พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 109 แผนร้าย
ตอนที่ 109 แผนร้าย
อันหลิงอีและหลี่ซื่อมาที่นี่เพื่อสร้างความร้าวฉานแด่ฮูหยินผู้เฒ่ากับอันหลิงเกอ แต่ถ้าอันหลิงเกอมิรู้สึกโกรธเคืองฮูหยินผู้เฒ่า แล้วพวกนางจักดำเนินแผนการต่อเยี่ยงไร ?
ท้ายที่สุดหลี่ซื่อที่อายุมากกว่าและอยู่จวนนี้นานกว่าสามสิบปีก็ย่อมมีความอดทนมากกว่าอันหลิงอีอยู่แล้ว นางจึงมิแสดงท่าทีอันใดออกมาเมื่อเห็นอันหลิงเกอมิโกรธเคืองฮูหยินผู้เฒ่าแม้แต่น้อย
เมื่อยุยงมิสำเร็จ นางจึงร่ายความเป็นห่วงเป็นใยใส่อันหลิงเกออยู่ครู่หนึ่งและแทบกอดอันหลิงเกอพร้อมนั่งร้องไห้ตรงนั้นเลยก็ว่าได้ ผ่านไปพักใหญ่นางจึงนำผ้าเช็ดหน้าออกมาและทำท่าเช็ดตรงหางตาที่มิเคยมีน้ำตาอยู่เลย “ฮูหยินใหญ่ด่วนจากไปเร็ว ข้าจึงคอยดูแลเรื่องทุกอย่างภายในจวนโหวแห่งนี้ ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ข้าดูแลเจ้ามิต่างจากบุตรสาวแท้ๆ มาโดยตลอด แต่น่าเสียดายที่บ่าวรับใช้เยี่ยงจางโมโม่ยุแยงความสัมพันธ์ของพวกเรา เช่นนั้นชีวิตของเกอเอ๋อคงมาอยู่จุดนี้มิได้หรอก”
ละครน้ำเน่าดำเนินไปอย่างมิรู้จบ เป็นเหตุให้อันหลิงเกอหวั่นไหวไปกับคำพูดนางจนลืมเรื่องที่ตนเผชิญหน้าแบบตาต่อตาฟันต่อฟันกับหลี่ซื่อและอันหลิงอีเมื่อมิกี่วันก่อน ดวงตาของอันหลิงเกอแดงก่ำและบนใบหน้าเผยให้เห็นความผิดหวังที่มีต่อฮูหยินผู้เฒ่า “เดิมทีข้าคิดว่าท่านย่าเป็นย่าแท้ ๆ ย่อมสนิทใจมากกว่าอี๋เหนียง แต่เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้ข้าเข้าใจ แม้ย่าเป็นญาติทางสายเลือด แต่ถ้านางมิได้รักข้าก็สู้อี๋เหนียงที่มิใช่สายเลือดเดียวกันมิได้”
เมื่อหลี่ซื่อได้ยินอันหลิงเกอกล่าวเยี่ยงนั้นก็ส่งสายตาให้อันหลิงอีทันที นางจึงรีบเดินเข้าไปหาอันหลิงเกอพร้อมจับมือเอาไว้และกล่าวด้วยท่าทางจริงใจ “นึกถึงช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่ท่านย่า ท่านอารองและท่านอาสามยังมิมาอยู่ที่จวนโหว ในจวนมีเพียงท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าและพี่หญิงสี่คน ตอนนั้นพวกเราใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข ! ”
อันหลิงอีกล่าวถึงเรื่องราวในวัยเด็ก ราวกับกำลังคิดถึงมันยิ่งนัก จากนั้นก็ถอนหายใจยาวเหยียดและกล่าวว่า “น่าเสียดายที่หลังจากพวกท่านย่าเข้ามาอยู่ในจวน พวกเราก็มิได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกเลย”
อันหลิงเกอฟังพวกนางกล่าวโดยมิได้เก็บคำยุแยงมาใส่ใจแม้แต่น้อย
เมื่อย้อนนึกตามคำกล่าวของอันหลิงอี ก่อนที่ฮูหยินผู้เฒ่าจักกลับมาอยู่จวน ชีวิตในจวนสงบสุขจริง ๆ ทว่าความสุขนั้นมีไว้ให้อันหลิงอี เพราะในช่วงเวลานั้นนางกำลังโดนพวกสาวใช้กลั่นแกล้งอยู่ ด้วยนิสัยขี้ขลาดจึงมิกล้ากล่าวอันใดออกมาต่อหน้าหลี่อี๋เหนียง
