พลมังกรเวทย์ประการ - บทที่ 29 เลือกหล่อนเนี่ยนะ
“พี่สาว….” เจียงอวี่โหรวรู้สึกอาย รีบดึงมือออกจากมือของเซียวจ้าน
เจียงเหม่ยเหยียนเดินเข้ามาใกล้ มองเจียงอวี่โหรวและเซียวจ้านด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วพูดว่า “พวกเธอรู้มั้ยว่าที่นี่คือที่ไหน? รีบไปซะ อย่ามาขายหน้าตระกูลเจียง!หากว่ากระทบกับการร่วมธุรกิจของฉันกับลี่หมินกรุ๊ป พวกเธอรับผิดชอบไหวมั้ยห้ะ?!”
เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งกร้าวของเจียงเหม่ยเหยียน เห็นได้ชัดว่าเจียงอวี่โหรวยังไม่ได้เตรียมใจมา รู้สึกไม่มั่นใจ ท่าทางประหม่า เหลือบมองเซียวจ้านแล้วพูดว่า “เซียวจ้าน พวกเรากลับกันดีกว่ามั้ย?”
แต่เซียวจ้านกลับพูดว่า “ในเมื่อมาแล้ว ก็ไม่มีหลักการอะไรให้กลับ ถ้าหากว่าลี่หมินกรุ๊ปเลือกเธอละ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ภายในใจของเจียงอวี่โหรวรู้สึกอึ้งเล็กน้อย
เดิมทีเธอไม่ได้คาดหวังอะไรเลย
สถานที่แห่งนี้มีตระกูลเศรษฐีของซูหางมากมาย แล้วยังมีธุรกิจบริษัทใหญ่อีกเยอะแยะ หญิงสาวอ่อนแอที่ไม่มีอะไรเลยอย่างตัวเธอ มีสิทธิ์อะไรที่ลี่หมินกรุ๊ปจะมาเลือก?
“อะไรนะ?” เจียงเหม่ยเหยียนหัวเราะเยาะ ขมวดคิ้วแล้วเยาะเย้ยว่า “เซียวจ้าน นายคงไม่ได้ฝันอยู่หรอกนะ? ลี่หมินกรุ๊ปจะเลือกร่วมธุรกิจกับขยะอย่างพวกนายเนี่ยนะ?”
“เหอะๆ พูดจาเหิมเกริมเสียจริง!” อู๋ควนเย่เองก็หัวเราะเยาะ จัดระเบียบชุดสูทสีเทาของตัวเองแล้วพูดว่า “หมาไร้บ้านที่ไม่มีของขวัญอะไรมาสักอย่าง ยังมีหน้ามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ด้วยงั้นหรอ?”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ เจียงเหม่ยเหยียนและคนอื่ๆนถึงได้สังเกตเห็นว่าเซียวจ้านและจเจียงอวี่โหรวมามือเปล่า
ทันใดนั้น เจียงเหม่ยเหยียนก็มีสีหน้าเหยียดหยาม แล้วส่ายหัวอย่างดูถูก ขี้เกียจที่จะพูดอะไรมาก
ตระกูลต่างๆและพวกนักธุรกิจรอบข้าง ต่างก็ได้ยินเสียงทะเลาะของพวกเขา จึงพูดประชดประชันออกมาว่า
“นั่นมันเจียงอวี่โหรวจากตระกูลเจียงและเซียวจ้านไม่ใช่หรอ? พวกหล่อนมาจริงๆด้วย ช่างหน้าด้านเสียจริง”
“แล้วยังมามือเปล่าด้วย ไม่รู้จริงๆว่าขยะพวกนี้เอาความมั่นใจจากไหนถึงกล้ามา”
“คนที่อยู่ที่นี่ ล้วนนำเอาของขวัญมูลค่านับล้านมากันทั้งนั้น โลกใบนี้ ให้ความสำคัญกับการให้ของขวัญ หากของขวัญดีมากพอ การร่วมธุรกิจก็จะราบรื่นเอง”
เรื่องตระกูลเจียงเมื่อคืนนี้ แพร่กระจายไปทั่วซูหางแล้ว
เซียวจ้านกลับมาแล้ว แล้วยังพาเจียงอวี่โหรวไปก่อเรื่องที่งานวันเกิดของเจียงไท่ชางด้วย ทำเอาคนอื่นหัวเราะเยาะกันไปหมด
ทางด้านนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับคำเยาะเย้ยและสายตาไม่ดีของคนมากมาย เจียงอวี่โหรวรู้สึกแย่มาก ภายในใจรู้สึกว้าวุ่น หันมองเซียวจ้านด้วยสายตาอ้อนวอน “ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว พวกเรากลับกันเถอะ ได้มั้ย? ฉันกลัว….”
