ผู้ใหญ่จิกับนางพิมพ์ - ตอนที่ 86
ตอนที่ 86
ตรวจสอบ
วันแล้ววันเล่าผ่านไป แต่ละรายในมือของพิมพ์ ดาวนไดั ก าเนินการไปอย่างราบรื่น เมื่อวานเธอ เพิ่งได้เจรจาต่อรองปิดสัญญาการซื้อขายร่วมวางแผน ออกแบบโฆษณาเสื้อโค้ท คิดว่าเธอเองจะหยุดวันนี้ บ่ายไปทํางานตรงเวลา แต่โทรศัพท์บนโต๊ะของเธอดัง นก่อนเลิกงานช่วงบ่าย
ดนัสโทรศัพท์เรียกพิมพ์ลดาเข้าไปในห้องทํางาน เจ้าหน้าที่อื่น ๆ นอกห้องทำงานแม้ว่าจะสงสัยว่าชาย หญิงคู่นี้ที่มีเรื่องอื้อฉาวเพียงวันเดียวแล้วก็ไม่ความ สัมพันธ์ชายหญิงอีกเลย ครั้งนี้จะคุยอะไรกัน ทว่าไม่มี ทางเลือกคนหนึ่งเป็นผู้ตรวจการใหญ่ อีกคนเป็นนัก วางแผนออกแบบโฆษณาเพียงหนึ่งเดียวไม่มีสองใน บริษัท สถานภาพล้วนสูงกว่าพวกเขา อีกทั้งฉนวนกัน เสียงของผนังห้องทํางานบริษัทมีประสิทธิภาพที่ดีพอ พวกเขาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
เดินไปข้างหน้าโต๊ะทํางานของตนัส พิมพ์ลดา ม เรียบร้อยแล้วถามว่า “ผู้ตรวจการใหญ่ คุณต้องการพบ ฉัน?”
ตากำลังยุ่งกับการอ่านเอกสารชั้นหนึ่ง ยังอ่านไม่ เสร็จ เขาไม่ได้เงยศีรษะขี้นก็ตอบเธอกลับไปประโยค หนึ่งว่า “นั่งลงก่อน”
เวลาที่เขาทํางานในบริษัท จริงจังมากจริง ๆ นอกจากนี้ ชักสีหน้าโป๊กเกอร์ไว้ ทำให้คนเกิดความรู้สึก ห่างเหินมาก โดยส่วนตัว พิมพ์ลดาไม่ใช่ไม่เคยเห็น บุคลิกแบบนักเลงไร้เหตุผลของเขามาก่อน จึงตัดสินใจ แน่วแน่ที่จะห่าง ๆ เขาไว้ ดังนั้นถึงแม้ว่าในใจจะสงสัย เขาเป็นอย่างมากว่าเขาแอบอ้างชื่อส่วนรวม แสวงหา ผลประโยชน์ส่วนตัวแกล้งเชิญเธอเข้ามาหยอกเล่นหรือ ไร แต่ก็ยังต้องนั่งลง
ในที่สุด พิมพ์ลดาได้นั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะของเขาเกือบ ห้านาทีแล้ว ต่อมาดนัสอ่านเอกสารเสร็จปิดโฟลเดอร์ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเธอ
ในช่วงเวลานี้ ในใจพิมพ์ลดาเขย่ากำปั้นขึ้นแกง ใส่ใบหน้าหล่อเหลาราวกับปีศาจของชายผู้นี้ที่อยู่ตรง ข้ามไปหนึ่งหมัด แต่บนใบหน้าที่แสดงออก เธอยังคง ปืนยิ้มอย่างสุภาพให้กับเขา ถามว่า “ผู้ตรวจการใหญ่ ท่านมีอะไร ท่านจะพูดได้แล้วยังค่ะ?”
