ผู้ใหญ่จิกับนางพิมพ์ - ตอนที่ 68
ตอนที่ 68 แนะนําสามี
– ในที่สุด จะไปพบพ่อแม่สามีแล้วหรือ? พิมพ์ลดายืน ตะลึงงันชั่วขณะ ตกใจไม่ทันได้สติไปสักพัก
เห็นพิมพ์ลดาตกใจราวกับเซ่อโง่ไปเลย จิรฐายิ้มแล้ว จูงมือเธอไปยังที่ที่เช็คบิล
เห็นจิรฐาดึงกระเป๋าสตางค์ออกมา พลันพิมพ์ลดาก็คิด อะไรออก รีบยื่นมือออกไปยับยั้งเขาไว้ “ให้ฉันจ่ายเถอะ!” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา กล่าวว่า “ฉันเป็นลูกสะใภ้ใหม่ สิ่ง เหล่านี้ควรที่ฉันจะเป็นผู้ซื้อ
“เจ้าโง่!” ค่อยๆดึงมือของเธอออก จิรฐาจ่ายเงินแบบ กันเอง “ระหว่างเราทั้งสอง ยังต้องแยกของเธอ ของผมกัน อีกหรือ?”
หยิบกล่องผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาสุขภาพเรียบร้อย จิรฐาก็ จูงพิมพ์ลดาออกจากร้านหยินชวนถัง
ในรถ พิมพ์ลดายังลังเลว่าคืนนี้ตนเองควรจะทำอย่างไร โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้น เธอหยิบออกมาดู เป็นสะ ปันโทรมา
“แปดส่วนเป็นการถามฉันเกี่ยวกับเรื่องดอกกุหลาบ” พิมพ์ ลดาคิดในใจ มองแล้วมองจิรฐาในที่นั่งคนขับซึ่งอยู่ข้างกาย เห็นเขากำลังตั้งใจดูสภาพการจราจรขับรถอยู่ ก็สไลด์ปุ่มรับ สัญญาณฟัง หรี่ระดับเสียงของหูฟังโทรศัพท์แล้วใส่ไว้ที่ข้างหู
“ฮัลโหล”
“เจ้าพิมพ์น้อย!” ทางนี้พิมพ์ลดาหรี่เสียงลงรับสาย โทรศัพท์ ทางโน้น สะปันหลังจากวินาทีที่โทรศัพท์ติดต่อ ได้แล้วก็ตื่นเต้นจนตะโกนเรียกเธอเจ้าพิมพ์น้อยเสียงหนึ่ง
โอ้ทําไมเสียงของแม่เจ้าหล่อนสะปันจึงไม่เคยค่อยลง มาก่อนเลยน่ะ!
“เจ้าพิมพ์น้อย เธออยู่ไหน?” สะปันถาม
“ข้างนอก” พิมพ์ลดาตอบ
เมื่อได้ยินพิมพ์ลดาบอกว่าเขาอยู่ข้างนอก สะปันยิ้ม พูดว่า “กำลังอยู่ข้างนอกพอดี ฉันกับพี่ชนิศาอยู่ด้วยกันน่ะ คิดอยากให้เธอมากินข้าวด้วยกัน ครั้งที่แล้วกลุ่มกิจกรรม ฟิตเนสแห่งชาติรายเดือนของเราประสบความสำเร็จมากได้ รับการยกย่องจากผู้นำในระดับสูง เราทุกคนรู้ว่านี่เป็นมา จากโฆษณาที่คุณได้ออกแบบให้เรา ดังนั้นพวกเราจึงชวน คุณมากินข้าว ขอบคุณเธอมากจ้า!
เชิญกินข้าว? เดิมทีพิมพ์ลดาคิดว่าสะปันโทรมาถาม ตัวเองว่าได้พูดเรื่องดอกกุหลาบกับท่านศิษยาภิบาลไหม หนอ? ทำไมกลับกลายเป็นเชิญเลี้ยงข้าวไปได้น่ะ!
พิมพ์ลดาคิดว่าจิรฐาคงจะไม่คิดอยากจะกินข้าวกับกลุ่มเพื่อน ๆ ของเธอ ดังนั้นหรี่เสียงลงไปอีก พูดกบสะ “ เขาอยู่ที่นี่”
เขาอยู่ที่นี่หรือ? คำเหล่านี้ สะปันใช้เวลานานมากจึง เข้าใจความหมายของพิมพ์ลดา
นี่ยังไม่ง่ายเหรอ “พอดิบพอดีเลยอ้า!” สะปันและชนิศา เข้าไปในห้องเดี่ยวของโรงแรมมวนยู พาท่านศิษยาภิบาล มาด้วยน่ะ!ฉันเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของเธอน่ะ!เธอแต่งงานมา เกือบครึ่งเดือนแล้ว ฉันยังไม่เคยเห็นเจ้าบ่าวของครอบครัว เธอเลย เธอคิดว่าใช้ได้ที่ไหนกัน?”
ฟังคำพูดของสะปัน พิมพ์ลดารู้สึกว่าเธอก็ไม่ได้พูดอะไร
ผิด แต่จิรฐาจะไปหรือ? เธอหันไปมองเขา
“งั้นฉันจะลองถามดูแล้วโทรกลับไปหาคุณทีหลัง” พิมพ์ ลดาพูดจบ ไม่รอสะปันตอบสนองก็วางสายโทรศัพท์แล้ว
สี่แยกเจอไฟแดง จิรฐาจอดรถ สัมผัสถึงแววตาที่มองมา จากด้านข้าง เขาหันไปประสานกันพอดี “เกิดอะไรขึ้น?” เห็นพิมพ์ลดามองมาที่ตน เขาถาม
“นั่น” พิมพ์ลดากัดริมฝีปาก พูดว่า “เพื่อนซี้คนหนึ่งของฉัน บอกว่าต้องการที่จะเชิญเราไปกินข้าวและพบคุณแบบสบาย ๆ ตกลงไหม? ” พิมพ์ลดาพูดจบก็ไม่กล้าหายใจเสียงดัง ออกมา เธอมักจะรู้สึกว่าจิรฐาจะปฏิเสธ แต่ไม่คิดว่าเขายิ้ม และกล่าวว่า “ได้สิ!แต่ข้าวมื้อนี้เป็นพวกเราเชิญพวกเขากิน น่ะ เราแต่งงานกันโดยไม่ได้เชิญชวนเพื่อนมากินข้าว คุณเห็นว่าไง?”
คำตอบของจิรฐา ทำให้พิมพ์ลดาแปลกใจมาก “คุณ คุณ ยินดีที่จะไปจริงๆหรือ?” จริงๆแล้วเขาเต็มใจที่จะไป พิมพ์ สตาก็มีความสุข นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คนน่าดีใจ ในการที่ สามารถแนะนำคนที่คุณรักให้เพื่อนที่ดีของคุณรู้จัก แม้ว่าจร รายังไม่ใช่คนที่ตนรักในขณะนี้ แต่เขาเป็นสามีของตนเอง จึงเป็นเรื่องที่ยิ่งน่าดีใจมิใช่หรือ?