ผู้ใหญ่จิกับนางพิมพ์ - ตอนที่ 108.2
ตอนที่108(2) คุณสบายดีมั้ย
ตอนที่พิมพ์ลดากลับมาถึงหมู่บ้านกลางเมือง เห็นว่าชั้น ล่างไม่มีรถของ รราจอดอยู่
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เขาออกไปแล้วจริงๆใช่มั้ย? พา จัน ภาไปด้วย
พิมพ์ลดายอมรับว่า เธอไม่ได้เอื้อเฟื้อจนถึงขั้นที่ว่า ตอนที่สามีของตัวเองออกไปกับผู้หญิงที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าว เจ้าของเขาคนหนึ่ง เธอก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย
เข้าไปในลิฟต์คนเดียวขึ้นไปบนอาคาร ยืนอยู่หน้าประตู บ้าน พิมพ์ลดามขมขื่น เธอโชคดีมากที่จิรฐาเพียงใส่รหัส ผ่านไว้ที่นอกบ้านหลังนี้ ไม่งั้นคืนนี้เธอได้นอนข้างถนนแน่
จิรฐากลับถึงหมู่บ้านกลางเมือง ลงจากรถพรวดพราด เหมือนบินร่อน พุ่งเข้าไปในลิฟต์ ขึ้นไปชั้นบน
พิมพ์ลดาเพิ่งจะเปลี่ยนรองเท้าเสร็จก็เข้าประตูไป ยัง ไม่ทันเดินเข้าไปในห้องนอน ก็ได้ยินเสียงประตูบ้านถูกเปิด แว่วมาจากด้านหลัง
เธอนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง หันหน้าไป เห็นว่าจิรฐาเดินเข้ามา พอดี เขาเหมือนวิ่งเข้ามาอย่างร้อนใจเป็นอย่างมาก เข้า ประตูมาก็หอบหายใจเฮือกใหญ่
พิมพ์ลดาก็ไม่ได้สนใจเขา เดินเข้าไปในห้องนอนต่ออย่างไม่สนใจใคร
จิรฐาร้อนใจแล้ว เขาลากรองเท้าออกมายังไม่ทันได้ เปลี่ยน ก็พุ่งเข้าไปในห้องรับแขกทันที ดึงพิมพ์ลดาไว้ อย่างรวดเร็ว ” คุณไปอยู่ที่ไหนมา? ” เห็นท่าทางของ เธอ เหมือนว่าก็เพิ่งกลับถึงบ้าน หรือว่าเมื่อครู่นี้เขาจะ จินตนาการผิดไป? ไม่ใช่เพราะเธอเห็นว่าเขาออกไปแล้ว จึงตามเขากลับไปถึงหมู่บ้านกลางเมืองหรือ? ดังนั้นเธอก็ ไม่เห็นว่านภานั่งอยู่ในรถของเขา? หลังจากที่เขาออก จากหมู่บ้านมีสุขไปแล้วเธอจึงจะไปเจอคนอื่นตามลำพัง จริงๆ?
งั้น งั้นคนอื่นที่ว่านั่นเป็นใคร? ใช่ผู้ชายที่จับมือเธอไว้ แน่นไม่ยอมคลายออกที่ชั้นล่างในโรงพยาบาลวันนั้นมั้ย?
เห็นการแสดงออกที่เหมือนจะตาแดงของจิรฐาแล้ว พิมพ์ลดาหัวเราะไม่มีเสียง นี่เขากำลังดุเธอหรือ? ทั้งที่คนที่ ทิ้งไปคือเขา ตอนนี้มีสิทธิ์อะไรมาดุเธอเล่า? เขารู้มั้ยว่าคืนนี้ เธอล้วนเผชิญกับอะไรบ้าง? ยังกลับมาดุเธอด้วยความหวัง ดี!
ช่วงเวลานี้ พิมพ์ลดาพลันมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง งาน แต่งงานในวันเสาร์หน้า พวกเขายังต้องจัดจริงๆหรือ?