โยนโฟลเดอร์ที่เพิ่งปิดลงไปที่มุมโต๊ะตามสบาย ตนัสโค้งริมฝีปากแย้มยิ้ม สายตามองพิมพ์ลดาจาก ใบหน้ารูปไขไปยังหน้าอกที่พิจารณาได้แล้วหยุดยิ้ม เพียงใช้น้ำเสียงเหมือนเจ้านายสั่งงาน กล่าวว่า ในตอน เย็นไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำกับผมเป็นตัวแทนในนาม ของบริษัท อย่าลืมเอาตัวคุณไป… เขายกมือขั้นและ นิ้วไปที่ร่างกายของพิมพ์ลดา จัดการตัวเธอเอง ไปทํา ผมแต่งหน้าเปลี่ยนชุดราตรีอย่าให้บริษัทเสียหน้า
อะไร ? งานเลี้ยงอาหารคา? ในนามของบริษัท? ไปด้วยกันกับเขา
พิมพ์ลดายังอยู่ในสถานะงุนงง! จนกระทั่งออกมา จากห้องทํางานของตนัส ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้ไปงานเลี้ยง มาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ไปร่วมกับผู้ตรวจการ ใหญ่ด้วยกันเป็นตัวแทนในนามของบริษัท ที่ผ่านมา งานเลี้ยงอาหาร ซึ่งเธอเคยเข้าร่วมนั้นต่างเป็นงาน เลี้ยงฉลองความสําเร็จของบริษัทที่เธอเองได้วางแผน ออกแบบโฆษณาผลิตภัณฑ์ไว้ เป็นเรื่องสมเหตุสมผล ที่เธอนักวางแผนออกแบบคนนี้ได้เข้าร่วม แต่คืนนี้เป็น ตัวแทนในนามของบริษัทร่วมกับผู้ตรวจการใหญ่ ตลอด ที่ผ่านมา ไม่ใช่เป็นเลขาของผู้ตรวจการใหญ่จึงถูกต้อง หรอกหรือ?
พิงเก้าอี้ห้องทำงานของเขาเอง ศีรษะใบเดียวของ พิมพ์ลดา แขวนไว้ที่นั่น หมุนเก้าอี้ในร่างกายส่วนล่าง ไปมาเล็กน้อย สงสัยว่าหนัสขายยาอะไรในน้ำเต้าใบนี้
เมื่อครูที่เธออยู่ในห้องทำงานของเขา เธอฟังน้ำ เสียงในคําพูดของเขา เป็นเจ้านายมอบหมายงานให้ผู้ ใต้บังคับบัญชาโดยสมบูรณ์อย่างแท้จริง แต่ทําไมในใจ เธอถึงได้ไม่สงบสุขเช่นนี้น่ะ?
ในขณะที่พิมพ์ลดาลังขบคิดยุ่งวุ่นวายกับปัญหา เหล่านี้ โทรศัพท์มือถือของเธอที่ได้วางไว้บนโต๊ะก็ดัง นมา
เธอหยุดหมุนเก้าอี้ หยิบโทรศัพท์มือถือมา เห็นว่าเป็น จิรฐาโทรมา
“ฮัลโหล เลื่อนปุ่มกดรับฟัง เธอรับมาฟังที่ข้างหู อย่างระมัดระวัง ไม่รู้ว่าทำไมแต่ละครั้งที่อยู่ในบริษัทรับ โทรศัพท์ของเขา พิมพ์ลดามักรู้สึกว่าเธอเองผิดอย่าง ร้ายแรง
ปิดเอกสารในมือวางไว้เรียบร้อย จีรฐาได้ยินเสียง พิมพ์ลดา ริมฝีปากแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย บอกเธอ เรียบ ๆ ว่า “พิมพ์ลดา คำนี้ผมต้องไปร่วมงานสมาพันธ์ การเมืองธุรกิจงานหนึ่ง อาจจะกลับบ้านดึก คุณไม่ต้อง รอผมก้นขาว” สายโทรศัพท์ทางนี้ พิมพ์ลดาพยักหน้าหลังจาก ได้ยินคำพูดของเขา แต่เมื่อคิดว่าเธอเองกำลังคุย โทรศัพท์อยู่ตอนนี้ พยักหน้าให้ เขาก็ไม่ได้เห็น จึงตอบ เขากลับไปค้าอีกครั้ง “ค่ะ”
“อืมมม แล้วคุณรีบกลับบ้านหลังเลิกงาน ผมทํางาน ก่อนแล้ว” งาน ในมือของจรราค่อนข้างมาก ค่อนข้าง ยุ่ง
หลังจากพัวพันกันในใจหลายตลบ ในที่สุดก่อนที่เขา จะวางสาย พิมพ์ลดาก็ได้พูดว่า “เดี๋ยว รอเดี๋ยวก่อน!”