หากมิใช่การกลับชาติมาเกิดใหม่ นางก็ยังมองมิออกว่าสาวใช้พวกนั้นได้รับคำสั่งจากหลี่อี๋เหนียงจึงกล้าลงมือกับเจ้านายตัวจริงเยี่ยงนั้น
ในขณะที่อันหลิงเกอกำลังครุ่นคิดอยู่ มุมปากก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมาเล็กน้อย
ดวงตาเฉียบคมของหลี่ซื่อมองเห็นท่าทีของอันหลิงเกอจึงรีบดึงเสื้ออันหลิงอีเพื่อส่งสัญญาณให้หยุดกล่าววาจา
ตอนเด็กอันหลิงเกอมีชีวิตเยี่ยงไร นางย่อมรู้ดีกว่าใคร ตอนนี้อีเอ๋อยกขึ้นมาพูด นางจึงกลัวว่าจักไปสะกิดแผลใจของอันหลิงเกอ
อันหลิงอีได้รับสัญญาณเตือนจากมารดาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางดูหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อนึกถึงตอนเด็ก นางยังเคยล้ออันหลิงเกออยู่บ่อย ๆ หลังจากอันหลิงเกอโมโหและเสียใจแล้วนางก็บอกว่าล้อเล่น บอกให้อันหลิงเกอมิต้องโมโหตน
“มิว่าเยี่ยงไร เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปเถิด ขอเพียงมีข้าอยู่ข้าง ๆ เกอเอ๋อต้องได้รับความเป็นธรรมอย่างแน่นอน” หลี่ซื่อมิกล่าวถึงเรื่องในอดีต นางแสดงให้เห็นความเมตตาของตนที่มีต่ออันหลิงเกอ
หลังจากนั้นหลี่ซื่อก็หยิบตลับสีครามออกมาจากกระเป๋าอกเสื้อแล้ววางบนมือของอันหลิงเกอ “นี่คือครีมบำรุงใบหน้าที่หลี่กุ้ยเฟยให้คนส่งมาจากในวัง มันเป็นของล้ำค่า ข้ายังทำใจใช้มิลงเลย แต่ตอนนี้เกอเอ๋อมีแผลที่ใบหน้าก็ควรดูแลให้ดี ข้าจึงนำของสิ่งนี้มามอบให้เจ้า”
“ข้าจักรับไว้ได้เยี่ยงไร ? ”
อันหลิงเกอรีบคืนครีมบำรุงกลับไป ทว่าหลี่ซื่อมิรับคืน เพียงคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า “ข้าอยู่ในจวนมานานหลายปี ยังกลัวว่าท่านโหวจักรังเกียจความแก่ของตนอีกหรือ ? แต่เกอเอ๋อมิเหมือนกันเพราะเจ้าต้องออกเรือน เรื่องหน้าตาเป็นเรื่องสำคัญยิ่งนัก หากมู่ซื่อจื่อ…อย่างไรก็ตามใบหน้าผู้หญิงจักมีปัญหามิได้เป็นอันขาด เกอเอ๋อเพียงจำไว้ว่าข้ามิมีทางทำร้ายเจ้าอย่างแน่นอน”
อันหลิงอีเห็นมารดามอบครีมบำรุงที่ได้จากในวังให้อันหลิงเกอก็ทำปากมุ่ยอยู่ด้านข้างและแสดงให้เห็นว่ามิค่อยพอใจสักเท่าไร “ท่านแม่ช่างดีกับพี่หญิงเสียจริง ข้าถามหาครีมบำรุงนี้จากท่านตั้งนานสองนาน แต่ท่านมิเอามาให้ข้าใช้ ตอนนี้กลับเอามาให้พี่หญิงแทน”
“เด็กคนนี้เป็นอันใดไป ? ” หลี่ซื่อกล่าวพร้อมถลึงตาใส่อันหลิงอีราวกับเกลียดชังที่อันหลิงอีพูดมาก เมื่อถูกตำหนิอันหลิงอีจึงได้แต่มุ่ยปากและมิกล่าวอันใดออกมาอีก
อันหลิงเกอถือตลับครีมไว้ในมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มแต่ยังดันตลับนั้นออกห่างเพื่อคืนให้หลี่ซื่อ “ครีมนี่ล้ำค่ายิ่ง คงมีเพียงหลี่กุ้ยเฟยและฮองเฮาที่ได้ใช้ แล้วข้าจักกล้ารับจากท่านได้เยี่ยงไร ? ”