พิมพ์ลดาก็ไม่อยากทะเลาะกับเขา เพียงยื่นมือผลักเขา ออก “ ฉันเหนื่อยมากแล้ว อยากพักผ่อนแล้ว
แต่จิรฐายังไม่อยากปล่อยเธอไป มือนั้นจับแขนเธอไว้แน่นขึ้น “คืนนี้คุณไปเจอผู้ชายที่ชื่อธีทัตคนนั้นมาแล้วไม่ใช่ หรือ? ”
หลังจากเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลเมื่อครั้งก่อน จิรฐาก็ ให้คนไปหาข้อมูลเกี่ยวกับธีทัต เขาหาข้อมูลส่วนตัวของธี ทัตพบแล้ว แต่กลับไม่ได้หาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง ทัตกับพิมพ์ลดา ไม่ใช่เพราะเขาหาไม่พบ แต่เพราะเขาไม่ อยากหา เรื่องนี้ เขา หวังว่าพิมพ์ลดาจะบอกกับเขาจากปาก ของเธอเอง
นี่เขาหมายความว่าอย่างไร? ครั้งนี้จิรฐาเหมือนจะใช้น้ำ เสียงของการถาม ทำให้ใจดวงน้อยที่เดิมทีก็น้อยใจมาทั้ง คืนแล้วดวงนั้น ก็ใกล้จะแบกรับไม่ไหวแล้ว
จิรฐา คุณ… ” เธออยากอธิบายความจริงกับเขา แต่ก็ไม่รู้ ว่าควรจะเริ่มพูดจากจุดไหนดี
ในกระเพาะรู้สึกไม่สบายเป็นระยะๆอีกครั้ง พิมพ์ลดา พลันสะบัดมือเขาออก หลังจากนั้นหันหลังวิ่งเข้าไปในห้อง อาบน้ำที่อยู่ข้างๆ
ได้ยินเสียงอาเจียนที่น่าอึดอัดของเธอแว่วมาจากด้านใน จิรฐาก็เซื่องซึมเล็กน้อย เดิมทีเขายังอยากจะอธิบายกับเธอ ให้เข้าใจหลังจากที่หาเธอพบแล้ว แต่เขาตามหาเธอนาน ขนาดนั้น ดึกป่านนี้จึงจะมาถึงบ้านกลับเห็นว่าเธอก็เพิ่งถึง บ้านเหมือนกัน ในใจก็โกรธจนวุ่นวายใจ
เมื่อครู่นี้เขาเป็นห่วงเธอขนาดนั้น กังวลว่าถ้าเธอเห็นจันวิภาแล้วก็จะรู้สึกไม่สบายใจ ก็จะไม่มีความสุข แต่พอนึกขึ้น ได้ว่าบางทีเธออาจไปเจอธีทัตแล้ว เขาก็ทั้งไม่สบายใจทั้ง ไม่มีความสุข
จิรฐาก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป เขารู้ว่า ในใจของเขา เป็นห่วงพิมพ์ลดา เธอเป็นภรรยาของเขา แม้การแต่งงาน ในตอนแรกจะไม่ได้มาจากความคิดแรกเริ่มของเธอทั้งหมด แต่ผ่านมานานขนาดนี้ เขาก็นําเธอกลับมาเป็นของตัวเอง โดยอัตโนมัติแล้ว
เธอไปเจอผู้ชายคนอื่น แม้กระทั่งเป็นคนเก่า เขาก็ไม่ อนุญาต ก็ไม่มีความสุข!
ตามเธอเข้าไปในห้องอาบน้ำ จิรฐายื่นมือประคองเธอ พิมพ์ลดาบิดตัวทีหนึ่ง ข่มกลั้นความรู้สึกไม่สบาย ผลักเขา ออก “คุณออกไป อย่าแตะต้องฉัน “
“ พิมพ์ลดา…” ไม่ว่าจะเป็นเหตุอะไรก็ตามที่ทำให้เธอ กลับบ้านดึกขนาดนี้ จิรฐาก็ไม่อยากให้เธอต้องยั่วโมโหเขา ในตอนที่ตัวเองยังไม่สบายอยู่
ในท้องของเธอยังตั้งท้องลูกของพวกเขาสองคน เขารู้
ถึงความลําบากของเธอ
เดินเข้าไปหาเธอจากทางด้านหลัง จิรฐาอ้าแขนสอง ข้างกดลงบนสองมือที่ยังอยากจะผลักเขาออกของพิมพ์ ลดา โอบรัดเธอเข้าในอ้อมอก ก็ไม่พูดไม่จา ก็กอดเธอไว้ แบบนี้ เหมือนอยากจะทำให้อารมณ์ของพิมพ์ลดาสงบลงแบบนี้ ก็เหมือนกำลังทําให้อารมณ์ของตัวเองสงบลง
ตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างจิรฐากับ พิมพ์ลดาก็เหมือนเข้าสู่ระยะเวลาใหม่ที่ไม่คุ้นเคยช่วงหนึ่ง ระยะเวลานี้? ดูเหมือนว่าสามารถเรียกได้ว่าเป็นสงคราม เย็น?
