดาถามตัวเอง ในดวงตาของจิรฐาสะท้อน ความตะลึงงันที่สมบูรณ์แบบเส้นหนึ่ง กลับตอบเธออย่าง เป็นปกติยิ่ง ” เพื่อนคนหนึ่ง ตอนนี้ก็อยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้
คิดแบบนี้แล้ว พิมพ์ลดาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อครู่นี้ ธนัทถึงให้คนส่งของมากมายขนาดนี้ไปที่ชั้นสิบเก้าแล้ว ดู เหมือนว่า จันวิภาคนนั้นอยู่ชั้นสิบเก้า? นอนโรงพยาบาล?
คำถามส่วนหลัง พิมพ์ลดาก็ไม่ถามอีก เพียงพูดว่า “ งั้น พอพวกเราตรวจเสร็จแล้ว ก็ไปเยี่ยมเธอกันเถอะ ” ในเมื่อ เป็นเพื่อนเก่า พิมพ์ลดาคิดว่า พวกเขาก็ควรจะไปเยี่ยมเสีย หน่อย
เพียงแค่ว่า ที่เธอคิดไม่ถึงคือ ตอนที่จิรฐาลากเธอมา ถึงด้านนอกห้องพักผู้ป่วยวีไอพีชั้นสิบเก้า กลับเห็นพ่อตา แม่ยายของตัวเอง ก็เห็นอิงนราแล้ว แม้กระทั่งยังเห็นคุณปู่ นิรวิทย์แล้ว
จันวิภาคนนี้ น่าจะเป็นคนหนึ่งที่สำคัญแค่ไหนกัน? กลับ สามารถกระตุ้นให้คุณปู่ก็มาเยี่ยมเธอถึงโรงพยาบาลโดย เฉพาะได้?
ก็ตอนที่มาถึงได้สักพัก พิมพ์ลดาจึงรู้ว่า ทำไมตอนที่ตรวจ ร่างกายเสร็จเมื่อครู่นี้ ทราบว่าตัวเองแข็งแรงดี ลูกในท้องก็แข็งแรงดี ตอนที่เธอเสนอให้ไปซื้อของขวัญให้จันวิภาเสีย หน่อย จิรฐากลับพูดว่าไม่เป็นไร
เพราะว่า พวกเขาครอบครัวพยุงพงษ์ เคยให้ไปแล้ว แม้ กระทั่งจัดฉากสุดยิ่งใหญ่
ตอนที่พฤษากับอิงนราที่อยู่ในห้องพักผู้ป่วยเห็นพิมพ์ ลดาที่ปรากฏตัวขึ้นที่ปากประตูห้องพักผู้ป่วย บนใบหน้า ล้วนเผยให้เห็นสีหน้าความประหลาดใจอย่างข่มกลั้นไว้ไม่ ได้
ไม่ น่าจะพูดว่าที่มากกว่านั้นคือความตื่นกลัว
ขยับเข้าใกล้ข้างหูของอิงนรา พฤษาสั่งกับเธอเสียงเบา ว่า “เร็ว พาพิมพ์ลดาออกไปก่อน”
อิงนรากำลังจะทำตามคำสั่ง กลับไม่ทัน จิรฐาจับไหล่ พิมพ์ลดาไว้ เดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยแล้ว
ที่แท้ถูกธนัทขวางไว้ จันวิภาก็ไม่เห็นว่าจิรฐาที่เธอร้อง โวยวายจะเจอมาถึงแล้ว ยิ่งมองไม่เห็นพิมพ์ลดาที่เขาพามา
แต่พอพวกเขาเดินเข้าไปใกล้ ก็ปรากฏอยู่ในขอบเขต การมองเห็นของเธอทันที
ตอนที่เห็นว่าเส้นสายตาของจันวิภาตกอยู่บนมือข้างนั้น ของจิรฐาที่วางบนไหล่ของพิมพ์ลดา คนอื่นๆในห้องพักผู้ ป่วย ล้วนหอบหายใจด้วยความกลัว
“ จันวิภา นี่คือ…” เดิมทีพฤษาอยากปิดบังฐานะของพิมพ์ ลดาไว้ก่อน เธอเป็นห่วงว่าจันวิภาจะได้รับการกระตุ้น แต่จร ฐากลับชิงพูดก่อนเธอว่า “ จันวิภา นี่คือพี่สะใภ้ของเธอ คน รักของฉัน ”
ได้ยินจิรฐาแนะนำตัวเอง พิมพ์ลดารีบยิ้มไปให้ผู้หญิง ที่นอนบนเตียงผู้ป่วยที่ใช้ดวงตาทั้งคู่จ้องมองมาที่เธอตรงๆ คนนั้น พูดว่า “ สวัสดี ฉันชื่อพิมพ์ลดา ” ว่าแล้ว พิมพ์ลดา หันไปมองจิรฐา บอกเป็นนัยให้เขาวางตะกร้าผลไม้ในมือไว้ ตรงนั้น จากนั้นก็มองจันวิภาที่อยู่บนเตียงอีกครั้ง ยิ้มแล้วพูด ว่า “ หวังว่าอาการของคุณจะดีขึ้นในเร็ววันนะคะ
แม้เมื่อครู่นี้จิรฐาจะพูดกับเธอมาตลอดว่าไม่ต้องเตรียม อะไรมา แต่เธอยังมุ่งมั่นจะซื้อตะกร้าผลไม้เข้ามา
เพียงแค่ว่า คำทักทายของเธอ เหมือนจะไม่ได้รับการ ตอบสนองจากผู้หญิงบนเตียงที่ชื่อจันวิภาคนนั้น