พระชายาปีศาจพันหน้า - ตอนที่ 133.2
“ไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่ข้าได้ถูกส่งไปยังชนบทและนั่นคือที่ที่ข้าได้เรียนรู้วิธีที่จะขี่ม้า”
“เช่นนั้นหรือ”เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง รู้สึกเสียใจที่ได้ถามคำถามนี้
เมื่อเหตุผลที่ทำให้นางถูกส่งไปยังชนบทได้ถูกพูดถึง การสนทนาก็เริ่มอึดอัดขึ้น
ดังนั้นเขาจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาทันที
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูด โหลว ชิงอู๋ ก็ดึงบังเหียนของนางและเตะลงไปที่ด้านข้างของม้าอย่างหนัก ทำให้ม้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“องค์ชายสาม ลองแข่งขันกันดูว่าใครจะไปถึงค่ายทหารได้ก่อน!”
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งมองไปที่ร่างผอมบางที่หายไปอย่างช้าๆต่อหน้าเขาในขณะที่ดวงตาของเขาสว่างขึ้น
เขาเองก็ดึงบังเหียนของเขาและตีแส้ไปที่ม้าของเขาเพื่อแข่งกับนาง
“ดี!”
ร่างของสองคนหายไปอย่างรวดเร็ว ภายในรถม้าเฟิ่ง เหย่เก้อลดสายตาที่ดำมืดของเขาลงพร้อมกับแสงในดวงตาที่มีร่องรอยของความเจ็บปวด
เมื่อพวกเขามาถึงบริเวณค่ายทหาร พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังบริเวณที่ล่าสัตว์ต่อทันที
พวกเขาได้ทำการแจ้งไว้ล่วงหน้าแล้วสำหรับพื้นที่ในการล่าสัตว์ดังนั้นมันจึงว่างเปล่าและมีแค่พวกเขาเท่านั้น
เฟิ่ง เหย่เก้อ กระโดดลงจากรถม้า ตามมาด้วยเหย่ จี้ ก่อนจะเข้าไปพูดคุยกับเขา
“พี่ชายเหย่ ท่านช่วยสอนวิธีขี่ม้าให้ข้าได้หรือไม่ ข้าไม่รู้วิธีที่จะขี่มัน”
“เช่นนั้นก็เพียงแค่ดูพวกเราล่า”
“พี่ชายเหย่ … ท่านช่างใจร้ายจริงๆ”เหย่ จี้กระพริบตาที่งดงามของนางอย่างน่าสงสารพร้อมกับลดศีรษะลง ในขณะที่นางจับแขนเสื้ิอของเขา
เฟิ่ง เหย่เก้อสะบัดแขนเสื้อของเขาออก
“มันไม่ใช่เพราะข้าใจร้าย ชายและหญิงไม่ควรใกล้ชิด มันไม่เหมาะสม”
โหลว ชิงอู๋ เพิ่งผ่านไปโดยบังเอิญและได้ยินเรื่องนี้เข้าพอดี
จู่ๆ นางก็โงนเงนขึ้นเล็กน้อย ทำให้เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งรีบเข้ามาช่วยพยุงนางไว้ทันที
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?”
“ข้าสบายดี” โหลว ชิงอู๋ ส่ายหัวและเดินไปข้างหน้าด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกต่อไป
ด้วยการแสดงออกที่เฉื่อยชาของเฟิ่ง เหย่เก้อ เขาเหลือบไปมองนาง และด้วยเหตุผลบางอย่างริมฝีปากของเขาดูเหมือนจะโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ก่อนจะมีคนกอดแขนของเขาอีกครั้ง
“พี่ชายเหย่ ข้าไม่ถือ!”
“แต่ข้าถือ” การแสดงออกที่เงียบสงบของเขาคือการที่จะปฏิเสธไห้ผู้คนอยู่ห่างออกไปหนึ่งพันลี้ แต่กลับทำให้หัวใจเหย่ จี้ เต้นเร็วขึ้น
นี้คือผู้ชายที่นางเลือก
“เอาล่ะๆ เช่นนั้นข้าจะให้คนจูงม้าของข้าไปเอง”
เหย่ จี้ ถูกบังคับให้ตรงไปหาเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง และขอคำแนะนำจากเขาแทน
เนื่องจากนางกำลังแกล้งทำเป็นไม่รู้วิธีที่จะขี่ม้า ดังนั้นนางจึงต้องทำเป็นไม่รู้ต่อไป
มิฉะนั้นตามบุคลิกของพี่ชายเหย่ เขาคงจะรู้สึกแย่กับนางมากเท่านั้น
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาหาคนจูงม้าให้นางทันที
เฟิ่ง เหย่เก้อเงยหน้าขึ้น ก่อนจะมองไปที่โหลว ชิงอู๋ และเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ที่อยู่ไม่ไกลออกไป
ก่อนจะรีบขึ้นม้า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาส่องประกายไปด้วยแสงแดดอันสดใส
ชุดขี่ม้าสีดำของเขาทำให้เขาดูหล่อเหลามากขึ้นและทำให้หน้าตาที่หล่อเหลาของเขาโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
เหย่ จี้เตะทางด้านข้างของม้าเพื่อให้มันเดินไปข้างหน้า ไม่ไกลเกินไปและไม่ใกล้เกินไปจากเฟิ่ง เหย่เก้อ
สายตาของนางมองตามสายตาของเขาไปยังเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง และโหลว ชิงอู๋
ดวงตาที่งดงามของนางโค้งขึ้น ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะอันน่าหลงใหลออกมา พร้อกับพูดขึ้น “พี่ชาย มันจะน่าเบื่อเกินไป ทำไมเราทั้งสี่คนไม่มาแข่งกัน? ข้าและพี่ชายเหย่ จะอยู่ฝ่ายเดียวกัน ท่านและน้องชิงอู๋ ก็อยู่อีกฝ่ายและดูว่าใครจะล่าได้มากที่สุด? ”
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่งหันกลับมาเผชิญหน้ากับนางพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยนขึ้น “ข้าเห็นด้วย แล้วท่านล่ะท่านอ๋องรัตติกาล?”
“อืม”
เหย่ จี้ ยิ่งมีความสุขมาก ก่อนจะสั่งให้คนจูงม้าของนางไปยังที่ซึ่งเฟิ่ง เหย่เก้อ กำลังหยุดอยู่
“เช่นนั้น ข้าและพี่ชายเหย่จะไปทางทิศตะวันออก พวกท่านไปทางทิศตะวันตก ตามนั้นดีหรือไม่! “หลังจากที่นางพูดจบ นางก็สั่งให้คนจูงม้าพานางออกไปอย่างรวดเร็ว
บางครั้งนางจะหันไปมองทางเฟิ่ง เหย่เก้อ แต่สายตาของเขาลดลงไปขณะที่เขาดึงบังเหียนม้าและค่อยๆเดินออกไปข้างหน้า