ตอนเช้า ตอนที่นั่งทานอาหารเช้าในห้องรับแขก พิมพ์ ลดาคิดสักพัก ในที่สุดก็เปิดปาก “ จิรฐา ” รอให้เขาเงยหน้า ขึ้นมองเธอ เธอจึงพูดต่อไปว่า “ งานแต่งงานในสัปดาห์ หน้าของพวกเรา ยกเลิกเถอะ ”
คุณพูดว่ายังไงนะ? ” พิมพ์ลดาเสนอข้อเรียกร้องอย่าง กะทันหัน จิรฐายอมรับว่าเขาถูกทำให้ตกใจแล้ว “ พิมพ์ลดา ถ้าคุณเป็นเพราะเมื่อคืน…”
“ไม่ใช่ค่ะ ” เธอขัดจังหวะคำพูดของจิรฐา “ ฉันไม่ได้ เสนอความคิดนี้เพราะเรื่องเมื่อคืน ฉันคิดพิจารณาดีแล้ว ” เธอพิจารณาแล้วจริงๆ ยังพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งคืน
อย่างไรเสียเรื่องนี้ที่เขาจิรฐากับเธอพิมพ์ลดาเป็นสามี ภรรยากัน ลองถามคนในเมืองเอสยังมีสักกี่คนที่ไม่รู้? ครั้ง นั้นเขาประกาศความสัมพันธ์ของพวกเขาที่สหภาพธุรกิจ การเมือง ก็แพร่กระจายไปทั่วทุกมุมของเมืองแห่งนี้แล้ว
จัดงานแต่งงาน เดิมทีน่าจะจัดขึ้นเพื่อรับคำอวยพรที่ แขกเหรื่อให้ไว้กับคู่แต่งงานใหม่ แต่ตั้งแต่หลังจากที่จันวิภาปรากฏตัวขึ้น พิมพ์ลดาคิดว่า ถ้าเธอกับจิรฐาจัดงาน แต่งงาน บางทีก็อาจไม่ได้รับคําอวยพรของทุกคน บางที ตอนทีบาทหลวงถามในงานว่ามีคนคัดค้านหรือไม่ จันวิภาก็ จะกระโดดออกมา
พิมพ์ลดายอมรับแล้วว่า เธอไม่ได้เอื้อเฟื้อขนาดนั้น
จิรฐาก็ชักจะอารมณ์เสียแล้ว ดื่มนมในมือรวดเดียวหมด เขาวางแก้วลงแรงๆ ใช้น้ำเสียงที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้ตอบ กลับไปว่า “ เรื่องนี้ ไม่ต้องปรึกษา ” เงยหน้าขึ้น เขามองมา ที่เธอ ขมวดคิ้วแน่น “ พิมพ์ลดา คุณอย่าลืมเรื่องที่คุณเคย ตกลงไว้กับผม คุณเคยตกลงกับผม ว่าจะไม่หย่าร่างอย่าง แน่นอน ”
แค่ไม่จัดงานแต่งงานเท่านั้น ผู้ชายคนนี้ เขาคิดไปถึงไหน แล้วล่ะ? ทำไมถึงได้ดึงเรื่องหย่าร้างเข้ามาเกี่ยวด้วย?
“ฉัน…”
อีกอย่าง พิมพ์ลดา คุณรู้มั้ยว่า การ์ดเชิญของพวกเราส่ง ออกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว คุณคิดว่า ตระกูลพยุงพงษ์ของ เรา แล้วก็ตระกูลแก้วไชยของคุณ ครอบครัวไหนจะขายขึ้ หน้าในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องสักนิดเลยหรือ? ”
การ์ดแต่งงานส่งออกไปแล้ว? ผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าเรื่อง อะไรก็มักจะทําโดยไม่ปรึกษาเธอเลย
อีกอย่าง ตระกูลพยุงพงษ์ของพวกเขา? ตระกูลแก้วไชยของพวกเธอ? นี่เขาหมายความว่าอย่างไรอีกล่ะ?