“มิว่าครีมนี้ล้ำค่าเพียงไร แต่จักสำคัญเท่าใบหน้าของเจ้าหรือ ? ” หลี่ซื่อผลักยาไปและพยายามพูดโน้มน้าวอันหลิงเกอ “ครีมนี้หมดก็คือหมด แต่หากใบหน้าของเกอเอ๋อมีแผลเป็นขึ้นมา มันจักมิมีวันรักษาหาย”
เพื่อกล่าวโน้มน้าวอันหลิงเกอ หลี่ซื่อจึงพูดให้สถานการณ์รุนแรงเพราะกลัวอันหลิงเกอมิรับครีมบำรุงไว้
อันหลิงเกอเห็นท่าทีของหลี่ซื่อพยายามโน้มน้าวตนก็หัวเราะเยาะอยู่ในใจ จากนั้นจึงรับตลับครีมมาอย่างลังเล “ในเมื่อเป็นความหวังดีจากอี๋เหนียง เกอเอ๋อก็จักขอรับไว้”
“เจ้าตัดสินใจถูกแล้ว” หลี่ซื่อกล่าวพร้อมถอนหายใจออกมาแล้วหันไปสบตากับอันหลิงอี ในเสี้ยวเวลานั้นแววตาของสองแม่ลูกทั้งดีใจและตื่นเต้นเล็กน้อย
อันหลิงอีเก็บซ่อนใบหน้าแห่งความสุขไว้แล้วแสร้งกล่าวด้วยความใจเย็น “พี่หญิงบาดเจ็บ เดิมทีควรรักษาตัวให้ดี แต่พรุ่งนี้ข้าและพี่หญิงต้องไปเรียนที่สำนักศึกษาจิงตู เยี่ยงนั้นอีเอ๋อและท่านแม่มิรบกวนแล้วเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอพยักหน้าแล้วมองส่งพวกนางออกจากเรือนฉีอู๋ จากนั้นจึงก้มหน้ามองสำรวจตลับครีมในมือ
“วันนี้ฮูหยินรองกับคุณหนูรองทำตัวผิดปกติไปนะเจ้าคะ” ปี้จูเดินเข้ามาพร้อมจ้องตลับครีมในมือของอันหลิงเกอด้วยใบหน้าตกใจเล็กน้อย “พวกนางโดนปิศาจสิงร่างหรือเยี่ยงไรจึงมาทำดีกับคุณหนู เมื่อมิกี่วันก่อนยังอยากทำให้คุณหนูหายไปแท้ ๆ เจ้าค่ะ”
หมิงซินที่ยืนอยู่ก็หัวเราะออกมาเพราะคำกล่าวของปี้จู ใบหน้าอ่อนโยนและงดงามมีลักยิ้มทั้งสองข้าง “พวกนางอยากตีสนิทกับคุณหนูที่ไหนเล่า เห็นชัดเจนว่าพวกนางต้องการให้คุณหนูรับครีมบำรุงนี้ไว้ แต่กลัวคุณหนูระแวงจึงกล่าวออกมาเยอะเพียงนั้น”
“ฮึ! ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกนางมิได้มาดี” ปี้จูกล่าวพร้อมเชิดหน้าขึ้น จากนั้นก็รีบแนะนำคุณหนูว่า “ครีมบำรุงนี้ต้องมีปัญหาแน่นอนเจ้าค่ะ คุณหนูอย่าใช้มันเด็ดขาด ถ้าใบหน้าของคุณหนูเสียโฉมขึ้นมา มันจักเกิดปัญหาใหญ่จริง ๆ เจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอเปิดตลับแล้วดมกลิ่นเพื่อวิเคราะห์ส่วนผสมของครีมบำรุง หลังดมกลิ่นเสร็จก็ปิดฝาดังเดิม “ครีมนี้มิได้มีปัญหาอันใด”
“มิมีปัญหา จักเป็นไปได้เยี่ยงไงเจ้าคะ ? ” ปี้จูทราบว่าคุณหนูรู้วิชาแพทย์ แต่ก็อดเอ่ยถามมิได้อยู่ดี “หรือสองคนนั้นจักหวังดีต่อคุณหนูจริง ? ”
อันหลิงเกอเค้นเสียง ฮึ ! ออกมา หากกล่าวว่าหลี่ซื่อหวังดีต่อนางจริง ๆ มิสู้เชื่อว่าแม่หมูปีนต้นไม้ได้ยังดีเสียกว่า
พลันริมฝีปากของอันหลิงเกอก็ยกยิ้ม ดวงตาฉายแววลึกล้ำคาดเดาความคิดมิออก “ครีมบำรุงมิมีปัญหาอันใด แต่ปัญหาอยู่ที่มือของหลี่อี๋เหนียง เมื่อครู่ตอนหลี่อี๋เหนียงจับมือข้าก็รู้สึกแปลก ๆ จึงคิดว่านางทาบางอย่างบนฝ่ามือไว้เพราะมือนางลื่นกว่ามือคนปกติมาก”
หลังจากกล่าวจบอันหลิงเกอก็พลิกดูฝ่ามือตนเองจึงพบฝ่ามือกลายเป็นสีเขียวคล้ำไปแล้ว