พลิกชะตาชายาสยบแค้น - ตอนที่ 122 สืบ
ตอนที่ 122 สืบ
เนื่องจากเกิดเหตุการณ์มิคาดฝันในสำนักศึกษาจิงตูและยังเกี่ยวพันถึงชีวิตของอันหลิงเกอ ทางมู่จวินฮานจึงรีบสั่งองครักษ์เงาไปสืบเรื่องนี้โดยละเอียด
ผ่านไปมิถึง 1 ชั่วยาม องครักษ์เงาก็กลับมารายงาน
“เรียนนายท่าน ข้าน้อยสืบมาอย่างละเอียดแล้วพบว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของคุณหนูสามแห่งจวนโหว นางซื้อตัวคนเลี้ยงม้าในสำนักศึกษาจิงตูเพราะอยากเอาชีวิตคุณหนูใหญ่อันขอรับ”
มู่จวินฮานนั่งอยู่ริมหน้าต่างของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง พอได้ยินเยี่ยงนี้ก็ทำให้ดวงตาที่เฉียบคมของเขาฉายความเย็นชาและน่ากลัวออกมา
หลังจากนั้นริมฝีปากบางก็ยกยิ้มร้ายกาจ “ถ้าข้าจำมิผิด คุณหนูสามจวนโหวผู้นั้นคิดสังหารเกอเอ๋อหลายคราแล้ว”
บุตรีของอนุภรรยาผู้หนึ่งพึ่งพาบารมีมารดาแล้ววางแผนทำร้ายบุตรีภริยาเอกหลายต่อหลายครั้งก็ถือว่าใจกล้าเสียจริง
องครักษ์เงาพยักหน้า จากนั้นก็เล่าสิ่งที่ตนรู้ออกมาทั้งหมด “แม้ทุกคนในจวนโหวทราบแล้วว่าผู้ร้ายคือใคร ทว่าพวกเขาก็ทำตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่าโดยผลักความผิดไปให้สาวใช้ ส่วนคุณหนูสามมิต้องรับโทษอันใดเลยขอรับ”
“พวกเขาต้องเก็บกวาดเรื่องนี้ให้สะอาดหมดจดอยู่แล้ว มิเช่นนั้นฮ่องเต้เอาผิดขึ้นมา คนที่เดือดร้อนจักเป็นคนทั้งจวนโหว” ใบหน้าของมู่จวินฮานมองมิออกว่ารู้สึกอันใดกันแน่ “น่าโมโหที่เด็กน้อยของข้าตกใจและยังมิได้รับความเป็นธรรมเยี่ยงนี้”
องครักษ์เงาทราบดีว่าเด็กน้อยที่มู่จวินฮานกล่าวถึงคือผู้ใด
หลังจากนั้นองครักษ์เงาก็ก้มหน้าลง แต่บนใบหน้าฉายความลำบากใจออกมาเล็กน้อย “เอ่อ..นายท่านขอรับ คนที่ออกความคิดให้สาวใช้รับโทษแทนก็คือคุณหนูใหญ่ขอรับ”
เช่นนั้นคุณหนูใหญ่อันก็มิใช่คนยุติธรรมแต่อย่างใด
นี่คือความคิดขององครักษ์เงา เพียงแต่มิกล้ากล่าวออกมาตามตรง
มู่จวินฮานตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เค้นเสียงหัวเราะออกจากลำคอ “ข้าลืมไปว่าเด็กน้อยของข้าเป็นคนฉลาดและมิยอมเสียเปรียบผู้ใด”
ในเมื่อนางทราบว่าฮูหยินผู้เฒ่าปิดบังเรื่องนี้เพื่อจวนโหว นางจึงจงใจออกความคิดให้สาวใช้รับผิดแทน หนึ่งคือแสดงให้เห็นว่านางเห็นแก่ส่วนร่วม และสองคือการตัดแขนขาของอันหลิงอี
แม้ภายนอกอันหลิงอีเหมือนมิได้สูญเสียอันใด ทว่าการเสียสาวใช้คนสนิทไป 1 คนก็ถือว่าส่งผลกระทบต่อคุณหนูสามเข้าแล้ว
องครักษ์เงาครุ่นคิดตามและก็เข้าใจเหตุผลในที่สุด