“เอ๊ะ?” จิรฐาได้เอาโทรศัพท์มือถือออกไกลไปจาก หู ก็ได้ใสกลับไป ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?
เติมพิมพ์ลดาไม่ได้คิดว่าเธอเองก็ต้องเข้าร่วมงาน เลี้ยงอาหารค่าคืนนี้ ต้องกลับบ้านดึกหน่อย ต้องพูดกับ จิรฐาสักคํา จนเขาได้โทรหาเธอเองและรายงานการ เดินทางในค่านี้ เธอจึงได้ตระหนักถึงว่าเธอเองก็ควรจะ พูดกับเขาสักคําด้วย อย่าให้เขาเป็นห่วง!
จริงอย่างคาดคิด พิมพ์ลดารู้ว่าเธอเองนี้ยังไม่ได้ เป็นภรรยามืออาชีพนัก “คือว่านั่น ฉัน… ” พิมพ์ลดา ๆ อึ้ง ๆ ในที่สุดก็จัดการ ลิ้นได้เรียบร้อยแล้ว กล่าวว่า “ฉันมีธุระบ้างตอนค่ำ ต้อง กลับบ้านดึกหน่อย
เขาถามว่า “ต้องการให้ผมมารับคุณเมื่อผมเสร็จ แล้วไหม?”
เมื่อคิดว่าการร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ผ่านมาของ เธอเอง คือล้วนแต่ได้แสดงใบหน้าแล้วจากนั้นหา โอกาสหลบไประหว่างงานเลี้ยง พิมพ์ลดาคิดว่าเธอเอง ควรจะถึงบ้านได้เร็วกว่า จึงได้ตอบว่า “ไม่ต้อง ฉันน่า จะถึงบ้านก่อนคูณ กล่าวพลาง เธอหยุดสักครู่ มองไป รอบๆเห็นทุกคนกําลังยุ่งไม่ได้สนใจเธอเอง จึงได้พูด ต่อไปว่า “ฉันจะกลับบ้านรอคุณ!
ได้ยินประโยคสุดท้ายของพิมพ์ลดา หยุดยาวสัก พักใหญ่ ก่อนที่จะพูดออกมา เดิมยิ้มน้อยๆ บนใบหน้า ของจิรฐาก็ได้กระจายออกไปทั่ว ตอบเธอกลับไปอย่าง อารมณ์ ว่า “ดี!”
วางสายโทรศัพท์ลง จีรฐาได้ยินเสียงเคาะที่ประตู
พอดี
เมื่อปริณเข้ามาส่งเอกสาร เห็นสีหน้ามีความสุขบน ใบหน้าของท่านผู้ใหญ่ ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ท่านจิ ครับ วันนี้มีเรื่องอะไรดี ๆหรือเปล่าครับ?”
เมื่อรับโฟลเดอร์ในมือของปรัณ โรฐาไม่ตอบ คําถามของเขา แต่กลับถามว่า “ปรัณ มีหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ เงียบสงบรอบ ๆ เมืองS เหมาะที่จะไปเที่ยวในวันหยุด สุดสัปดาห์บ้างไหม?