ตอนแรกใครกันทีเตือนเธอด้วยความจริงใจ อย่าแบ่ง พวกเขาออกเป็นพรรคพวกชัดเจนขนาดนั้น
ม! ฉันไม่สนหรอกว่าใครจะขายขี้หน้าหรือไม่? อย่างไร เสียฉันก็ไม่อยากแต่งงาน
เลียนแบบท่าทางของจิรฐา พิมพ์ลดายกแก้วขึ้น พอเงย หน้าขึ้นก็ดื่มนมในแก้วจนหมดเกลี้ยง หลังจากนั้นวางแก้ว ลงบนโต๊ะแรงๆ ก็ไม่สนใจเขา ก็ไม่สนใจแก้วและจานรองบน โต๊ะ ลุกข์นเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างไม่สนใจใคร
เธอจะไปทำงานแล้ว เรื่องที่เหลือไว้ เขาจิรฐาจัดการเอง
ที่บริษัท พิมพ์ลตามองเอกสารในมือ มองอยู่นานมาก ตั้งแต่ต้นจนจบกลับล้วนจ้องมองเอกสารหน้านั้น ตอนเช้า เธอทิ้งคำพูดที่ทำร้ายจิตใจไว้กับจิรฐาแล้ว แต่ตอนนี้กลับมา อารมณ์ดีแล้ว ในใจดวงนี้ของเธอเองก็วุ่นวายสับสน เหตุใด จึงล้วนเป็นความรู้สึกไม่ดีหลายอย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกัน
ตอนเช้าตอนที่ลงจากรถ เธอไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง ถือกระเป๋าก็ออกไปแล้ว เธอรู้ว่าจรฐาที่อยู่ข้างหลังยังหันมา ทางเธอนั่นแซนวิชอันหนึ่งเข้ามา แต่เธอก็ยังทำเป็นมองไม่ เห็นก็ไม่ได้รับ
ในห้องทำงาน สถานการณ์ที่จิรฐาประสบพบเจอก็ไม่ได้ แม่ไปกว่าพิมพ์ลดาเท่าไร
หลายวันมานี้ เขารู้สึกเป็นกังวล กังวลเรื่องจันวิภา ก็ กังวลเรื่องระหว่างพิมพ์ลดากับตัวเขาเอง ก็ยังกังวลเรื่อง งานด้วย!
เมื่อคืนเขาพูดแรงๆกับเธอไปแล้ว นั่นเป็นเพราะร้อน ใจ อีกอย่าง ตอนนี้คิดดูแล้ว ความรู้สึกของเขาในตอนนั้น ก็ เหมือนหึงหวงจริงๆ เห็นว่าเธอออกไปเจอผู้ชายอีกคน ในใจ ของเขาก็มีความรู้สึกไม่ดีหลายๆอย่างเกิดขึ้นพร้อมๆกัน
แต่เช้านี้ คำที่เขาพูดกับเธอ ที่จริงแล้วถูกเธอยั่วโมโห ออกมา จัดงานแต่งงานเป็นเรื่องที่เคร่งครัดเรื่องหนึ่ง ก็เป็น เรื่องที่ทั้ง สองครอบครัวปรึกษากันมาอยู่นานหลายครั้งจึง กําหนดไว้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้แม้แต่การ์ดแต่งงานล้วนส่ง ออกไปหมดแล้ว แต่เธอพูดว่าไม่จัดก็คือไม่จัด ก็ไม่ยอม ปรึกษากับเขา ยิ่งไม่บอกกับเขาว่าเธอคิดอย่างไร มีเหตุผล อะไรจึงไม่ยอมจัดงานแต่งงาน เขาจะตกลงกับเธอได้ ตามใจชอบได้อย่างไรกันล่ะ?
แต่งงานกับพิมพ์ลดามากว่าครึ่งปีแล้ว จิรฐารู้สึกมา ตลอดว่าพิมพ์ลดาเป็นคนอ่อนโยน เป็นผู้หญิงดีๆที่เห็นอก เห็นใจผู้อื่น แต่ใครจะรู้ว่า ผู้หญิงคนนี้พออารมณ์เสียขึ้นมา แล้ว จัดการได้ยากในระดับที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
จิรฐาคิดว่า หรืออาจเป็นเพราะเขาตามกระแสในยุคสมัย นี้ไม่ทันแล้ว? เขาล้วนไม่มีทางจะเข้าใจว่าที่ผู้หญิงของเขา คิดอยู่ในใจคือเรื่องอะไรกันแน่
ที่ผ่านมา เขาถูกผู้หญิงคนหนึ่งครอบงำความคิดและจิตใจจนถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
