พลมังกรเวทย์ประการ - บทที่ 43 หนูไม่เห็นด้วย
คำพูดประโยคนี้ของเซียวจ้าน ทำเอาทั้งห้องประชุมเงียบกันลงมาหมด
ชั่วขณะนั้น เจียงเหม่ยเหยียนปะทุขึ้น ชี้หน้าเซียวจ้านแล้วเริ่มต่อว่า “เซียวจ้าน! ที่นี่มีธุระอะไรของแก? แกจะพูดมากอะไรกัน! ไสหัวออกไปให้ฉัน! ที่นี่เป็นการประชุมตระกูลของตระกูลเจียง ไม่ถึงขั้นให้คนนอกอย่างแกมาชี้นิ้วสั่ง!”
“จริงด้วย! พวกจนตรอกอย่างแกนี้ มีสิทธิ์อะไรมาออกความคิดเห็นอยู่ที่นี่! ไสหัวไปซะ!” เซียเหมยก็ผสมโรงตามลูกสาวตนเอง บนหน้าดูเย็นเยือก
เจียงเหวินฉียิ่งตาเขม็งด้วยความโกรธเคือง หันหน้ามองทางเจียงเสวโป๋ พูดด้วยเสียงทุ้ม “เจียงเสวโป๋! นี่คือลูกเขยแสนดีของนาย? ไม่มีมารยาท มันสมควรเหรอ! คำพูดของคุณพ่อ นั่นคือประกาศิต! พวกนายอยากทำอะไร ขัดขืนเหรอ!”
เจียงเสวโป๋หัวเราะแบบกระอักกระอ่วนแล้ว จากนั้นขมวดคิ้ว ลุกขึ้นชี้หน้าเซียวจ้านตะคอกใส่ “เซียวจ้าน! แกพอได้แล้ว! ที่นี่เป็นการประชุมตระกูลของตระกูลเจียง คนนอกอย่างแก รีบออกไปให้ฉันเดี๋ยวนี้! อย่ามาทำฉันอับอายขายขี้หน้า!”
“คุณพูดเหลวไหลอะไรกัน!” สวีเฟินลุกขึ้นยืนแบบไม่พอใจ ดึงเจียงเสวโป๋ไว้หน่อย บอกว่า “ฉันคิดว่าครั้งนี้เซียวจ้านไม่ผิด! นี่เดิมทีก็เป็นการร่วมมือด้านโครงการที่อวี่โหรวลูกสาวของฉันเอากลับมาได้ มีสิทธิ์อะไรเฉดหัวลูกสาวฉันออกไป! อยากเฉดหัวทิ้งก็ได้ แต่จำเป็นต้องให้ลูกชายฉันเข้าร่วม ดีที่สุดตั้งตำแหน่งของผู้ดูแล! ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันไม่รับปาก!”
พูดอยู่ สวีเฟินยังดึงเจียงอวี่โหรวไว้ พูดว่า “อวี่โหรว เวลานี้เธอจะสับสนไม่ได้นะ เธอทำไม่ได้เธอไม่อยากทำ ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าเธอต้องให้น้องชายเธอเข้าไปร่วมด้วย”
“ใช่แล้วพี่ พี่ไม่มีความสามารถก็ไม่เป็นไร ผมทำได้ พี่รีบพูดอะไรเข้าสิ” เจียงเฉินเป็นเดือดเป็นร้อน ล้อมเจียงอวี่โหรวไว้แล้วเดินวนไม่หยุด
ส่วนทางนั้น เจียงเหม่ยเหยียนกลับหัวเราะเยาะทีหนึ่ง พูดว่า “โอ๊ย ยังแปลกจริงๆ นะ จากแม่เลี้ยงกลายเป็นแม่แท้ๆ ตั้งแต่เมื่อไร ตอนแรกพวกคุณทำกับเจียงอวี่โหรวยังไงบ้าง พวกเราเห็นอยู่กับตาทั้งหมด เจียงอวี่โหรว เธอคิดให้ดีแล้วค่อยตัดสินใจ!”
เวลานี้เจียงอวี่โหรวนั่งอยู่บนที่นั่ง ในใจสับสนจนแทบแย่ สายตาก็ลอยไปลอยมา มีคำพูดบางอย่างติดตรงลำคอ พูดไม่ออกโดยสิ้นเชิง
เธอไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อนจริง ในใจรู้สึกกลัว
และในเวลานี้ เซียวจ้านกุมมือที่สั่นเทาและเย็นเฉียบเอาไว้ทันที ใช้สายตาที่อ่อนโยนมากๆ มองเธอ พูดว่า “อวี่โหรว เชื่อตัวเธอเอง เธอต้องทำเพื่อตัวเธอเอง มีชีวิตอยู่เพื่อเข่อเข่อ! ขอแค่เธอไม่ยินยอม ไม่ว่าพวกเขาจะทำยังไง ล้วนไม่สามารถแย่งการร่วมงานนี้ไปจากในมือเธอได้”
“ถูก! เธอต้องคำนึงถึงตัวเอง และต้องคำนึงถึงเข่อเข่อด้วย! มีแค่ครอบครัวของพวกเราเอาการร่วมงานนี้มาได้ ถึงสามารถหาเงินได้เยอะขึ้น พวกเธอถึงจะอยู่บ้านหลังใหญ่กว่าเดิมได้! ยังมีค่าเล่าเรียนของเข่อเข่อต่อไปนี้อีก เธอต้องคิดวิธีหาเงินกลับมาสิ” สวีเฟินพูดต่อเนื่องอยู่ด้านข้าง
ในใจเจียงอวี่โหรวยุ่งเหยิงมาก แต่ว่าพอเธอคิดถึงเข่อเข่อ พอคิดถึงเซียวจ้านที่อยู่ข้างกาย หัวใจที่ลังเลดวงนั้น จึงค่อยๆ สงบลงมา
ถูก!