ก็ว่าเหตุใดคนเย็นชาเยี่ยงนายท่านถึงหวั่นไหวเพราะคุณหนูใหญ่อัน ที่แท้สตรีฉลาดเฉลียวเช่นคุณหนูใหญ่อันมีเพียงหนึ่งมิมีสอง
มู่จวินฮานคลี่ยิ้ม หลังจากรู้แผนการของอันหลิงเกอแล้วเขาก็พับเก็บเรื่องนี้เอาไว้ “เรื่องร้านขายยา เจ้าสืบไปถึงไหนแล้ว ? ”
เมื่อมินานมานี้เขาสังเกตว่ามีคนแอบกักตุนยาจากร้านยาขนาดใหญ่ในเมืองหลวงหลายแห่ง ด้วยเหตุนี้จึงสั่งร้านขายยาพวกนั้นว่าหากผู้ใดมาสั่งซื้อยาปริมาณมากก็มิต้องขายให้
องครักษ์เงาเรียบเรียงคำพูดครู่หนึ่งแล้วรายงานออกไป “เรียนนายท่าน ช่วงหลายวันนี้ข้าน้อยเฝ้าดูร้านยาเหล่านั้น พบว่าสมุนไพรบางชนิดที่นายท่านบอกก็ยังถูกใครบางคนซื้อเป็นจำนวนมาก และข้าน้อยไปดูร้านยามิกี่แห่งที่อยู่ในความดูแลของจวนอ๋องมู่ก็เห็นว่าสมุนไพรมิกี่ชนิดถูกขายออกจำนวนมากเช่นกัน ช่างแตกต่างจากสถานการณ์ในปีก่อนหน้าขอรับ”
อีกนัยหนึ่งคือแม้โดนจำกัดการซื้อโดยต้องมีใบสั่งยาจากท่านหมอเท่านั้น ทว่าพวกเขาก็หาวิธีอื่นเพื่อกักตุนสมุนไพรอยู่ดี
มู่จวินฮานเผยแววตาฉงนออกมาเล็กน้อย มิทราบว่าผู้ใดที่สามารถซื้อสมุนไพรจากร้านยาภายใต้การดูแลของเขาไปได้ น่าเสียดายที่เมืองหลวงกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ เขาจักออกคำสั่งให้ร้านยาหยุดจำหน่ายยาแก่ราษฎรก็มิได้อีก
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มู่จวินฮานก็ออกคำสั่งแก่องครักษ์เงาอีกครั้ง “จงสืบเรื่องนี้ต่อ ห้ามพลาดเบาะแสแม้แต่ชิ้นเดียว”
องครักษ์เงาจากไปพร้อมคำสั่ง คาดมิถึงว่าทางฝั่งมู่จวินฮานยังสืบมิกระจ่างว่าผู้ใดกักตุนสมุนไพร ฝ่ายอันหลิงอีก็ทราบเรื่องนี้โดยบังเอิญเสียแล้ว
……
“คนชั้นต่ำอันหลิงเกอดวงแข็งเสียจริง” น้ำเสียงของอันหลิงอีเต็มไปด้วยความเคียดแค้น เป็นเหตุให้สาวใช้ข้างกายต้องก้มหน้าก้มตาและมิกล้าส่งเสียงออกมา
วันนี้มีการเลื่อนตำแหน่งสาวใช้ทั่วไปให้เป็นสาวใช้คนสนิท เดิมทีสาวใช้ผู้นี้เป็นเพียงคนงานทำเรื่องเล็กน้อยในเรือนของอันหลิงอี แต่เพราะสาวใช้คนก่อนโดนลงโทษจนตาย นางจึงได้รับคำสั่งให้มาดูแลข้างกายอันหลิงอีและได้เลื่อนขั้นเป็นสาวใช้คนสนิท
สาวใช้คนนี้อยู่ในเรือนของอันหลิงอีมาได้สองสามปีแล้ว นางย่อมรู้ดีว่านายหญิงของเรือนมีนิสัยเย่อหยิ่งเพียงใด เมื่อทราบว่าตนถูกเลื่อนเป็นสาวใช้คนสนิท ในใจย่อมมิยินดีแต่เป็นความกระวนกระวายแทน สิ่งที่นางหวาดกลัวคือหากทำอันใดผิดเพียงเล็กน้อยก็จักถูกอันหลิงอีลงโทษอย่างหนัก