“ จิรฐาหนอจิรฐา นายไม่เป็นตัวเองมากขึ้นทุกวันแล้วจริงๆ * มองแซนวิชบนโต๊ะชิ้นนั้น จิรฐาทิ้งปากกาในมือลง เอนพิง พนักเก้าอี้ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้ว
เขารู้ว่าตอนเช้าพิมพ์ลดาไม่ได้ทานอะไร ดังนั้นตอนที่ ออกบ้านไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะให้เธอพกแซนวิชไปชิ้นหนึ่ง อยากให้เธอกลับถึงบริษัทแล้วค่อยหาเวลาทานอะไรสัก หน่อย
แต่ตอนนี้เธอกลับมาอารณ์ดีแล้ว ทั้งที่เธอเห็นว่าเขายื่น เข้ามา กลับแสร้งทําเป็นมองไม่เห็น ก็ไม่สนใจเขา ลงจาก รถไปทันที เดินเข้าไปในบริษัทโดยที่ไม่หันหน้ามามอง
เดิมทีเขาอยากตะโกนบอกเธอว่า “ ถ้าคุณไม่ดูแลตัวเอง
ดีๆ ก็กรุณาดูแลลูกชายผมให้ดีจะได้มั้ย? ” แต่หลังจากนั้น
คิดว่า เขาไม่ลงรถไปตะคอกใส่เธอจะดีกว่า
ถ้าเขาลงไปจริงๆแล้ว งั้นเขาจิรฐาก็คงจะไม่ใช่จิรฐาคน เดิมอีกต่อไปแล้ว จิรฐาผู้เพียบพร้อม เคยทำเรื่องที่ต้องเป็น เด็กหนุ่มหางม้าจึงจะทำได้ประเภทนี้เมื่อไรกัน
อีกอย่าง เขาคิดว่า ถ้าเขาตะโกนคำนั้นออกไปจริงๆ คาด ว่าพิมพ์ลดาต้องโกรธกว่ายิ่งกว่าเดิมล่ะมั้ง
ตอนที่ปรัณเข้ามาส่งเอกสาร เห็นจิรฐาพิงพนักเก้าอี้ เหมือนไม่ค่อยมีชีวิตชีวา ก็ถามว่า “ ท่านจิรฐาครับ หลายวันมานี้ ดูเหมือนว่าท่านจะเหนื่อยมากนะครับ ”
คลายมือออก จิรฐานั่งตัวตรง ยิ้มเฉยชา หยิบเอกสารที่ ปรัณเพิ่งจะนำวางบนโต๊ะทำงานของเขาขึ้นมาดู
ก่อนที่ปรัณจะออกจากห้องไป อยู่ดีๆเขาก็นึกขึ้นได้ว่า ปรัณก็มีแฟนสาว จึงรีบตะโกนเรียกเขาไว้
* ท่านจิรฐา ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือครับ? ” ปรัณชะงักฝีเท้า หันกลับมาก็เดินกลับเข้ามาตรงหน้าโต๊ะทำงานของจิรฐาอีก รอบ
“ คือว่า… ” จิรฐามักจะรู้สึกว่าถ้าเขาถามปรัณแบบนี้ เหมือนจะน่าอายอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่ถามปรัณแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่า ควรจะถามใครได้อีก “ คือว่า นายมีวิธีเกลี้ยกล่อมผู้หญิงที่ ค่อนข้างใช้ได้ผลหรือเปล่า? ”
ได้ฟังคำถามของจิรฐาแล้ว ปรัณอดไม่ได้จริงๆ หัวเราะ พร็ดแล้ว
เขาก็อยากอดกลั้นไว้ แต่ ใครให้ท่านผู้ใหญ่ที่ค่อนข้าง เข้มงวดมาตลอดท่านนี้อยู่ดีๆก็ถามคำถามแบบนี้กับเขาล่ะ?
‘ท่านจิรฐา คือว่า คุณ ทะเลาะกับพี่สะใภ้หรือครับ? ”
“ ก็ ก็ไม่เชิง ก็คือ ฉันเหมือนจะทำให้เธอไม่มีความสุขแล้ว
แค่ทําให้เธอไม่มีความสุขแค่นั้นจริงๆหรือ? แค่นั้นหรือ?
ปรัณครุ่นคิด ยิ้มแล้วพูดว่า “ ท่านจิรฐา ไม่ก็คุณซื้อช่อ ดอกไม้ให้พี่สะใภ้เถอะ ผู้หญิงน่ะ ก็ชอบดอกไม้กันทั้งนั้น ไม่ ว่าจะเป็นดอกกุหลาบแดง ดอกกุหลาบขาว ดอกลิลลี่ หรือ ดอกไม้อื่นๆ พอผู้หญิงเห็นดอกไม้แล้ว ก็จะอารมณ์ดีขึ้นมา หน่อย ”
ดอกไม้หรือ? ได้ยินปรัณพูดแบบนี้ จิรฐาเหมือนจะ คิดอะไรขึ้นมาได้แล้วจริงๆ เขาจำได้ว่าตอนนั้นพิมพ์ลดา เหมือนจะเอาดอกกุหลาบช่อหนึ่งกลับบ้าน
ดูเหมือนว่า พิมพ์ลดาก็ชอบดอกไม้จริงๆ? อีกทั้งยังชอบ
ดอกกุหลาบ?