มีชีวิตอยู่เพื่อตนเอง เพื่อเข่อเข่อ!
เธอเจียงอวี่โหรวคนนี้ ในเมื่อกลับมาตระกูลเจียงแล้ว ก็ต้องเรียนรู้ที่จะไปต่อต้าน ไปช่วงชิงผลประโยชน์ที่เป็นของพวกเธอสามคนพ่อแม่ลูกให้มากกว่าเดิม
นึกถึงตรงนี้ สายตาเจียงอวี่โหรวเปลี่ยนไปแน่วแน่มาก กุมมือเข้าด้วยกันจนแน่น สูดหายใจทีหนึ่ง ลุกขึ้นมองเจียงไท่ชางด้วยสีหน้าอึมครึมแล้วพูดว่า “คุณปู่คะ การร่วมงานกับลี่หมิน กรุ๊ป เป็นพวกเขาเลือกหนูค่ะ ดังนั้น หนูไม่เห็นด้วยที่จะยกงานทั้งหมดให้พี่เหม่ยเหยียน หนูก็อยากเข้าร่วม……”
“ใช่ๆๆ! พวกคุณได้ยินกันแล้วนะ ลูกสาวของฉันบอกแล้ว หล่อนอยากเข้าร่วม ยังมีลูกชายของฉันอีกคน!” สวีเฟินท่าทางดีใจมาก รีบพูดแทรกทันที
เจียงเหม่ยเหยียนโกรธจนเดินเข้ามาโดยตรง ชี้หน้าของเจียงอวี่โหรวก่อนจะตำหนิว่า “เจียงอวี่โหรว! เธอบ้าไปแล้วรึไง! เธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น มีสิทธิ์อะไรมาเข้าร่วม?”
“ฉัน……ฉันเรียนรู้ได้”
เจียงอวี่โหรวพูดออกมาประโยคหนึ่งแบบอ่อนแรง เห็นชัดว่าดูต่ำต้อยและไม่มั่นใจสุดๆ ทั้งยังถอยตัวไปด้านหลังอีกนิดหน่อย
แต่ว่า มือใหญ่ที่อบอุ่นข้างหนึ่ง กลับโอบเอวบางของเธอเอาไว้ในเวลานี้แล้ว
เซียวจ้านลุกขึ้นมาเงียบๆ จ้องเจียงเหม่ยเหยียนด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดว่า “เคารพต่อผู้หญิงฉันหน่อย! อีกอย่าง ฉันเตือนสติเธอเอาไว้สักอย่าง อวี่โหรวบอกแล้ว หล่อนอยากเข้าร่วม! ถ้าใครกล้าแย่ง งั้นการร่วมงานครั้งนี้ ทุกคนอย่าคิดจะเอาไปได้เลย!”
ตึง!
เจียงเหม่ยเหยียนโดนสายตาของเซียวจ้านทำเอาตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าวแล้ว
ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
เซียวจ้านคนนี้ ลักษณะท่าทางบนตัวทำไมถึงเย็นชาขนาดนี้
“คุณปู่คะ คุณปู่รีบพูดสิคะ การร่วมมือด้านโครงการในครั้งนี้สำคัญมากขนาดนี้ จะให้เจียงอวี่โหรวคนที่ไม่เข้าใจอะไรเลยไปได้ยังไงกัน? นี่……นี่ไม่ใช่ทำเสื่อมเสียชื่อเสียงตระกูลเจียงของพวกเราเหรอคะ!”
เจียงเหม่ยเหยียนรีบดึงแขนของเจียงไท่ชางทันทีแล้วเซ้าซี้
เจียงไท่ชางก็สีหน้าอึมครึม ครุ่นคิดข้อดีข้อเสียสักครู่ พูดด้วยเสียงหนาวเย็น “พอแล้ว! โดยเฉพาะโครงการเป็นเจียงอวี่โหรวได้กลับมา ในเมื่อหล่อนอยากเข้าร่วม งั้นก็ให้หล่อนเข้าร่วม!”