เมื่อท่าทางระแวดระวังของสาวใช้ตกอยู่ในสายตาของอันหลิงอีก็เป็นเหตุให้นางรู้สึกโมโหยิ่งกว่าเดิม “เจ้ายืนห่างข้าถึงเพียงนี้ด้วยเหตุใด กลัวข้ากินเนื้อเจ้าหรือ ? ”
“บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ” สาวใช้คนใหม่รีบเดินมาด้านหน้าสองก้าว แต่เพิ่งเดินมาถึงข้างตัวอันหลิงอี อีกฝ่ายก็สะบัดมือตบหน้าของนางอย่างรวดเร็ว
“โง่เง่าเสียจริง มิฉลาดเหมือนหงเถาสักนิด” อันหลิงอีคิดถึงหงเถาก็ยิ่งมิชอบหน้าสาวใช้คนนี้เข้าไปใหญ่
เดิมทีนางมีสาวใช้คนสนิท 2 คน แต่ไป๋หยูทรยศนางจนถูกมารดาสังหารตอนอยู่ที่วัดชิงหยุน เหลือเพียงหงเถาที่ภักดีเพียงคนเดียว แต่แล้วก็ต้องมารับโทษแทนนางจนตาย
สาวใช้คนใหม่เพิ่งเลื่อนตำแหน่งขึ้นมา มิรู้ด้วยซ้ำว่านางกำลังวางแผนอันใดอยู่ ในเวลานี้นางกำลังคิดเผชิญหน้ากับอันหลิงเกอด้วยตนเอง แต่สาวใช้คนนี้กลับก้มหน้าก้มตา มิว่ามองเยี่ยงไรก็มิชอบใจเสียเลย
เมื่อเห็นใบหน้าของอันหลิงอีเคร่งขรึม สาวใช้คนใหม่ก็รีบคุกเข่า “คุณหนูสามอย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ เดิมทีบ่าวก็เป็นคนโง่เขลาอยู่แล้ว ถ้าคุณหนูสามมิชอบใจก็ไล่บ่าวไปเป็นสาวใช้ทำงานหนักก็ได้เจ้าค่ะ”
สาวใช้ผู้นี้แทบอดใจรอมิไหวที่ได้ออกห่างจากอันหลิงอี เป็นสาวใช้ทำงานหนักคนหนึ่งก็ยังดีกว่าอยู่ข้างกายอันหลิงอี เพราะอย่างน้อยก็มิต้องห่วงเรื่องชีวิต
วันนี้หงเถารับโทษแทนและถูกทรมานร่างกายเต็มไปด้วยโลหิต นางแค่มองครู่เดียวก็กลัวยิ่งกว่าอันใด แต่บรรดาโมโม่กลับจ้องมองร่างกายนั้นอย่างเลือดเย็น
“ในฐานะสาวใช้ข้างกายของข้า หงเถากล้ามีความคิดทำร้ายเจ้านาย ท่านย่าจึงสั่งลงโทษโดยการโบย 50 ไม้ สาวใช้เยี่ยงพวกเจ้าจำไว้ให้ดีว่าหากผู้ใดมีความคิดเยี่ยงนี้อีกก็จักมีจุดจบเยี่ยงหงเถา”
เมื่อสาวใช้คนใหม่ได้ฟังก็รู้สึกกลัว แม้นางเป็นบ่าวชั้นรอง แต่ก็รู้ว่าหงเถารับโทษแทนคุณหนูสามต่างหาก
เมื่อก่อนหงเถาดูยิ่งใหญ่มาก ท้ายที่สุดบนตัวก็มิเหลือแม้แต่ร่างอันสมบูรณ์ ตัวนางเองจึงมิอยากมีจุดจบเยี่ยงนั้น
สายตาของอันหลิงอีหยุดอยู่ที่สาวใช้คนใหม่และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “กลัวว่าอยู่ข้างกายข้าแล้วจักเป็นเหตุให้เจ้าลำบากหรือ ? ”
“บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ” สาวใช้รีบพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจอย่างรวดเร็ว “เพียงแค่บ่าวเป็นคนโง่เขลา กลัวเป็นตัวถ่วงคุณหนูเจ้าค่ะ ตอนพี่หงเถารับใช้ข้างกายคุณหนู บ่าวก็อิจฉานางมาก มักคิดว่าพี่หงเถามีบุญจากชาติก่อนจึงสามารถรับใช้ข้างกายคุณหนูสามได้เจ้าค่ะ”