ตอนบ่ายหลังจากเลิกงานแล้ว ก่อนจะไปรับพิมพ์ลดา จิรฐาก็ไปร้านดอกไม้ก่อน ซื้อดอกกุหลาบสีสันสวยงามช่อ หนึ่ง แต่ ช่วงเวลานั้นที่เขาเดินออกจากร้านดอกไม้ กลับได้ รับข้อความที่พิมพ์ลดาส่งมา ในนั้นมีเพียงหนึ่งประโยค
ฉันไปทานข้าวเป็นเพื่อนสะปัน กลับบ้านค่ำหน่อย
ได้ เขามองดอกไม้ในมือตัวเอง อยู่ดีๆก็รู้สึกว่าทำไมตัว เองถึงได้น่าขันเช่นนี้
สะปันอยู่ที่บ้านแก้วไชยมาเกือบสิบวันแล้ว ระหว่างนั้น ทินพลเคยมาหาเธอ เกลี้ยกล่อมให้เธอกลับไป ตอนนั้น พิมพ์ลดาก็อยู่พอดี กันเขากลับไปแล้ว
ไม่ว่าสะปันจะเต็มใจให้อภัยทินพลหรือไม่ ครั้งนี้ล้วน ต้องให้เขาได้รับบทเรียนอย่างหนึ่ง สะปันพูดว่าตอนที่เธอ ยังตัดสินใจไม่ ได้ว่าจะจัดการกับงานแต่งงานช่วงนี้ของเธอ กับทินพลอย่างไร เธอก็จะไม่กลับไปที่บ้านหลังนั้น
ญานัทและอรัญญาล้วนชอบหนูนา สำหรับเรื่องที่สะ ป้นมาอยู่ที่บ้านของพวกเขา ก็ไม่มีความเห็นอยู่แล้ว แต่ โชคดีที่พิมพ์ลดาแจ้งให้พวกเขาทราบล่วงหน้า ไม่อย่าง นั้นแล้ว อรัญญาอาจนำเรื่องที่สะปันอยู่ที่บ้านของพวกเขา แพร่งพรายแก่พ่อแม่ของเธอตั้งนานแล้ว
ตอนบ่ายหลังจากที่สะปันเลิกงานแล้ว ไปรับหนูนาที่ โรงเรียนอนุบาลก่อน เธอก็เจอทินพลอีกครั้ง ไม่ พูดตามจริง แล้ว ควรจะเป็นเขารอเธออยู่ที่นั่นโดยเฉพาะ
*สะปัน ” พอเห็นสะปัน ทินพลก็เดินเข้ามาใกล้ สะปัน
อยากจะรีบเข้าไปรับหนูนาในโรงเรียนอนุบาลก่อน แต่ทน
พลกลับดึงเธอไว้อย่างรวดเร็ว ไม่ให้เธอไป
ปากประตูโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้มีคนเดินเข้าเดินออก พวกเขาลากๆดึงๆแบบนี้ก็ดูไม่ดี สะปันสู้แรงเขาไม่ไหว พูด ได้เพียง “ ฉันไปรับหนูนาก่อน รอให้พวกเรารับหนูนาเสร็จ แล้ว ค่อยพูดกัน ดีมั้ย? ”
มีกี่ครั้งที่พวกเขาล้วนมารับหนูนาด้วยกัน จากนั้นทินพล ก็ขับรถ สะปันพาหนูนามานั่งเบาะหลัง สามคนพ่อแม่ลูก กลับบ้านอย่างมีความสุข
แต่ตอนนี้ล่ะ? ยังคงเป็นตำแหน่งที่นั่งที่คุ้นเคยแบบนั้น แต่รู้สึกว่าระยะห่างระหว่างพวกเขา กลับห่างไกลกันเช่นนั้น
ก็เป็นเพราะแบบนี้ ดังนั้นตอนที่พิมพ์ลดาไปถึงร้าน อาหารที่นัดกับสะปันไว้แล้ว เห็นว่าทุนพลก็อยู่ด้วย
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว พิมพ์ลดาอยากถามสะปันว่า ต้องการจะเหลือเวลาว่างให้เธอกับทินพลให้พวกเขาสอง คนได้คุยกัน อย่างตั้งใจสักหน่อยมั้ย แบบนี้ เธอก็สามารถ พาหนูนากลับไปก่อนได้พอดี
คิดไม่ถึงว่า ก่อนที่เธอจะเปิดปาก ทินพลกลับพูดกับเธอ ก่อนว่า “ พิมพ์ลดา รบกวนเธอพาหนูนากลับบ้านไปก่อนได้ มั้ย? ฉันกับสะปันจะคุยกันอย่างตั้งใจ พูดกันเสียหน่อย