ได้ยินจิรฐาถามเช่นนี้ บนใบหน้าของปรัณก็อดไม่ ได้ จะยิ้ม ถามอย่างรอบคอบว่า “ท่าน ท่านคิดจะพา ท่านสะใภ้ไปท่องเที่ยวหรือครับ?” แม้ว่าในวันธรรมดา ท่านผู้ใหญ่ไม่ได้เข้มงวดกวดขันกับเขาเองอย่างจริงจัง แต่การสอบถามเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของผู้อื่น ปรัณก็ยัง ค่อนข้างประหม่าบ้าง
เรื่องสมรสที่รฐาได้แต่งกันอย่างเงียบ ๆไปแล้ว ใน เทศบาลเมืองรู้กันมีไม่มาก ยกเว้นชนิศาและสะปัน ก็มี เพียงปริณแล้ว
ทางด้านชนิศาและสะปัน ครั้งที่แล้วกินข้าวกัน พิมพ์ ลคาได้อธิบายแจกแจงห้ามพวกเขาบอกใครเด็ดขาด ทางด้านปริณนี้ ท่านผู้ใหญ่เองก็ปิดปากเงียบสนิท เขา ไหนเลยจะกล้าพูดคุยกับคนอื่นๆได้นะ จิรฐา มพลางตอบว่า “ใช่ครับ เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมงาน ยุ่งมาก ไม่ได้มีเวลาที่จะอยู่กับเธอ ก็คิดจะหาวันหยุด สุดสัปดาห์พาเธอไปหาที่เงียบ ๆ เดินเล่นผ่อนคลาย
แม้ว่าบรรพบุรุษทางครอบครัวของจิรฐาอยู่ในเมือง S แต่หลายปีมานี้ทำงานในต่างแดนมาตลอด นิรวิทย์ และชาติพลก็เพิ่งได้เกษียณในปีที่ผ่านมา กลับมาอาศัย ที่หมู่หอพักทหาร จิรฐายิ่งไม่ได้กลับมาบ่อยมาก หนึ่ง เพราะทำงานและสองเพราะเรื่องนั้นเมื่อเก้าปีที่แล้ว ทําให้เขาไม่มีความคิดและอารมณ์อะไรที่จะกลับมา
หลายปีมานี้เมือง S มีการเปลี่ยนแปลงประดุจพลิก ฟ้าพลิกแผ่นดิน เขาไม่คุ้นเคยกับที่นี่แล้วจริง ๆ คิดจะ หาสถานที่เล็ก ๆ ไปเดินเตร็ดเตร่ จึงมิอาจไม่ถามปร จริง ๆ
ได้รับคําตอบจากจิรฐา ปรัณยิ้มและกล่าวว่าเขารู้จัก สถานที่แบบนี้ จริง ๆ ถึงเวลาจะให้ที่อยู่กับเขา
ได้รับแจ้งจากนัสให้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่าง กะทันหัน พิมพ์ลดาหลังเลิกงานได้แต่ต้องไปร้านสตูดิ โอออกแบบที่เมื่อก่อนเคยไปมา เดิมพิมพ์ลดาไม่ได้เป็นคนที่ชอบแสดงออกให้ เป็นจุดสนใจ อีกทั้งเธอเองคืนนี้ต้องเป็นคนหลบออก มาก่อนแน่ ๆ ดังนั้นเธอจึงไม่คิดจะแต่งตัวให้เธอเอง โดดเด่นกว่าคนอื่นมากนัก ดังนั้นจึงได้ปฏิเสธชุดราตรี ซึ่งค่อนข้างหรูหราเกินจริงที่นักออกแบบของสตูดิโอ แนะนำไว้ให้ เธอเองได้เลือกชุดราตรีแบบง่าย ๆ
นอกจากรู้สึกว่าสวมใส่แล้วค่อนข้างหนาวไปข้าง แล้ว พิมพ์ลดารู้สึกว่าตัวเองยังสามารถยอมรับได้
รอจนเธอแปลงโฉมเสร็จสิ้น ก็เป็นเวลาหกโมงกว่า
แล้ว
เธอกำลังจะโทรไปถามหนัสว่างานเลี้ยงอาหารค่ำ จัดที่ไหน เธอจะได้ไป ก็ประจวบเหมาะเขาโทรมา
มือหนึ่งก๋าพวงมาลัยบังคับทิศทาง คนัสใส่หูฟัง เข้าไปในหู สนใจกับสภาพถนน ถามว่า “เตรียมพร้อม หมดแล้วยไหม?