“คุณปู่ แต่ว่า……”
เจียงเหม่ยเหยียนยังอยากพยายามพูดอะไรบ้าง แต่ว่าท่านปู่ยกมือขัดจังหวะโดยตรงแล้วพูดว่า “แต่ว่า! ก่อนหน้านั้น ฉันอยากดำเนินการทดสอบความสามารถของพวกแกสองคนก่อน พวกแกเขียนแผนของการร่วมงานออกมาคนละชุด จากนั้นมาตัดสินลงคะแนนแบบไม่เปิดเผยชื่อกันที่บริษัท คนไหนที่ได้รับคะแนนมาก จะได้อำนาจทั้งหมดในการรับผิดชอบการร่วมงานของครั้งนี้! เซียวจ้าน เจียงอวี่โหรว การตัดสินอันนี้ของฉันเป็นยังไงบ้าง?”
พูดจบ ในสายตาของเจียงเหม่ยเหยียนสามคนพ่อแม่ลูก ก็เผยสีหน้าเข้าใจทันใดออกมาแล้ว บนหน้ามีรอยยิ้มอ่อนๆ
นี่พูดให้ชัดเจนคือท่านปู่เข้าข้างเจียงเหม่ยเหยียนนะสิ!
ครอบครัวของเจียงเสวโป๋ย่อมเข้าใจเหมือนกัน ตอนนั้นก็พูดโวยวาย “ท่านคะ นี่คือไม่ใช่ท่านแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าเข้าข้างเจียงเหม่ยเหยียนเหรอคะ! เจียงอวี่โหรวเพิ่งกลับมา ไม่เข้าใจอะไรเลย หล่อนพอจะเขียนแผนการดีๆ อะไรออกมาได้กัน!”
“ใช่ครับ! คุณพ่อ นี่มันยากเกินไปสำหรับเจียงอวี่โหรวเลยนะครับ” เจียงเสวโป๋ก็ทนดูต่อไปไม่ได้ อยากจะช่วงชิงสักหน่อย
เวลานี้แม้แต่เจียงอวี่โหรวยังไม่มั่นใจขนาดนั้น มองเซียวจ้านแบบกระวนกระวายใจ
ส่วนเซียวจ้าน กลับเดินเข้ามาก้าวหนึ่ง รับปากไปด้วยสายตานิ่งสงบ “ได้ครับ! ทำตามที่ท่านว่ามาเลย!”
จนกระทั่งจบการประชุม สวีเฟินกับเจียงเฉิน ยังตำหนิเซียวจ้านไม่เลิก ช่างมุทะลุโดยสิ้นเชิง
“มันเกินพอแล้วจริงๆ! ไอ้เซียวจ้านคนนั้น ก็คือคนโง่โดยแท้! รับปากอะไรไม่รับปาก ดันมารับปากเรื่องนี้!”
สวีเฟินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ใส่รองเท้าส้นสูงเดินเสียงดังปึงปังออกไปจากห้องประชุม
“ฮาๆๆ! เซียวจ้านคนนี้ ฉันยังคิดว่ามีความสามารถมากมาย ที่แท้นี่ไม่ใช่ว่ายกการร่วมงานให้ครอบครัวของเจียงเหม่ยเหยียนไปอย่างแจ่มแจ้งเหรอ”
“หึๆ ซื่อบื้อจริงๆ เสียเวลาเปล่า!”
คนตระกูลเจียงก็ออกไปจากเรื่อยๆ
ห้องประชุมอันกว้างใหญ่ เหลือเพียงเจียงอวี่โหรวที่อารมณ์เต็มไปด้วยความประหม่าและกังวลกับเซียวจ้านที่สีหน้าเรียบเฉย
“ขอโทษนะ เซียวจ้าน เป็นฉันไม่ดีเอง ต้องโทษฉัน ทำอะไรไม่เป็นเลย”
เจียงอวี่โหรวนั่งอยู่บนเก้าอี้ ดวงตาแดงก่ำ ก้มหน้าไว้ ผมสลวยย้อยลง บดบังใบหน้าสวยงามของเธอไว้ ส่วนมือก็วางไว้บนขาแบบอยู่ไม่สุขจับเสื้อผ้าไม่หยุด
ไม่ได้รับความเป็นธรรม ตำหนิตนเอง ขณะนี้มันอัดแน่นอยู่ในใจของเจียงอวี่โหรว
น้ำตาระยิบระยับก็ร่วงจากนัยน์ตาที่ใสแจ๋วของเธอ ยังมีเสียงสะอึกสะอื้นเบาๆ
เซียวจ้านเข้ามาหา กอดเจียงอวี่โหรวไว้ในอ้อมอก พูดปลอบใจ “เธอต้องเรียนรู้ที่จะเชื่อตัวเธอเอง และต้องเชื่อฉันด้วย วางใจก็พอ ยังมีเวลาอีกช่วงหนึ่งก่อนที่การร่วมมือด้านโครงการจะเริ่มต้น ช่วงเวลานี้ ฉันจะช่วยเธอทำแผนการให้สำเร็จด้วยกัน”
“จริงเหรอ?” เจียงอวี่โหรวเงยหน้า ลักษณะท่าทางที่ดูงดงาม เงยหน้ามองเซียวจ้านอยู่