ได้ยินคําขอร้องของทินพล พิมพ์ลดาหันหน้าไปมองสะ ในที่อยู่ข้างๆ ตอนที่ถามความคิดเห็นจากเธอ เพียงเห็นว่า สะปันก็พยักหน้าให้เธอ
ใช่แล้ว ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะพูดคุยกันอย่างตั้งใจเสีย หน่อยแล้ว เรื่องนี้ ยึดเยื้อมาตลอด ก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรทำ
ที่จริงแล้วหนูนายังเป็นเด็กเล็กคนหนึ่ง แม้ว่าตอนแรก จะไม่ยอมออกไปก่อน แต่พอได้ยินพิมพ์ลดาพูดว่าจะพาเธอ ไปเล่นเครื่องเล่นรถหยอดเหรียญ ซื้อลูกอมสีรุ้งให้เธอ เธอ ก็เดินตามพิมพ์ลดาออกไปอย่างว่าง่าย
พิมพ์ลดาพาหนูนาออกจากร้านอาหาร กำลังเตรียมจะเดินไปข้างถนน ตอนที่เรียกหยุดรถ อยู่ดีๆแขนยาวข้างหนึ่ง ก็เข้ามาขวางเธอไว้ด้านหน้า พิมพ์ลดานิ่งอึ้งไปเล็กน้อย หันหน้าไปมองคนที่ขวางทางตัวเองอยู่ด้านหน้า
เป็นเขา?
จิลถา
* โว้ ฉันยังกลัวว่าฉันจะจําคนผิด ที่แท้ก็เป็นภรรยาเจ้า นายจริงๆด้วย! ” เขามองพิมพ์ลดา บนใบหน้ามีรอยยิ้ม ว ร้าย หดแขนที่ขวางอยู่ด้านหน้าพิมพ์ลดากลับไป ยกมือ ดันแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมบนสันจมูกขึ้น “ ผมคิดว่าด้วย คุณสมบัติของคุณ ในตอนแรกทำไมถึงปฏิเสธผมได้ ง่ายดายแบบนั้นล่ะ ที่แท้ ติดเบ็ดคนที่ดีกว่าตั้งนานแล้ว ”
‘คุณจิลถา กรุณาล้างปากของคุณให้สะอาดหน่อย ” ผู้ชายคนหนึ่ง ทักษะชำนาญการของคนน่าขยะแขยงมี พัฒนาการอย่างต่อเนื่องจริงๆ
ตั้งแต่หลังจากที่อีกนิดเดียวก็จะถูกเขาทำตัวไม่มี มารยาทใส่ในครั้งนั้น พิมพ์ลดาก็ไม่เคยเจอเขาอีก วันนี้เท โชคร้ายของหลายภพชาติรวมกันแล้ว จึงจะเจอเขาอยู่ที่นี่ ได้
พิมพ์ลดาไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับเขา จับมือหนูนาไว้ เธอ หันหลังตัดสินใจเดินออกไป แต่จิลถาคนนี้กลับไม่ยอม ปล่อยไป
เขายื่นมือดึงแขนเธอไว้ ปากก็พูดหยอกล้อ “ นี้ คุณผู้ หญิง คุณอย่ารีบเดินสิ พวกเราเจอกันยากนะ ก็เพราะมีบุญ วาสนาต่อกัน ไม่ว่าอย่างไรคุณก็ต้องดื่มเป็นเพื่อนคู่เดทเก่า คนน้อย่างผมสักแก้ว *
“ ปล่อยมือ ฉันกับคุณก็ไม่ถือว่ารู้จักกัน! ” คนที่มามุ่งดูรอบ
ข้างยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ พิมพ์ลดาอยากดึงมือตัวเองออกจาก มือของเขา แต่ไม่มีทางที่แรงของผู้หญิงคนหนึ่งจะเอาชนะ ผู้ชายคนหนึ่งได้ง่ายๆในตอนสุดท้าย
“ คุณปล่อยแม่เล็กของหนู! ” ทันใดนั้น พิมพ์ลดาก็ได้ยิน เสียงเล็กๆแบบเด็กๆของหนูนา หลังจากนั้น หนูนาก็คลาย มือที่จับพิมพ์ลดาไว้ในตอนแรกออก พุ่งไปข้างกายจิลถา อ้า ปากหันไปทางแขนของเขาก็กัดลงไป
“นางเล็กบ้า แก……..