เซียวจ้านมองเจียงอวี่โหรวอย่างจริงจังแล้วพูดว่า “เธอไม่อยากกลับตระกูลเจียงแล้วงั้นหรอ? เพียงแค่ได้ร่วมธุรกิจกับลี่หมินกรุ๊ป คุณปู่ของเธอก็จะตกลงให้เธอกลับตระกูลเจียง อีกอย่าง ที่นี่มีฉันอยู่ สบายใจได้ ไม่แน่ลี่หมินกรุ๊ปอาจจะเกลียดการกระทำอย่างการนำเอาของขวัญมาแบบนี้ละ?”
เซียวจ้านรู้ว่าเจียงอวี่โหรวเป็นคนจิตใจดี อ่อนแอ เมื่อเผชิญหน้ากับคนชั่วร้ายพวกนี้ จึงดูเหมือนกับแกะน้อยอย่างมาก
ดังนั้น เซียวจ้านต้องทำให้เธอมั่นใจในตัวเองให้เร็วที่สุด
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวจ้าน สีหน้าของอู๋ควนเย่และเจียงเหม่ยเหยียนก็แย่ลงในทันที ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “น่าขำสิ้นดี ตัวเองไม่มีของขวัญดีๆอะไร จึงพูดจาตลกเช่นนี้ออกมา! งี่เง่า!”
เซียวจ้านสีหน้านิ่งเฉย ไม่ได้พูดอะไร
เจียงอวี่โหรวมองเจียงเสวโป๋ดวงตาแดงก่ำ พยายามอยากจะอธิบาย “พ่อคะ หนู….”
“พอแล้ว!ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันไม่รู้จักเธอ!” เจียงเสวโป๋พูดแทรกอย่างเย็นชา จากนั้นก็เดินผ่านหน้าเธอไปอย่างไม่หันกลับมามอง
เจียงอวี่โหรวร้องไห้อย่างหมดหนทาง
พ่อของตัวเอง ไม่อยากจะรู้จักเธอด้วยซ้ำ ช่างเป็นเรื่องที่เสียใจและเจ็บปวดอย่างมาก
เวลานี้ ประตูของอาคารลี่หมินกรุ๊ปเปิดออก ชายวัยกลางคนผู้สวมใส่เสื้อสูทสีดำและใส่แว่นอยู่เดินออกมา ด้านหลังยังมีทหารที่สวมใส่ชุดยูนิฟอร์มและพกปืนไว้ตามหลังอีกสี่คน
ชั่วขณะนั้น บรรยากาศหน้าประตูก็เงียบสงัดในทันที!
“ผมคือตัวแทนของลี่หมินกรุ๊ปในเรื่องการรับช่วงต่อของโครงการมรดกตระกูลจินครั้งนี้ ผมชื่อซุนเว่ยโก๋ ตอนนี้ ทุกท่านฟังให้ดี ไม่ว่าใครที่นำเอาของขวัญมา ลี่หมินกรุ๊ปล้วนไม่ร่วมงานด้วยทั้งนั้น!ผู้ที่ไม่ได้นำเอาของขวัญมา เชิญมาด้านหน้าครับ!” ชายวัยกลางคนพูดเสียงดังอย่างมีน้ำหนัก!
ชั่วขณะนั้น พวกตระกูลและตัวแทนบริษัทที่นำเอาของขวัญมาต่างก็ร้อนรนกันไปหมด!
พวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่า ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เข้าประตูก็ถูกปฏิเสธการร่วมธุรกิจด้วยแล้ว!
“ห้ะ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้? อย่างนั้นพวกเราก็มาเสียเที่ยวนะสิ….”
“ผู้จัดกานซุน แบบนี้ไม่ได้สิครับ!พวกเราต้องการพบกับผู้พันหาน พวกเรามาจากเส้าหยางกรุ๊ป!ก่อนหน้านี้เคยแจ้งมาก่อนแล้วนะครับ!”
“ผมคือคุณชายจากตระกูลหวาง พ่อของผมน่าจะเคยติดต่อกับประธานหวางมาก่อนแล้ว!ผมต้องการพบกับผู้พันหาน!”