มองตัวเองในกระจก พิมพ์ลดาตอบว่า “พร้อมแล้ว อืม คุณบอกที่อยู่ให้ฉัน ฉันจะได้ไปที่นั่นค่ะ”
ผู้หญิงคนนี้คิดจะไปที่นั่นเองเหรอ? รีมฝีปาก ส แย้มยิ้มตอบว่า “คุณอยู่ที่ไหน? ผมจะไปรับคุณ” ที่จริง แล้วคืนนี้พาพิมพ์ลดาไปงานเลี้ยงอาหารค่ำนี้ ด้านหนึ่ง ด้วยประสิทธิผลและความสามารถของเธอเป็นตัวแทน ในนามของบริษัทร่วมกับเขาได้ อีกด้านหนึ่ง อนัส ยอมรับว่าเขามีความเห็นแก่ตัว
เขาไม่เคยลองไปเข้าร่วมงานเลี้ยงมาก่อน ที่จะ ปล่อยให้เพื่อนสาวของเขาเองไปที่ห้องจัดเลี้ยงตาม รําพัง
เดิมพิมพ์ลดาคิดว่าเธอไปเองก็ได้ แต่คิดว่าถ้าเธอ เองยืนหยัดเช่นนั้น บางทีคราวหน้าหนัสจะหาวิธีอะไรที่ จะทําให้เธอลำบาก ใจได้อีก คิดแล้วว่าเรื่องน้อยลงสัก เรื่องก็ดีกว่าเรื่องมากอีกเรื่อง พิมพ์ลดายังคงบอกเขาว่า “ถ้างั้น ฉันรอ ณ ปากถนนเสนา คุณจะมาถึงได้ใช้เวลา นานประมาณแค่ไหน?
พิมพ์ลดาไม่ได้คิดจะบอกเขามากนักว่าเธอเองอยู่ ในร้านสตูดิโอนี้ เพราะดูเหมือนชุดราตรีที่เธอเลือกนี้จะ เรียบที่สุดและสะอาดที่สุด เธอเกรงว่าตนัสได้เห็นชุด อื่นๆแล้วต้องหัวเราะเยาะเธอ แต่วันที่หนาวมากขนาด นี้ เธอไม่ปัญญาที่จะทนยืนอยู่ข้างนอกโดยสมตะวันตก เฉียงเหนือนานนักหรอก “โอเค ห้านาที!” ตนัสตอบอย่างชัดเจนมาก
วางสายโทรศัพท์แล้ว พิมพ์ลดานับเวลาอย่างดี บอก ลากับคนในสตูดิโอแล้วออกจากประตู
เมื่อพิมพ์ลดามาถึงปากทางเสนา เธอคิดไม่ถึงว่า นัสได้อยู่ที่นี่แล้ว
รถสปอร์ต ฟ้าคันนั้นของเขาจอดอยู่ข้างถนน และ เขาก็ยืนพิงข้างที่ตัวรถ ดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงต๊กดิ๊ก ของรองเท้าส้นสูงยามกระทบพื้น ตนัสหันศีรษะมาก็ได้ เห็นสาวน้อยคนนั้นที่กำลังเดินมาหาตนเองทีละก้าว ๆ
แม้ว่าอายุจะได้ยี่สิบแปดปีแล้ว แต่ผิวของพิมพ์ลดา มากมาตลอด เพราะอาศัยผิวที่ดีของเธอเอง พิมพ์ ลคาปกติเวลาเข้างาน แทบจะไม่แต่งหน้า บางครั้งที่ มากที่สุด เวลาอารมณ์ดี ก็จะแต่งหน้าบาง ๆไปทํางาน
และวันนี้ในช่วงเวลานี้ ผมยาวของเธอมั่วนเล็กน้อย หน้าผากด้านหน้าไว้ผมมาเป็นระเบียบ แต่งหน้าประณีต เธอที่ผ่านการตกแต่ง ดูไปแล้วก็ยังเยาว์วัยเด่นชัดมาก
ในช่วงเวลาที่ได้เห็นพิมพ์ลดา ดนัสสงสัยบ้างว่าเขา เองโชมองคนผิดไปแล้วหรือไม่ เขาสารภาพว่าได้หวาน เสน่ห์โปรยไปทั่ว ผู้หญิงทุกประเภทก็ได้ผ่านพบมาหมด หน้าอูมหลังเด้ง หรือบริสุทธิ์น่ารัก ประเภทไหนที่เขาไม่ เคยได้ลิ้มรสลองมาหรือ?