“หนูนา ” เธอเห็นว่าจิลถากำลังจะจับหนูนา พิมพ์ลดารีบ ถือโอกาสตอนที่เขาคลายมือออกด้วยความเจ็บปวด พุ่ง เข้าไปอุ้มหนูนาซ่อนไว้ในอ้อมอก
“ กรี๊ด! ” พิมพ์ลดาหลับตาปี่ คิดว่าจิลถาจะพุ่งเข้ามาตีเธอ กับหนูหนา แต่ครู่ต่อมากลับได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญด้วย ความเจ็บปวดเสียงหนึ่งของเขา
เธอลืมตาขึ้น ก็เห็นตนัสที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง ตั้งแต่เมื่อไร
“ ไสหัวไป! ” เขาทำหน้าเย็นชามองจิลถาที่ปัดตุเป้ไม่กี่ ก้าวอยู่ตรงหน้าอีกนิดเดียวก็จะล้มลงกับพื้น
ผู้ชายคนนั้นเหมือนแต่ก่อนก็ไม่ค่อยจะรู้จักหนังหนาของ พรรค์นี้ เขาเพียงยกมือขึ้นเช็ดรอยเลือดที่ไหลออกมาหลัง จากหนังที่มุมปากถลอก ยกเท้าก็กำลังเดินเข้ามาทางพวก พิมพ์ลดา
“แก… ” เห็นว่าหนัสยังอยากจะยกมือขึ้นเขา พิมพ์ลดา รีบดึงเขาไว้อย่างรวดเร็ว
จิลถาคนนี้ไม่น่าคบเกินไปแล้ว ถ้าตีเขาจนบาดเจ็บแล้ว จริงๆ เธอกังวลว่าถึงตอนนั้นเขายังจะกลับเข้ามาว่าร้ายพวก เขาอีกครั้ง บอกว่าพวกเขาจงใจทำร้ายเขา
“คุณผู้หญิง ผู้พิทักษ์เทพธิดาของคุณดูจะมีเยอะเหลือ เกิน ” จิลถาพูดดังขึ้น คำพูดนี้ เหมือนจงใจจะพูดให้ผู้คน ที่มามุงดูได้ยิน
เขาตั้งใจ พิมพ์ลดารู้สึกว่า หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ เขา ผู้คนที่มามุงดูอยู่รอบข้างก็เหมือนจะทอดสายตาอยากรู้ อยากเห็นส่วนหนึ่งมาทางเธอ
“ฉัน…”
“ คุณผู้ชายคนนี้ ปากของคุณควรจะล้างให้สะอาดหรือ ไม่? ถ้าฟันของคุณเองยังแปรงไม่สะอาด ผมแนะนำว่าคุณ สามารถไปทำความสะอาดฟันที่แผนกทันตกรรมได้ คุณผู้หญิงคนนี้ที่ถูกคุณลวนลามเมื่อครู่นี้ หนึ่ง เธอเป็นพนักงาน ของผม เห็นว่าเธอถูกคนรังแก ผมจึงเข้ามาช่วยเหลือใน ฐานะเจ้านาย ก็เหมาะสมสมเหตุสมผลดี สอง เธอเป็นพี่ สะใภ้ของผม ผมเป็นน้องเขยของเธอ เห็นว่าคนนอกคน หนึ่งรังแกคนในครอบครัวพยุงพงษ์ของพวกเรา จะให้ผมยืน ดูอยู่ข้างๆอย่างสบายๆหรือ? ผมแนะนําคุณ ถือโอกาสตอน ที่ผมยังไม่แจ้งความ และก่อนที่คิดจะแจ้งจับ ณ ตอนนี้ รีบ ไสหัวไปให้เร็วที่สุด! ”
ขณะที่พิมพ์ลดาอยากพูดอธิบายให้ตัวเองไม่กี่ประโยค ตนัสพูดเป็นช่วงยาวๆแบบนี้โดยที่ไม่ติดขัดเลยสักนิด
ตอนที่ตนัสพูดว่าพิมพ์ลดาเป็นพี่สะใภ้ของเขา เขาเป็น น้องเขยของพิมพ์ลดา รวมถึงจิลถาที่อยู่ในเหตุการณ์ และ ทุกคนที่อยู่รอบข้าง ก็เหมือนจะนิ่งอึ้งไป
ไม่รอให้จิลถาตอบสนอง ตนัสหันไปมองพิมพ์ลดา ถาม ว่า “ ไม่เป็นไรใช่มั้ย? “