มองดูกลุ่มคนที่กำลังโวยวาย อู๋ควนเย่เองก็ร้อนรนใจเช่นกัน ในมืถือของขวัญไว้มากมาย จะเข้าก็ไม่ใช่ แต่จะถอยก็ไม่ใช่เช่นกัน
โดยเฉพาะพวกที่โวยวายบอกจะเข้าพบหานลี่หมิน ต่างก็ถูกทหารในชุดยูนิฟอร์มใช้ด้ามปืนตีล้ม!
“อย่างพวกนายยังอยากจะเข้าพบผู้พันหาน!ผู้พันหานเกลียดพวกจอมปลอม และทำอะไรก็เอาของขวัญมาล่อมากที่สุด! หากใครยังกล้าก่อเรื่องโวยวายอีก ให้พาตัวไปเลย! แล้วจัดการอย่างเข้มงวด!” ซุนเว่ยโก๋คนนั้นพูดเสียงเย็นชา สีหน้าดุร้าย!
คราวนี้ พวกกลุ่มคนที่โวยวายต่างก็เงียบสงบลง
แล้วพวกเขาถึงได้ตั้งสติได้ว่า อีกฝ่ายเป็นถึงคนจากกองทหารของซูหาง!หากเป็นศัตรูกับพวกเขา นั่นถือเป็นการรนหาที่ตาย!
เจียงเหม่ยเหยียนสีหน้าแย่มาก ดึงแขนของอู๋ควนเย่ไว้ กระทืบเท้าอย่างร้อนรนใจ “คุณชายอู๋ ตอนนี้จะทำยังไงดีคะ? หากไม่มีการร่วมธุรกิจในครั้งนี้ พวกเราก็จะขาดทุนหลายร้อยล้านเลยนะ!”
อู๋ควนเย่เช็ดเหงื่อที่หน้าผาก หน้าด้านเดินเข้าไปแล้วยื่นนามบัตรของตัวเองออกไป แล้วพูดอย่างประจบว่า “สวัสดีครับผู้จัดการซุน ผมคือคุณชายจากอู๋ซื่อกรุ๊ป ชื่ออู๋ควนเย่ครับ พ่อของผมชื่ออู๋ฉีหลง น่าจะรู้จักกับผู้พันหาน สามารถผ่อนผันให้กันหน่อยได้ไหมครับ ให้ผมได้เข้าไปพบกับผู้พันหานสักหน่อย?”
“ใช่ๆๆ! แฟนหนุ่มของฉันคือคุณชายจากอู๋ซื่อกรุ๊ปค่ะ!” เจียงเหม่ยเหยียนพูดเสริม
แต่ว่า
ซุนเว่ยโก๋คนนั้นเพียงแค่เหลือบมองนามบัตรของอู๋ควนเย่ แล้วก็ฉีกทิ้ง จากนั้นก็พูดเสียงเย็นชาว่า “นายเห็นผู้พันหานเป็นคนยังไง? ผู้พันหานให้ความสำคัญกับเรื่องความบริสุทธิ์ใจและยุติธรรมมากที่สุด! แต่นายกลับคิดอยากจะใช้เส้น!ทหาร จับตัวมันไว้!”
“ห้ะ? ไม่ๆๆ…ไม่ใช่ครับ ผมเปล่าครับ….” อู๋ควนเย่ร้อนรนใจ แต่ถูกทหารคนหนึ่งเตะกระเด็น จากนั้นก็กดตัวไว้ที่พื้นอย่างแรง!
“ให้อภัยด้วยครับ ผมผิดไปแล้ว ผมไม่กล้าอีกแล้วครับ ผมจะไม่มอบของขวัญไม่ใช้เส้นอีกแล้วครับ….ขอร้องละ ปล่อยผมไปเถอะ….” อู๋ควนเย่แทบจะร้องไห้แล้ว ตัวแนบพื้นอ้อนวอนขอร้องไม่หยุด!
ทำเอาเจียงเหม่ยเหยียนตกใจกลัวมาก ขาสั่นยืนอยู่ด้านข้างทำอะไรไม่ถูก
และในเวลานี้ ซุนเว่ยโก๋คนนั้นพูดต่อไปว่า “ผู้ที่ไม่ได้นำเอาของขวัญมา เชิญออกมาครับ”
เซียวจ้านแตะตัวเจียงอวี่โหรวที่นิ่งอึ้ง แล้วพูดว่า “เธอไปสิ”
“ห้ะ? ฉันหรอ? ฉันจะทำได้จริงๆหรอ? ฉันรู้สึกกลัว…” จนตอนนี้เจียงเหม่ยเหยียนก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น