แต่ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นเมื่อ ได้เห็นผู้หญิงตรงหน้าเขาตอนนี้?
เพราะอุณหภูมิภายนอก พิมพ์ลดาจึงใส่เสื้อโค้ท ของเธอเองไว้ข้างนอกชุดราตรี มือทั้งคู่วางห้อยลงไว้ ข้างหน้าด้วยกัน ถือกระเป๋าและถุงขนาดใหญ่ที่บรรจุ เสื้อผ้าชุดเดิมของเธอเอง เธอยังไม่ทันได้กลับบ้าน แน่นอนย่อมไม่ทันได้เอาเสื้อผ้าเหล่านี้กลับบ้านด้วย
“ผู้ตรวจการใหญ่ค่ะ!” พิมพ์ลดาเดินมาถึงเบื้องหน้า ดนัสก็หยุดฝีเท้าลง ทักทายเขา เดิมเธอคิดว่าเธอควร จะขอโทษที่ต้องให้คนอื่นยืนรออยู่ที่นี่สักพักหรือไม่ แต่ เมื่อคิดว่าเขาเองได้พูดไว้ว่าห้านาที เธอได้คํานวณเวลา กลับมาพอดี จึงไม่ได้พูดคำว่าขอโทษซึ่งติดอยู่ที่ริม ฝีปากออกมา
ดนัสไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเอง ไม่มีเสียงตอบรับ แต่กลับยกมือนดึงเสื้อโค้ทที่พาดไว้บนไหล่เธอออก “โอ้!” พิมพ์ลดาตกใจ รีบก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วดึงเสื้อผ้ากลับมา ใบหน้าโกรธเล็กน้อยถามว่า “ผู้ ตรวจการใหญ่ คุณทําอะไรน่ะ?”
เมื่อครูที่ดึงไปครั้งหนึ่ง ตนัสเห็นเสื้อผ้าที่พิมพ์ลดา ใสไว้ข้างในอย่างชัดเจนแล้ว
ชุดราตรีสีเหลืองนวล เผยไหล่ไว้ด้านหนึ่ง ด้าน หนึ่งมีดอกไม้เล็กๆฝังไปตลอดทางจากช่วงไหล่ไปยัง หน้าอกอีกฝั่ง ด้านล่างกระโปรงยาวพอดีประมาณสิบ กว่าเซนติเมตรเหนือเข่าของพิมพ์ลดา เป็นทางการกว่า และสง่างามเรียบร้อยกว่าเสื้อผ้าที่เธอใส่ในวันปกติ แต่ ก็แฝงความซุกซนและความน่ารักไว้บ้าง
ดนัสรู้ว่าการเคลื่อนไหวของเขานี้ดูเหมือนจะทำให้ เธอกลัว แต่เขาไม่ได้เต็มใจที่จะยอมรับว่าเขาถูกเธอ ดึงดูดและทำเรื่องไปโดยไม่รู้ตัว
สัมผัสปลายจมูก เย็นเล็กน้อย คนัสกระแอม ไอ เบา ๆ ทำเป็นไม่ใส่ใจนัก พูดว่า “ผมแค่อยากเช็คดูว่า เสื้อผ้าที่คุณใสเป็นอย่างไรบ้าง จะน่าอายเกินไปไหม เท่านั้น!” พูดเสร็จ เขาก็หันไปเปิดประตูรถ และพูดกับ เธอหน่งประโยคก่อนขึ้นรถไปว่า “รับขึ้นรถเถอะ งาน
