พระชายาปีศาจพันหน้า - ตอนที่ 134.2
เฟิ่ง เหย่เก้อ ส่ายศีรษะ แต่ดวงตาของเขายังอยู่บนแขนและปมง่ายๆที่ผูกเอาไว้
เมื่อดวงตาของเขาตกลงบนปมง่าย ๆ ความผิดหวังก็กระพริบขึ้นในดวงตาหงส์ของเขา
เขายกศีรษะขึ้นมองโหลว ชิงอู๋ ด้วยท่าทางที่ซับซ้อน ก่อนจะกัดริมฝีปากของเขาและไม่สนใจคำถามของเหย่ จี้อีก
หลังจากนั้นสักครู่เขาถึงได้ส่ายหัว
เหย่ จี้ ยังคงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกขัดจังหวะโดยเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง
“ดูเหมือนว่าเราจะต้องย้อนกลับไปเร็วกว่าที่เราวางแผนเอาไว้ ท่านอ๋องรัตติกาลควรจะรีบกลับไปและทำแผลอย่างถูกต้อง ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาวางยาพิษไว้บนดาบของพวกเขาหรือไม่และข้าจะสืบสวนเรื่องนี้อย่างรวดเร็วว่าใครเป็นคนส่งมือสังหารเหล่านี้มา เพื่อที่จะสามารถให้เหตุผลกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้แก่ท่านอ๋องรัตติกาลได้”
“อืม” เฟิ่ง เหย่เก้อ พยักหน้า ดวงตาของเขาตกลงไปที่โหลว ชิงอู๋ คนที่ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
โหลว ชิงอู๋ ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง แต่นางก็รู้สึกถึงสายตาของเฟิ่ง เหย่เก้อที่กำลังมองมาที่นาง
“ข้าจะไปกับท่านอ๋องรัตติกลายและแม่นางเหย่ ด้วยวิธีนี้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในระหว่างเดินทาง ข้าก็จะสามารถดูแลได้”
“ได้”
ทั้งสามคนถูกส่งกลับไปด้วยกันในรถม้าคันเดียวกัน ซึ่งได้รับการคุ้มครองในระหว่างเดินทางกลับไปยังเมืองหลวง
ดวงตาของโหลว ชิงอู๋ มองไปที่เฟิ่ง เหย่เก้อ ในขณะที่นางจับชีพจรของเขา
เมื่อนางยืนยันว่าเขาไม่ได้ถูกวางยาพิษ ในที่สุดนางก็ปล่อยลมหายใจที่โล่งออกอย่างแท้จริงออกมา
บรรยากาศในรถม้าดูหนักอึ้งมาก เพราะเหย่ จี้ เป็นกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บของเฟิ่ง เหย่เก้อ มากจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
จนกระทั่งพวกเขามาไปถึงจวนของท่านอ๋องรัตติกาล และอาการบาดเจ็บของเฟิ่ง เหย่เก้อ ได้รับการรักษาอย่างดีแล้วเท่านั้น เหย่ จี้ถึงได้ร้องไห้และพูดขึ้นอีกครั้ง
“พี่ชายเหย่ เป็นความผิดของข้าทั้งหมด ถ้าไม่ใช่ข้าขอให้ท่านไปที่ลานล่าสัตว์ ท่านก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บ! ฮืมๆ ๆๆ ทุบตีข้าหรือไม่ก็ตะโกนใส่ข้าได้เลย! ด้วยวิธีนี้หัวใจของข้าจะรู้สึกดีขึ้น! “
“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”
เฟิ่ง เหย่เก้อ เห็นว่านางรู้สึกผิดอย่างแท้จริงและร้องไห้จริงๆ ดังนั้นทัศนคติของเขาจึงอ่อนโยนขึ้น “เอาล่ะ ตอนนี้ข้าก็ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าก็ควรจะกลับไปพักผ่อนก่อน”
“แต่ข้า…”
“เจ้าไม่ได้เป็นหมอ ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ที่นี่ต่อ เมื่อข้าดีขึ้น พรุ่งนี้เจ้าค่อยกลับมาใหม่ “
“ได้”
เหย่ จี้ เริ่มมีความสุขขึ้นอีกครั้งและพยักหน้าทันที
แต่ในตอนท้าย นางก็ไม่เต็มใจที่จะออกไปจากจวนของท่านอ๋องรัตติกาลอยู่ดี
แต่ในขณะที่นางออกไป การแสดงออกของนางที่เต็มไปด้วยน้ำตาก็เปลี่ยนไปเป็นคนที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือดและความโกรธทันที
นางกระโดดขึ้นไปบนรถม้า และตะโกนใส่คนขับรถ้าอย่างเคร่งขรึมขึ้น”ไปที่ตำหนักองค์ชายสาม!”
เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ที่เพิ่งกลับมาก็ได้ยินเสียงประตูที่อยู่ข้างหลังของเขาถูกเตะออก
เขาหันกลับไปก่อนจะเห็น เหย่ จี้ แล้วหัวคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้น
“จะต้องให้บอกสักกี่ครั้งว่าเจ้าไม่ควรจะเข้าห้องอักษรของข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากข้า?”
“เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง! ทำไมท่านถึงส่งมือสังหารเพื่อไปทำร้ายพี่ชายเหย่! “ดวงตาที่สวยงามของเหย่ จี้ กำลังจะระเบิดไฟแห่งความโกรธออกมา
นางตรงเข้าไป ในขณะที่มือของนางกระแทกไปที่โต๊ะพร้อมกับจ้องมองอย่างไม่โหดเหี้ยมไปที่เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง
พวกเขาได้ตกลงกันแล้วที่จะหามือสังหาร เพื่อให้ไปพยายามทำร้ายและสร้างสถานการณ์ให้เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง กลายเป็นวีรบุรุษและช่วยโหลว ชิงอู๋เอาไว้
ด้วยวิธีนี้โหลว ชิงอู๋ จะรู้สึกขอบคุณเขาที่ได้ช่วยชีวิตนางและหาก เซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โหลว ชิงอู๋ ก็จะรู้สึกผิดและจะมาดูแลเขา
และหลังจากนั้นไม่นาน ความรู้สึกที่นางมีต่อเขาก็จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ทำไมคนที่ได้รับบาดเจ็บ ในท้ายที่สุดแล้วกลับกลายเป็นเฟิ่ง เหย่เก้อ?
และอีกอย่าง ….
“มือสังหารแบบไหนกันที่ท่านหามา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการชีวิตของเขาทุกการเคลื่อนไหว?”
การแสดงออกของเซี่ยโฮ่ว ฉิ่ง แย่ยิ่งกว่าของเหย่ จี้ด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นเป็นเวลานาน เขาก็พูดขึ้น “คนเหล่านั้น ไม่ใช่คนที่ข้าจ้างวาน”
“อะไรนะ?” การแสดงออกของเหย่ จี้ ดูเคร่งขรึมขึ้นทันที
“พวกเขาจะไม่ใช่คนที่ท่านจ้างวานได้อย่างไร? แล้วพวกเขาเป็นใคร? ”
“… ข้าเองก็กำลังสืบสวนอยู่” แต่คนที่เขาจับได้ก็ใช้พิษเพื่อฆ่าตัวตายในระหว่างทาง