เลี้ยงอาหารค่ำเริ่มทุ่มหนึ่ง ถ้ายังไม่เดินทางต้องไป สายแล้ว*
พิมพ์ลดาตั้งสติให้มั่น ในใจแอบด่าว่าไร้สาระค่ หนึ่งแล้วอ้อมไปด้านหน้าของรถ เปิดประตูฝั่งที่นั่งข้าง คนขับรถอีกฝั่ง
ตลอดทางหนัสไม่ได้พูดกับเธอ แน่นอนพิมพ์ลดา ง ไม่มีอะไรจะพูดกับเขา เธอหวังว่าเขาจะยังคงต่อไป ตลอดกกาลน่ะ
ยี่สิบนาทีต่อมา รถได้จอดลงที่หน้าประตูโรงแรมที่เจ
พิมพ์ลดาปลดเข็มขัดนิรภัยออก หยิบกระเป๋าของ เธอเองและถุงใหญ่ที่ใส่เสื้อผ้าถุงนั้นก็คิดจะลงจากรถ แต่เมื่อเธอเอื้อมมือไปเปิดประตูรถกลับถูกคนข้างกาย จับไว้ ดียว
หยุดการเคลื่อนไหว เธอหันศีรษะกลับไปมองที่ นัส คิดอยากดึงมือกลับ แต่เขากลับบไว้แน่นมากขึ้น
“ผู้ตรวจการใหญ่ คุณทําอะไรอีกล่ะ?” พิมพ์ลดา ขมวดคิ้ว พยายามถามอย่างใจเย็น
น้สดูเหมือนไม่ค่อยมีความสุขกับศีรษะลงไปมอง ถุงใหญ่ที่ใส่เสื้อผ้าถุงนั้นในมือของพิมพ์ลดา ถามว่า คุณเตรียมจะถือถุงเสื้อผ้าใหญ่ขนาดนี้ไปร่วมงานเลี้ยง อาหารค้าหรือ?
ตามความหมายของเขา พิมพ์ลดา มอง ๆ กระเป๋า ของเธอเองแล้วตอบว่า “ฉันจะวางสิ่งของไว้ในห้องพัก รับรองแขกที่พวกเขาได้เตรียมไว้
ทันทีที่เสียงของพิมพ์ลดาสิ้นสุดลง ประตูที่ข้างกาย ก็ถูกบริกรของโรงแรมเปิดออกแล้ว
ดปัสก็ไม่ยืนหยัดต่อไป ได้แต่ต้องปล่อยมือออก แล้ว จริงๆ เขาคิดจะกล่าวว่า “คุณสามารถวางสิ่งของ ไว้ในรถ รองานเลี้ยงจบ เมื่อเวลาที่ผมพาคุณกลับบ้าน ค่อยหยิบก็ได้ ในวันธรรมดาผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการที่ จะเบียดขึ้นรถของเขา ให้เขาส่งกลับบ้าน ในวันธรรมดา ไม่เคยมีผู้หญิงคนใดที่สามารถต้านรอยยิ้มที่หล่อของ เขาได้ ไม่มีสาวซ่าที่เขาไม่สามารถโน้มน้าวจนอยู่ติดมือ หลอกให้ขึ้นเตียงไม่ได้ แต่ทําไมเมื่อมาถึงพิมพ์ลดาที่นี่ นัสรู้สึกว่าความสามารถในการพูดของเขาเองต่างหาย ไปหมดสิ้น ราวกับถูกหมูกินไปหมดหายเกลี้ยงเรียบวุธ ไม่เหลือหลอเลย!